จั่วหัวก่อนเลยนะครับ – Happy Pride!
ใจจริงยังมีประเด็นเกี่ยวกับเพศหลากหลายในตำนานและประวัติศาสตร์อินเดียอีกโข แต่ขอพักเอาไว้ก่อน ช่วงนี้ผมได้ใช้เวลากับพาร์ตเนอร์บนโต๊ะอาหารค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่เขาสนใจในวัฒนธรรมอาหาร วันหนึ่งเราคุยกันว่า “แล้ววัวหายไปจากโต๊ะอาหารของคนอินเดียตั้งแต่เมื่อไร”
คำถามนี้ของเขาพาผมย้อนกลับไปตรวจสอบประวัติศาสตร์อาหารของอินเดียอันยาวนาน เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับเพื่อนสี่ขาบนท้องถนนของชาวอินเดียว่า วัวลุกเดินออกจากจานอาหารไปตอนไหนกันนะ
ก่อนกาลอันศักดิ์สิทธิ์
อารยธรรมที่พึ่งพิงเกษตรกรรมอย่างอินเดีย คงไม่ต้องสงสัยว่า ‘วัว-ควาย’ เป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งให้แรง ให้นม ให้เนื้อ แม้แต่มูลของพวกมันยังเอามาทำเป็นเชื้อเพลิงได้ และก็ไม่ค่อยจะน่าแปลกใจเท่าไรนัก ถ้าเพื่อนมีเขาของพวกเราจะครองพื้นที่บางส่วนทางศาสนาและความเชื่อ จากบทบาทของพวกมัน
ย้อนไปเมื่อราว 5,000-2,500 ปีที่ผ่านมาแล้ว ในวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ-สรัสวตี ค้นพบโบราณวัตถุสำคัญทั้งภาชนะดินเผาเขียนสี เครื่องมือกระดูกขนาดเล็ก ประติมากรรมดินเผารูปผู้หญิง เกวียน และอื่นๆ อีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ ‘ตราประทับดินเผา’ ทำเป็นรูปต่างๆ ทั้งสัตว์ คน และตัวอักษร โดยมีตราประทับกลุ่มหนึ่งแสดงภาพ ‘วัว’ ในลักษณะได้รับการบูชา ด้วยการตั้งแท่นเตาไฟไว้ด้านหน้าวัว ตราประทับดังกล่าวสันนิษฐานว่า เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการบูชาวัวที่เก่าที่สุดในวัฒนธรรมอินเดีย แต่ในขณะเดียวกันตราประทับอีกชิ้นกลับแสดงภาพคล้ายแท่นพิธีกรรม พร้อมด้วยวัวถูกล่ามเอาไว้ เตรียมพร้อมสังเวย (?)
เพียงตราประทับ 2 ชิ้นก็สะท้อนความซับซ้อนของปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์โบราณกับสัตว์ชนิดนี้ได้พอควร ผ่านภาพของการที่วัวน่าจะถูกบูชาในฐานะสัตว์พิธีกรรมทั้งเคารพและกิน เหตุผลที่ผมพูดเช่นนี้เพราะเมื่อปี 2017 ทางกรมโบราณคดีอินเดียขุดพบภาชนะดินเผาใบหนึ่งจากแห่งโบราณคดีราขีคฤหี (Rakhigarhi) ในรัฐหรยาณา ภายในบรรจุกระดูกสัตว์มีรอยสับตัดและไหม้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ทางสัตววิทยาแล้วพบว่าเป็น ‘กระดูกวัว’ ทั้งหมด นอกจากนี้ข้อมูลกระดูกสัตว์จากแหล่งโบราณคดีที่ว่ายังระบุอีกว่า ร้อยละ 60 ของกระดูกสัตว์ที่ขุดได้นั้นเป็นกระดูกวัวและควาย สะท้อนว่า วัวน่าจะเป็นแหล่งโปรตีนหลักของคนเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว
ดี. เอ็น. ฌา (D. N. Jha) อดีตศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ ประจำ University of Delhi ระบุในหนังสือ The Myth of the Holy Cow ว่า ในสมัยพระเวทนั้น เนื้อวัวเป็นเนื้อสัตว์ที่เทพเจ้า โดยเฉพาะพระอินทร์ชื่นชอบมากที่สุด ทั้งคัมภีร์รุ่นถัดมาอย่าง รามายณะ, มหาภารตะ และคฤหยะสูตระ (Grihyasutra) ก็พูดถึงการบริโภควัวอยู่เสมอๆ ถึงขนาดแนะว่า “ให้ฆ่าวัวหากมีแขกผู้ใหญ่มาเยี่ยมเรือน” ในมหาภารตะมีการบรรยายถึงคนฆ่าสัตว์ที่นิยามความถูกต้องของอาชีพตนว่า
“การบริโภคเนื้อสัตว์ควรเป็นที่ยอมรับได้ เพราะในยุคพระเวทมีการบูชายัญสัตว์ เนื้อช่วยหล่อเลี้ยงผู้คน มนุษย์ต้องกินเพื่อดำรงชีวิต อย่างพืชหล่อเลี้ยงสัตว์ก็มีชีวิตเช่นกัน ธรรมชาติของชีวิต คือ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดกินซึ่งกันและกัน ไม่มีอาชีพใดที่ไม่ใช้ความรุนแรงโดยสิ้นเชิง เพราะแม้แต่เกษตรกรรมก็ทำลายสิ่งมีชีวิตมากมายเมื่อไถดิน” (วนบรรพ; 207-208)
ลุดวิก อัลสดอร์ฟ (Ludwig Alsdorf) นักภารตะวิทยา แจงว่า สิ่งนี้สะท้อนภาวะขัดแย้งในสังคมอินเดียโบราณประการหนึ่งว่า วรรณกรรมโบราณเหล่านี้โอบรับและปัดป้องการบริโภคเนื้อสัตว์ไปพร้อมกันๆ บางตอนระบุว่า ควรงดเว้น ในขณะเดียวกันก็แนะนำให้ฆ่าเพื่อบริโภค ฉะนั้นอัลสดอร์ฟและฌาจึงสรุปว่า การเคารพสัตว์ในวัฒนธรรมอินเดียเดิมไม่เป็นสากล และการงดเว้นจากการกินไม่ใช่วิธีแสดงความเคารพต่อสัตว์นั้นๆ
อ๊ะ อ๊ะ เทพวัวก็ได้!
