อาหารที่ใส่ความเป็นเลบานอน และช็อกโกแลตบาร์ที่ขนมหวานมาในรูปเครื่องดื่ม

ชื่อลีลาวดีอาจฟังดูเป็นห้องอาหารไทย แต่จริงๆ แล้วเป็นการตั้งชื่อให้สอดคล้องกับต้นลีลาวดีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมเมอเวนพิค สุขุมวิท 15 และความพิเศษของห้องอาหารลีลาวดีหาใช่แค่อาหารไทย แต่ยังเน้นไปที่อาหารยุโรปสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่มีกลิ่นอายของอาหารเลบานอนอยู่ด้วย รวมทั้งมีช็อกโกแลตบาร์ที่เลือกใช้ช็อกโกแลตจากสวิตเซอร์แลนด์ผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นเมนูเครื่องดื่มที่คุณไม่เคยเห็นอย่างแน่นอน

อย่างที่รู้กันว่าอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนค่อนข้างได้รับความนิยม เพราะเป็นอาหารแนวสุขภาพที่เน้นหนักไปทางธัญพืช ถั่ว น้ำมันมะกอก วัตถุดิบทางทะเล หรือถ้าเป็นเนื้อสัตว์ก็ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ จุดเด่นเหล่านี้ พอได้ผ่านฝีมือการทำอาหารของเชฟโอมาร์ เชฟชาวเลบานอนประจำห้องอาหารลีลาวดี ก็ยิ่งทำให้อาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนมีความเป็นเลบานอนอยู่หน่อยๆ จนอาจไม่คุ้นลิ้นคนไทยเท่าไรนัก

อย่างนี้คงต้องเริ่มจากอาหารไทย เช่น ผัดไทย ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานไก่กับข้าว (ราคา 240 บาท) โดยเฉพาะเมนูเสือร้องไห้ (ราคา 320 บาท) เชฟเลือกใช้เนื้อส่วนที่นิ่มและติดมัน หมักกับเครื่องเทศ ย่างแบบสุกกำลังดี ทำให้รสชาติหอมกลิ่นเครื่องเทศและได้ความหวานฉ่ำของเนื้อ เมื่อราดซอสสูตรพิเศษก็ได้เป็นเสือร้องไห้ที่เข้มข้นทั้งเผ็ด เปรี้ยว และหวาน

อีกจานที่เป็นเมนูสมัยใหม่ ฉู่ฉี่แซลมอน ตัวแซลมอนมีคุณภาพนำเข้าจากนอร์เวย์ ย่างให้สุกปานกลางเพื่อคงความหวานของเนื้อ และนุ่มละมุนลิ้น เสิร์ฟคู่กับซอสฉู่ฉี่เข้มข้น ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ จะยิ่งเพิ่มความอร่อยเป็นทวีคูณ

แต่ไฮไลท์คงเป็นอาหารยุโรปสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ใส่ความเป็นเลบานอนเข้าไป เริ่มที่ ฮัมมัส อาหารทานเล่นที่นิยมในตะวันออกกลาง ใช้ถั่วลูกไก่เป็นวัตถุดิบหลัก ที่ต้องผ่านขั้นตอนการทำมากถึง 12 ชั่วโมงเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ละเอียดนวลเนียน ถัดมาเป็นมิกซ์ กริล (ราคา 840 บาท) เนื้อแกะและเนื้อไก่หลากหลายรสชาติถึง 5 ชนิด เช่น เคบับ สันในแกะ ซี่โครงแกะ หมักด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ นำไปย่างจนเนื้อนุ่ม รสเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ เพิ่มความโดดเด่นด้วยซอสกระเทียม

อาหารประเภทเย็นอย่าง Mixed Mezze Platter (ราคา 220 บาท) เมซซ่า 3 ชนิดทานคู่กับขนมปังสูตรพิเศษตามแบบฉบับของเมดิเตอร์เรเนียน หรือจะลอง Tabule Salad (ราคา 160 บาท ) สลัดผักประกอบด้วยพาสลีย์ มะเขือเทศ หัวหอม และมิ้นต์ เป็นต้น รสชาติของสลัดจานนี้จะเปรี้ยวนำ

ส่วนใครชอบชีสต้องลอง Cheese Board (ราคา 420 บาท) ที่รวบรวมชีสหลายชนิดเสิร์ฟคู่กับถั่วและผลไม้แห้ง และคนรักเนื้อก็ห้ามพลาด Beef Tenderloin เนื้อชิ้นโตเสิร์ฟคู่กับมันบด กับอีกเมนูคือ Beef Tartare เนื้อวัวสับละเอียดผสมเครื่องเทศสูตรเฉพาะของเชฟ

อิ่มของคาวแบบจัดเต็มแล้ว ก็ถึงเวลาของหวาน แนะนำเป็น Mango Cheesecake (ราคา 260 บาท) รสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น ดึงเอารสชาติเปรี้ยวและหวานของชีสและมะม่วงออกมาได้อย่างลงตัว ผสมกับความหอมมันของถั่วอัลมอนด์ ถือเป็นของหวานสุดฟินทีเดียว

สิ่งที่พลาดไม่ได้คือช็อกโกแลตบาร์ เลือกใช้ช็อกโกแลตจากสวิตเซอร์แลนด์มาดัดแปลงเป็นเครื่องดื่มม็อกเทลและค็อกเทล ซึ่งเราสามารถเลือกระดับความเข้มข้นได้ตั้งแต่ 70% 80% และ 90% ซึ่งเมนูที่เราได้ลองชิมเป็น Choco Cartro (ราคา 360 บาท) ช็อกโกแลตที่มาละลายกับนมและครีม แล้วใส่คอนยัค เหล้ารัม แล้วท๊อปด้วยวิปปิ้งครีม และช็อกโกแลตวางด้านบน รสชาติจะออกหวานและปนความขมของเหล้า

อีกเครื่องดื่มเป็น MVP Tiramisu (ราคา 360 บาท) ที่ใช้ช็อกโกแลตนมละลายกับวอดกา ใส่เหล้ารัม อัลมอนด์ไซรัป เหล้ากลิ่นกาแฟ และเหล้ากลิ่นคาราเมล ทำให้ตัวนี้จะออกหวานหอมกลิ่นอัลมอนต์อ่อนๆ