จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นักการเมืองวัย 37 ปี ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และเพิ่งเข้ารับตำแหน่งสำคัญ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 40 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของนิวซีแลนด์ ในชีวิตส่วนตัวเธอมีแฟนหนุ่มเป็นพิธีกรรายการทีวี ยังไม่มีลูก แต่ล่าสุดเธอถูกตั้งคำถาม “วางแผนจะมีลูกหรือยัง” ทำให้เกิดประเด็น ‘Sexism’ หรือการแบ่งแยกเพศขึ้นมาในสังคมประเทศเกาะ

ผู้หญิงวัย 30 กลางๆ คนหนึ่ง ครองหัวใจหนุ่มพิธีกรที่คบหา มีหน้าที่การงานในแวดวงการเมือง และเพิ่งผ่านพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2017 ถามว่าเธอบรรลุเป้าหมายในชีวิตหรือยัง? หรือยังต้องการอะไรนอกเหนือจากความสำเร็จในอาชีพการงาน? ชีวิตคู่ ทายาท ครอบครัวที่อบอุ่น? และขอบเขตของสื่อหรือสาธารณชนมีแค่ไหน ที่จะใช้สิทธิ์ในการตั้งคำถามกับเธอถึงการวางแผนจะมีลูก ในขณะที่เธอมีงานสำคัญระดับประเทศที่จะต้องบริหารจัดการ

ประเด็นขัดแย้งเริ่มจากบทสัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ยามเช้า มาร์ก ริชาร์ดสัน (Mark Richardson) พิธีกรรายการ AM Show ของสถานี TV3 สัมภาษณ์จาซินดา อาร์เดิร์น ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของนิวซีแลนด์ มีการสอบถามเรื่องส่วนตัว ทั้งในเรื่องความรัก การใช้ชีวิตคู่ ไปจนถึงเรื่องการวางแผนครอบครัว กระทั่งกลายเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับความใคร่รู้ของคนว่าควรมีขอบเขตแค่ไหน

คำถามว่า “คุณวางแผนไว้ว่าจะมีลูกเมื่อไหร่” ในความเห็นของริชาร์ดสัน เขามองว่าเป็นสิทธิ์ที่เขา-ในฐานะประชาชน-พึงรับรู้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า นายกรัฐมนตรีหญิงจะลาคลอดเมื่อไหร่ เขาเปรียบเทียบกับเจ้าของบริษัทที่ควรรับรู้เรื่องราวของพนักงานหญิงในบริษัทของตน เขาคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าหากนายกรัฐมนตรีจะตั้งครรภ์ระหว่างการดำรงตำแหน่ง

ขอบเขตของสื่อหรือสาธารณชนมีแค่ไหน ที่จะใช้สิทธิ์ในการตั้งคำถามกับเธอถึงการวางแผนจะมีลูก ในขณะที่เธอมีงานสำคัญระดับประเทศที่จะต้องบริหารจัดการ

จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีคนใหม่จากพรรคแรงงาน (Labour Party) ของนิวซีแลนด์ ที่ก้าวขึ้นรับตำแหน่งแทน แอนดรูว์ ลิตเติล (Andrew Little) ที่เพิ่งลาออกไป เหตุผลเพราะเขาฉุดคะแนนความนิยมในพรรคแรงงานของตนให้ตกต่ำ ในเดือนกันยายน ปี 2017 ที่มีการเลือกตั้งรัฐสภาในนิวซีแลนด์ จากผลการสำรวจความเห็นพบว่า คะแนนความนิยมของพรรคเสรีนิยมฝ่ายขวาอย่าง National Party อยู่ในระดับสูงกว่า ขณะที่ความนิยมในพรรคแรงงานตกลงมาที่ 24 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งเมื่อจาซินดา อาร์เดิร์น เข้ามารับหน้าที่หัวหน้าพรรคในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 คะแนนความนิยมของพรรคในสายตาของประชาชนที่พร้อมจะให้การสนับสนุนก็เพิ่มขึ้นเป็น 46 เปอร์เซ็นต์ และเสียงสนับสนุนเหล่านั้นล้วนมาจากผู้หญิงและคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้น ทำให้หลายคนเชื่อมั่นว่า เธอคือความหวังใหม่ของพรรคแรงงาน

จาซินดา เกิดเมื่อปี 1980 ที่เมืองแฮมิลตัน บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ เป็นบุตรสาวของครอบครัวนายตำรวจ เข้าเรียนชั้นประถมฯ และมัธยมฯ ในเมืองมอร์รินส วิลล์ ก่อนย้ายไปเรียนต่อในมูรูปารา ตามพ่อของเธอซึ่งต้องไปประจำการที่นั่น และสำเร็จการศึกษาด้านการสื่อสารจากมหาวิทยาลัยไวคาโต

