เมื่อวันที่ 28 มีนาคม กระทรวงการเคหะและพัฒนาเมือง สหรัฐอเมริกาฟ้องเฟซบุ๊กด้วยข้อกล่าวหาว่า เฟซบุ๊กเลือกปฏิบัติ จากการใช้โฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายว่าละเมิดกฎหมายว่าด้วยการเคหะที่เป็นธรรม (The Fair Housing Act of 1968) เพราะเลือกว่าจะโฆษณาบ้านแต่ละแบบให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย

การฟ้องร้องการโฆษณาของเฟซบุ๊กเป็นผลสืบเนื่องจากข่าวสืบสวนสอบสวนของสำนักข่าว ProPublica เมื่อปี 2016 ซึ่งพบว่าเฟซบุ๊กอนุญาตให้บริษัทโฆษณาแบ่งผู้ใช้ที่เป็นแอฟริกันอเมริกัน ละตินและเอเชีย อเมริกันออกมา

กระทรวงให้เหตุผลว่า เฟซบุ๊กขุดเหมืองข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จำนวนมาก และอาศัยข้อมูลที่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย ทั้งเชื้อชาติ สีผิว ประเทศที่เกิด ศาสนา สถานภาพทางครอบครัว เพศ และความพิการ มาใช้กำหนดว่าใครควรจะเห็นโฆษณาขายบ้านแต่ละแบบ แม้ว่าจะไม่ได้มีเจตนาเลือกปฏิบัติก็ตาม

สิ่งที่เฟซบุ๊กทำส่งผลให้เจ้าของบ้านสามารถตัดกลุ่มที่ตัวเองไม่ต้องการออกไปได้ เช่น คนต่างชาติ คนที่ไม่ถือศาสนาคริสต์ คนที่เป็นพ่อแม่

“เฟซบุ๊กกำลังเลือกปฏิบัติ โดยดูว่าบุคคลนั้นเป็นใครและอยู่ที่ไหน การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำกัดตัวเลือกในการหาบ้านเป็นการเลือกปฏิบัติที่เหมือนกับการปิดประตูใส่หน้า” เนื้อหาตอนหนึ่งของแถลงการณ์ของกระทรวงระบุ

ขณะที่เฟซบุ๊กประหลาดใจที่ถูกฟ้อง เนื่องจากอยู่ในช่วงที่กำลังปรึกษาหารือกับกระทรวง และกลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิพลเมืองเพื่อแก้ปัญหานี้ อย่างไรก็ตามการพูดคุยกันก็ชะงักกลางคัน เมื่อกระทรวงขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเฟซบุ๊กไม่ยินยอม

หากศาลตัดสินว่ามีการเลือกปฏิบัติจริงก็อาจจะปรับหรือเรียกร้องค่าเสียหาย กระทรวงยังต้องการให้ศาลบังคับให้พนักงานของเฟซบุ๊ก เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการเคหะที่เป็นธรรม (The Fair Housing Act of 1968) เพื่อไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติผ่านการโฆษณา

คำร้องของกระทรวงระบุว่า “การจัดกลุ่มผู้ใช้ที่กดไลก์เพจคล้ายๆ กัน (ที่ไม่เกี่ยวกับการหาบ้าน) และคาดเดาว่าพวกเขาจะมีความสนใจหรือไม่สนใจอะไรร่วมกันเกี่ยวกับโฆษณาหาบ้าน กลไกของเฟซบุ๊กก็ทำงานเหมือนกับนักโฆษณาที่ตั้งใจเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย จากความแตกต่างที่กฎหมายคุ้มครองแล้ว”

แน่นอนว่าการพิจารณาเรื่องการใช้อัลกอรึธึ่มเลือกปฏิบัติต่อประชาชนในชั้นศาล เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การติดตาม  แต่ก็น่าสนใจว่า แรงผลักดันที่สำคัญมาจากเหตุผลทางการเมือง เพราะความเคลื่อนไหวเรื่องนี้มาในช่วงเวลาที่กลุ่มอนุรักษนิยมกำลังกดดันบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้มีอคติกับพรรครีพับลิกัน และกำลังจะมีการเลือกตั้งในปี 2020

 

ที่มา:

Tags: , ,