เจาะลึกรายได้ในแวดวงฮอลลีวูด

00.34

ในช่วงหลังมานี้วงการฮอลลีวูดเริ่มมีการให้ความสำคัญกับคนเบื้องหลังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วย คนถือไมค์บูม หรือแม้แต่แม่ครัวก็ถูกยกว่าเป็นคนสำคัญในกองถ่าย ซึ่งการถูกให้ความสำคัญก็ทำให้รายได้ของกลุ่มคนเหล่านี้ถูกปรับเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามกับเหล่าคนที่ทำงานเบื้องหน้าและตำแหน่งใหญ่ๆ ที่รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เราเลยจะมาสำรวจกันว่าตอนนี้แต่ละตำแหน่งในฮอลลีวูดเฉลี่ยเค้าได้เงินกันเท่าไรบ้าง ใครได้เงินมากขึ้น ใครได้เงินลดลง

Assistance

03.32

ผู้ช่วยของตำแหน่งต่างๆ ในกองถ่ายที่ต้องคอยทำหน้าที่ในเรื่องจุกจิก ณ ตอนนี้มีรายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์ แม้จะดูเป็นตำแหน่งเล็กๆ จิปาถะ แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่มีรายได้เพิ่มขึ้น และถ้าคุณทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ คุณอาจจะได้รับข้อเสนอที่มากถึง 1 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อให้อยู่ทำงานต่อ เหมือนกับผู้ช่วยของโอปราห์ วินฟรีย์ ก็เป็นได้

Makeup artist

07.30

ตำแหน่งที่ต้องมีอยู่ประจำทุกกองถ่าย เจ้าของข่าววงในทุกวงการไม่เว้นแม้แต่วงการหวย สำหรับคนไทยหากสามารถวิ่งได้วันหนึ่งสามถึงสี่งานก็ถือว่ามีรายได้ที่งามอยู่ไม่น้อย และสำหรับวงการฮอลลีวูด ช่างแต่งหน้าจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 79,500 ดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้น 5.1% จากปี 2014

Boom operator

10.01

80,000 ดอลลาร์ต่อปีคือรายได้ที่หลายๆ คนคงคาดไม่ถึงของตำแหน่งคนถือไมค์บูม ซึ่งความจริงแล้วการถือไมค์บูมนั้นนอกจากต้องใช้ความแข็งแรงแล้ว ยังต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวพอสมควรเพื่อให้เสียงที่ได้ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของหนังออกมาดีที่สุด ถือเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมากขึ้นกว่าปี 2014 ประมาณ 6.1%

Show runner

12.02

ผู้ทำให้รายการต่างๆ ทั้งในทีวีและอินเทอร์เน็ตขับเคลื่อนไปได้ คอยดูภาพรวมทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า และตำแหน่งนี้ก็มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน อยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งตอน (ย้ำว่าต่อหนึ่งตอน) หรือถ้าได้ดูแลซีรีส์ที่ฮิตติดกระแสจริงๆ ก็อาจจะกระโดดขึ้นไปถึง 100,000 ดอลลาร์ต่อตอนเลยก็ได้

Craft service

13.43

ผู้อยู่เบื้องหลังความอิ่มท้องของทุกคนในกองถ่าย หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าแม่ครัว ผู้คอยทำอาหารเลี้ยงทุกคนในกองถ่าย แลกกับค่าตัว 65,800 ดอลลาร์ต่อปีที่ดูแล้วก็เยอะเอาการ ก็แน่นอนล่ะ ตำแหน่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ขนาดนี้นอกจากจะได้ค่าจ้างสูงแล้วยังเป็นที่รักของทุกคนอีกด้วยนะ

Animator

15.43

ไม่ว่าจะเป็นหนังแนวไหน สมัยนี้ก็ต้องใช้ภาพกราฟิกและ Animator ช่วยเกือบทุกเรื่อง รายได้ 105,000 ดอลลาร์ต่อปีจึงไม่ใช่อะไรที่ดูเว่อร์เกินไปนักเมื่อเทียบกับความต้องการในปัจจุบัน และที่น่าสนใจคือในวงการฮอลลีวูดตอนนี้ก็มีคนไทยเก่งๆ ทำงานอยู่หลายคนเหมือนกัน

Newscaster

17.35

ช่องทางที่ประชาสัมพันธ์ผลงานได้ดีที่สุดช่องทางหน่ึงก็คงหนีไม่พ้นการทำมันให้เป็นข่าว และสำหรับผู้ประกาศหลายคนที่มีฐานผู้ชมอยู่มากมาย และสามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับโปรเจ็กต์ต่างๆ รายได้ 25 ล้านดอลลาร์ที่การันตีด้วยฐานแฟนก็อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากเค้ามีอิทธิพลที่จะทำให้หนังเกิดหรือดับได้ขนาดนั้น