เธอเข้าสังกัดพรรคแรงงานตั้งแต่อายุ 17 ปี ภายหลังเรียนจบ เธอทำงานให้กับ ฟิล กอฟฟ์ (Phil Goff) และ เฮเลน คลาร์ก (Helen Clark) ก่อนรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายในออฟฟิศคณะรัฐมนตรีที่กรุงลอนดอน 3 ปี ในปี 2007 เธอได้รับตำแหน่งเป็นประธานของ International Union of Socialist Youth ปีถัดมาเธอได้รับเลือกเข้าสภาสังกัดพรรคแรงงานในไวคาโต นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ครองตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาของนิวซีแลนด์ในเวลลิงตัน และสังกัดพรรคแรงงานมาโดยตลอด กระทั่งได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรค ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านของพรรคตนเองในรัฐสภาด้วย

“ผู้หญิงหลายคนในนิวซีแลนด์มีความรู้สึกว่า คุณกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่า จะมีลูกดี หรือจะบริหารประเทศดี คุณคิดไหมว่ามันเป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือว่าคุณเลือกแล้ว” นี่คือประโยคคำถามที่พิธีกรรายการโชว์ตั้งให้หัวหน้าพรรคแรงงานตอบ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเธอเข้ารับตำแหน่งผู้นำ

ความเห็นของจาซินดาคือ มันเป็นการตัดสินใจของผู้หญิงเองว่า พวกเธอจะมีลูกเมื่อไหร่ และต้องไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการทำงาน

ก่อนหน้านี้เจซินดา อาร์เดิร์น เคยให้สัมภาษณ์ เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอก็จะมีครอบครัว ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคำถามตามมาหลังจากเธอได้รับตำแหน่งสำคัญว่า เธอจะเลือกงานหรือภาระครอบครัว และเป็นคำถามที่คล้ายกันสำหรับผู้หญิงอีกหลายคนในนิวซีแลนด์ เพียงแต่ต่างกันที่สถานการณ์เท่านั้น

ในรายการ AM Show จาซินดา อาร์เดิร์น กล่าวตอบริชาร์ดสันด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า ปกติแล้ว หากมีใครถามเธอเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของการเป็นแม่ เธอพร้อมจะตอบคำถามนั้นอย่างเปิดเผย แต่ประโยคที่พิธีกรตั้งเป็นคำถามกับเธอนั้น เธอรับไม่ได้ เธอรับไม่ได้ที่ในปี 2017 ยังมีใครพูดอ้างอีกว่า ผู้หญิงต้องตอบคำถามแบบนี้ในที่ทำงานของตนเอง “ฉันรับไม่ได้จริงๆ” เธอย้ำประโยคเดิมซ้ำครั้ง

ความเห็นของจาซินดาคือ มันเป็นการตัดสินใจของผู้หญิงเองว่า พวกเธอจะมีลูกเมื่อไหร่ และต้องไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการทำงาน ผู้คนหลากหลายเพศและวัยในโซเซียลมีเดียต่างเห็นพ้องกับเธอ ถือข้างฝ่ายเธอ และพากันโพสต์ความเห็นส่วนตัวว่า คำถามลักษณะนี้ไม่ควรที่ผู้ชายคนหนึ่งจะตั้งให้ผู้หญิงต้องตอบ

เช่นเดียวกับ บิลล์ อิงลิช (Bill English) อดีตผู้นำรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่ถูกนักการเมืองหญิงจากพรรคแรงงานโค่นในการเลือกตั้งรัฐสภาก็ให้เสียงสนับสนุน หลังจากคนดังของนิวซีแลนด์ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์อ้างถึงเขา ว่าเคยทำหน้าที่เป็นผู้นำบริหารประเทศควบคู่กับการเลี้ยงดูลูกๆ ถึง 6 คน อายุตั้งแต่ 2-13 ปี

อิงลิชให้คำตอบผ่านทวิตเตอร์ นิยามคำถามของพิธีกรรายการโชว์ว่า “ส่วนตัวเกินไป”

อ้างอิง:
www.stern.de
www.nzherald.co.nz
www.dw.com
Wikipedia

FACT BOX:

หนังสือพิมพ์ Herald ของนิวซีแลนด์ จัดทำโพลล์สำรวจความเห็นของประชาชนในประเทศ จำนวน 9,200 คน ได้คำตอบว่า

65 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วยในการตั้งคำถามกับผู้หญิงเรื่องการวางแผนมีบุตรในสถานที่ทำงาน

32 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยกับคำถามดังกล่าว

องค์กรสิทธิมนุษยชนในนิวซีแลนด์ออกมาให้คำแนะนำบรรดาลูกจ้าง ให้ปฏิเสธคำถามเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ความประสงค์ในการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด หรือการวางแผนครอบครัว โดยให้เหตุผลว่า คำถามเหล่านั้นอาจถูกนำมาเป็นข้อตัดสินใจในการจ้างงานหรือไม่จ้างงานได้ และการว่าจ้าง ไม่ควรมีเรื่องของการมีลูกหรือไม่มี มาเป็นเงื่อนไข

Tags: , , ,