มีการเสนอว่า วัวนั้นถูกทำให้เป็นเทพ หรือกระบวนการ Divinization ผ่านความพยายามต่อสู้กับศาสนาไชนะ/ เชน ที่เสนอหลักการสำคัญว่าด้วย ‘อหิงสา’ อย่างเข้มข้น กล่าวคือ ผู้นับถือศาสนาไชนะจะไม่บริโภคเนื้อสัตว์เลย แม้แต่พืชหัวพวกเขาก็จะไม่รับประทาน เนื่องจากเชื่อว่า การขุดเอาพืชหัวนั้นจะทำให้สิ่งมีชีวิตในดินตายไประหว่างกระบวนการ ข้อเสนอนี้เป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่ง เพราะวรรณกรรมประเภท ‘สมฤติ’ (Smriti) อย่างมนูธรรมศาสตร์ อรรถศาสตร์ หรือแม้แต่คฤหยะสูตระที่พูดถึงแล้ว ซึ่งกำหนดอายุได้ตั้งแต่ก่อนหรือร่วมสมัยกับ ศาสดามหาวีระ (ราว 50 ปีก่อนพุทธกาล) แห่งศาสนาไชนะ/ เชน จนถึงราวพุทธศตวรรษที่ 6-7 ก็ยังพูดเรื่องการกินเนื้อสัตว์อยู่บ่อยๆ กระนั้นก็ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่
จูลี กิตติงเกอร์ (Juli Gittinger) นักวิชาการด้านศาสนาฮินดู ประจำ Georgia College เสนอว่า อิทธิพลภายในมักมีการโต้แย้งกันบ่อยครั้งถึงความศักดิ์สิทธิ์และการปกป้องวัวว่า เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของศาสนาฮินดู แต่ข้ออ้างนี้อาจเข้าใจได้ว่า เป็นตัวอย่างของ ‘การทำให้เป็นสันสกฤต’ (Sanskritization) ที่เกิดขึ้นในช่วงอาณานิคม คือการนำเสนอประเพณีบางประการที่วรรณะสูงปฏิบัติตามในฐานะรูปแบบของศาสนาฮินดูที่บริสุทธิ์และถูกต้องมากกว่า สุดท้ายนำไปสู่การนิยามหลักอหิงสาแบบฮินดู ซึ่งการเป็นมังสวิรัตเป็นแกนกลางที่ใหญ่ที่สุด
ปัจจุบันนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา 20 จาก 28 รัฐในอินเดียประกาศบังคับใช้กฎหมายห้ามฆ่าวัว ทั้งยิ่งถูกขับเน้นภายใต้ลมฝ่ายฮินดูนิยมตลอดทศวรรษภายใต้รัฐบาล นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่งข่าวการใช้วัวเป็นเครื่องมือทางการเมืองต่อต้านศาสนาอื่นยังปรากฏขึ้นอยู่ตลอดอย่างไม่ขาดสาย
บทสนทนาของผมกับคนที่ผมเรียกว่า ‘พาร์ตเนอร์’ จบลงด้วยความเห็นที่ว่า การทำให้วัวหายไปจากโต๊ะอาหาร ในทางหนึ่งทำให้วัวกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมองดูแล้ว วัวกลับต้องรับสภาพที่น่าสังเวชมากมายในฐานะพระเจ้า ถูกปล่อยเดินอิสระเพื่อคุ้ยเขี่ยขยะ เติมถุงพลาสติกเข้าท้องไปวันๆ วัวกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความสกปรกและโรคระบาดบางอย่างมาสู่ชุมชนเมืองที่พวกมันอาศัย บ่อยครั้งที่นั่งรถผ่านไปตามท้องถนน แล้วผมรู้สึกกับตัวเองว่า ความศักดิ์สิทธิ์นั้นแท้จริงแล้วมีประโยชน์ใดกับสัตว์ผู้ถูกมองว่า เป็น ‘โลกมาตา’ (แม่แห่งโลก) กันนะ
Tags: Indianiceation, อินเดีย, วัว