TV star

18.56

เหล่าผู้คนที่ต้องเปิดเผยใบหน้าอยู่ในโทรทัศน์ก็ดูไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีรายได้สูง แต่เมื่อได้ยินว่ามีคนที่สามารถเรียกค่าตัวได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์ต่อการแสดงเพียงแค่หนึ่งตอนก็อาจจะทำให้คุณเหวอไปได้ไม่น้อย และรายได้ของเหล่าดาราทีวีนี้ก็ยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อไปได้อีกด้วย

Digital talent

19.25

บทบาทใหม่ในวงการบันเทิง กับกลุ่มคนที่สามารถสร้างชื่อได้ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น caster หรือ reviewer ด้วยยอดฟอลโลว์ถล่มทลายทำให้คนเหล่านี้สามารถสื่อสารกับกลุ่มคนได้โดยตรง และทำให้สามารถรับทรัพย์ไปได้มากถึง 15 ล้านดอลลาร์

CEO

21.55

ตำแหน่งที่ดูยังไงรายได้ก็น่าจะขึ้นทุกปีอยู่แล้ว เป็นทั้งเจ้าของเงินและคนที่ควบคุมดูแลทั้งหมด แม้จะดูเป็นตำแหน่งที่รายได้ผันแปรตามสถานการณ์ของหนังที่สร้าง แต่รายได้ของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็ยังพุ่งขึ้นไม่ต่ำกว่า 20-50% เมื่อเทียบกับห้าปีก่อน โดยมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 56.8 ล้านดอลลาร์เท่านั้นเอง

Writer

23.10

ทั้งนักเขียนบทภาพยนตร์ นักเขียนบทรายการ หรือแม้แต่เจ้าของบทประพันธ์ รายรับเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 8 ล้านดอลลาร์ ยกตัวอย่าง Michael Arndt ผู้ร่างบทของหนังเรื่อง The Hunger Games: Catching Fire ก็ได้ค่าจ้างไปเพียง 400,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์เท่านั้นเอง

Agent

25.31

ตัวแทนดูแลผลประโยชน์ที่คอยต่อรองเรื่องรายได้ให้กับบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งนักแสดงหรือผู้กำกับ เพื่อให้ลูกค้าในความดูแลได้รับผลประโยชน์สูงสุด โดยเหล่า Agent ก็ส่วนแบ่งกันไป เฉลี่ยอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์ต่อปี

Studio Chief

26.52

ผู้บริหารของแต่ละสตูดิโอที่ในช่วงหลังมีเทรนด์การร่วมดูแลหลายสตูดิโอในหนังเรื่องเดียว แม้จะเป็นการลดความเสี่ยงขาดทุน แต่ก็ทำให้รายได้ขาดหายไปไม่น้อย เหลือเพียงแค่ 5 ล้านดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น

Producer

28.42

ตำแหน่งที่ต้องทำแทบทุกอย่างเพื่อให้เกิดหนังหนึ่งเรื่อง ตั้งแต่หาทุน ติดต่อนักเขียน ติดต่อนักแสดง ติดต่อผู้กำกับ ต่อรองค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่วงการกลับตอบแทนด้วยการทำให้รายได้ของตำแหน่งนี้ลดลง เหลือเพียง 2.5 ล้านดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น

Movie star

30.17

เหล่านักแสดงจอเงินไม่ได้มีรายได้ที่ดีเว่อร์อย่างที่เราคิด อย่างดาราขั้นแม่เหล็กที่มีรายได้มากที่สุดของปีนี้อย่าง Dwayne Johnson ก็รับรายได้ไปเพียง 19 ล้านดอลลาร์จากการแสดงหนังรีเมกอย่าง Jumanji เมื่อเทียบกับ Robert Downey Jr. ที่รับรายได้จาก Captain America: Civil War ไปถึง 40 ล้านดอลลาร์แล้วก็ถือว่าห่างไกลกันพอสมควร

Director

32.28

ผู้แปลงภาพในหัวและเรื่องราวบนกระดาษให้ออกมาเป็นความจริง กับรายได้สูงสุดของปีนี้ที่ 20 ล้านดอลลาร์ บวกกับส่วนแบ่งจากรายได้อีก 20% โดย Christopher Nolan ซึ่งเท่ากับที่ Peter Jackson เคยทำไว้สมัยกำกับเรื่อง King Kong ดูแล้วเหมือนจะเยอะ แต่โดยรวมแล้วรายได้ของผู้กำกับเป็นส่วนที่สตูดิโอพยายามลดลงมากที่สุดส่วนหนึ่ง โดยพยายามจะนำเงินส่วนนี้ไปซัพพอร์ตทีมงานเบื้องหลังแทนนั่นเอง

Photo credit: michaelbay.com

Tags: , ,