หัวเว่ยได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาต่อสินค้าจากจีน สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียได้ห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย ส่วนสหราชอาณาจักรกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา เพราะกังวลเรื่องการถูกสอดแนมจากรัฐบาลจีน 

เพื่อแก้ปัญหานี้ เหริน เจิ้งเฟย ซีอีโอของหัวเว่ยจึงเสนอไอเดียใหม่ที่ดูจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย เขาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารดิอิโคโนมิสต์ และนิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 10 กันยายนว่า จะขายความรู้เรื่องเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ยแทนที่จะขายอุปกรณ์

ความรู้ที่ว่ามีทั้งกระบวนการที่ดำเนินการอยู่ของบริษัท ใบอนุญาต รหัส บลูพรินต์ทางเทคนิค และความรู้ทางวิศวกรรมของเทคโนโลยี 5G นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังสามารถเปลี่ยนซอฟต์แวร์โค้ดได้อิสระ

เขาบอกว่าวิธีนี้จะสร้างสถานการณ์ที่สมดุลระหว่างจีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป โดยเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย รวมถึงการอยู่รอดของหัวเว่ยด้วย

“หัวเว่ยเปิดกว้างสำหรับการแชร์เทคโนโลยี 5G และเทคนิคให้กับบริษัทสหรัฐอเมริกา เพื่อให้พวกเขาสร้างอุตสาหกรรม 5G ของตัวเองได้”

หัวเว่ยได้พัฒนาเทคนิคที่ทำให้แบตเตอรี่ของอุปกรณ์ 5G ยาวนานขึ้นที่เรียกว่าโพลาร์ โค้ด (polar codes) ถ้ามีการนำไปใช้ต่อ หัวเว่ยก็จะมีรายได้จากการขายสิทธิบัตร

นอกจากเงินที่จะได้จากการขายความรู้แล้ว หัวเว่ยยังได้ประโยชน์ เพราะหวังว่าจะทำให้สหรัฐอเมริกายุติข้อห้ามที่ไม่ให้บริษัทไอทีสหรัฐเชื่อมเทคโนโลยีของตนเองกับหัวเว่ย เช่น การห้ามไม่ให้หัวเว่ยใช้ระบบปฏิบัติการของกูเกิล

ที่ผ่านมา หัวเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าช่วยรัฐบาลจีนสอดแนมระบบโทรคมนาคมของชาติอื่น และพยายามบอกว่าเป็นการลงทุนของเอกชน ข้อเสนอของเหรินถูกวิจารณ์ว่า เขาเข้าใจปัญหาผิด ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ความไว้วางใจต่อหัวเว่ย แต่เป็นข้อกฎหมายของรัฐบาลจีน กฎหมายข่าวกรองของจีนบังคับให้ธุรกิจจีนตัองให้ข้อมูลหรือเครื่องมือสื่อสารที่เข้าถึงได้

นอกจากหัวเว่ย ตอนนี้ยังมีโนเกียและอิริคสันที่เป็นตัวเลือกอื่น ที่ผลิตเสาสัญญาณ 5G และอุปกรณ์อื่นๆ

ที่มา:

https://www.businessinsider.com/huawei-wants-sell-5g-patents-get-round-trump-2019-9

https://www.bbc.com/news/technology-49673144

https://www.nytimes.com/2019/09/10/opinion/huawei-trump-china-trade.html

ภาพ: REUTERS/Hannibal Hanschke

 

Tags: ,