ในหนังเรื่อง ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานอินดี้ (2014, อุเทร ศรีริวิ, จิณณพัต ลดารัตน์) หนังเล่าเรื่องของหนุ่มไทบ้านที่ต้องอกหักเพราะสาวที่ชอบตัดสินใจจะแต่งงานกับฝรั่งไปอยู่เมืองนอก เธอแต่งงานกับเขาเพราะเขาร่ำรวยกว่า ช่วยเหลือครอบครัวเธอได้มากกว่า จะอะไรก็แล้วแต่ หนุ่มไทบ้านผู้อกหักพยายามจะพิสูจน์ตัวเองว่าเขาดีพอที่จะรักและดูแลเธอ แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ หนังเล่าเรื่องจากมุมมองของเขาโดยเธอแทบไม่ได้อธิบายถึงชีวิตของตัวเอง เขาต้องยอมรับความจริงว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป

หลายปีต่อมาในหนังอย่าง ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ( 2017, สุรศักดิ์ ป้องศร) เราได้เห็นตัวละครคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่เติบโตมาใต้การเลี้ยงดูของ พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ อันหมายถึงคนรุ่นปู่ย่าตายาย ตลอดทั้งเรื่อง นอกจากผู้ใหญ่คำตันพ่อของบักป่อง เราแทบไม่เห็นคนวัยทำงานคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ราวกับว่าคนรุ่นพ่อแม่หายวับไป เป็นแค่เสียงที่ไม่ได้ยินตามสายของบักลอดที่โทรหาแม่

ราวกับว่าผู้คนรุ่นหนึ่งไม่มีเสียง และหายตัวไปจากสังคมไทบ้านร่วมสมัย เราอาจอนุมานได้ว่าผู้คนเหล่านี้มีชีวิตอยู่ในเพลงลูกทุ่งของครูสลา ในกรุงเทพ ในหัวเมืองใหญ่ และเป็นผู้คนที่ร่วมรุ่นกับสมหมาย

Heartbound หรือ Hjertelandet คือสารคดีสัญชาติเดนมาร์ก เป็นเรื่องของสมหมาย สาวอีสานที่ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ในเมือง Thy เมืองทางตอนเหนือของเดนมาร์กมาแล้วยี่สิบสี่ปี เธอเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่นี่ เวลาผ่านไปสองทศวรรษ ชุมชนเล็กๆ ในเมืองนี้มีคนไทยอยู่ ทั้งสิ้น 926 คน เกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่แต่งงานกับหนุ่มโรงงานในเมืองนี้ผ่านทางการจัดหาของสมหมาย เดิมสมหมายทำงานกลางคืนในพัทยา เธอได้พบกับแฟรงค์ เขาเคยแต่งงานแต่ก็อยู่คนเดียวมาแล้วเจ็ดแปดปี แรกทีเดียวเขาแค่ตั้งใจจะมาเซ็กซ์ทัวร์ในเมืองไทย แต่เขามาพบสมหมาย ลงเอยด้วยการแต่งงานและพาสมหมายย้ายมาอยู่เดนมาร์ก โดยเธอไปๆ มาๆ ระหว่างเดนมาร์กกับบ้านเกิดของเธอในภาคอีสาน ซึ่งที่นั่นเธอมองหาญาติสาวของเธอ เด็กสาวในหมู่บ้าน คนที่อยากมาทำงานเก็บเงินที่เมืองนอก งานที่ว่าคือการแต่งงานกับชายชาวเดนมาร์ก ดูแลปรนนิบัติในฐานะภรรยา ไปทำงานในโรงงาน พอครบเจ็ดปีถ้าไม่เลิกรากันก็จะได้สัญชาติ ระหว่างนี้ก็ส่งเงินกลับไปสร้างบ้านในหมู่บ้าน

ยังมีเรื่องของ ‘เก๋’ หลานสาวของสมหมายที่มีลูกชายอยู่ที่บ้านเกิด แต่ตัดสินใจเดินทางมาเดนมาร์กเพื่อมาลองใช้ชีวิตคู่กับคนหนุ่มที่เธอไม่เคยพบหน้านอกจากคุยกันผ่านจดหมาย เธอไม่รู้จักภาษาหรือวัฒนธรรมอะไร พี่สาวเธอก็แต่งงานกับคนเดนมาร์กและอยู่ที่นี่มาก่อน พวกผู้หญิงไทยรวมตัวกันสอนเธอว่าควรปรนิบัติสามีอย่างไร และคุยกับเขาอย่างไร เธอยังกล้าๆ กลัวๆ คุยกับเขาผ่านทางการใช้ดิกชันนารี ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่หรือกลับ แต่เธอก็ต้องหาเงินไปเลี้ยงลูกที่บ้าน

และยังมี ‘แสง’ เด็กสาวในหมู่บ้านที่มีลูกเล็ก แม่ของเธอพาเธอมาหาสมหมายขอให้ช่วยส่งเธอไปเดนมาร์กบ้าง แต่เธอยังอายุไม่ถึง สมหมายเลยช่วยอะไรไม่ได้ เธอเลยเลือกเดินทางเดินที่สมหมายเคยเลือก เดินทางไปหา ‘ลม’ เพื่อนร่วมหมู่บ้านที่มาทำงานกลางคืนที่พัทยา

และมันยังมีชีวิตของหนุ่มๆ เดนมาร์กที่เปลี่ยวเหงา พ่อแม่พวกเขาบางคนสนับสนุนให้มีภรรยาไทย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะต้องอยู่คนเดียวจนตาย บางคนเป็นพ่อม่าย บางคนเป็นหนุ่มโสด พวกเขามีชีวิตโดดเดี่ยว ทำงานในโรงงาน กลับบ้านดื่มเบียร์ในเมืองที่หนาวจับใจ การมีใครสักคน ใครก็ได้ มาให้กอดไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าการอยู่ลำพัง

และนี่คือสารคดีเรื่องนี้ สารคดีว่าด้วยเมียไทยในเดนมาร์ก ว่าด้วยหญิงขายบริการที่หวังรวยทางลัดด้วยการไปเป็นเมียฝรั่ง ว่าด้วยกิจกรรมกึ่งการค้ามนุษย์ ว่าด้วยทุนที่ทำลายความรักลงไป แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น กล่าวให้ถูกต้อง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันเป็นเช่นนั้นเพียงเพราะเรามองชีวิตผู้คนอย่างฉาบฉวยแค่เพียงเปลือกนอก ตัดสินการกระทำอย่างด่วนได้  เพราะนี่คือสารคดีที่ใช้เวลาสิบปีในการติดตามชีวิตผู้คน เมียไทย และเหล่าสามีของเธอ ความรักที่มาช้ากว่าการแต่งงาน ชีวิตที่พลิิกผันจนแม้แต่เรื่องแต่งยังหวือหวาน้อยกว่า มันคือสารคดีที่พูดถึงชีวิตผู้คนด้วยสายตาที่ไม่ตัดสินเป็นมากกว่าสารคดีประเด็นผู้หญิงไทยแต่งงานกับฝรั่งแก่ๆ รวยๆ เพื่อหวังสมบัติ เพราะมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันคือเรื่องรักตามที่หนังใส่ชื่อรองไว้ เรื่องรักที่แตกต่างออกไปจากเรื่องรักที่เราเคยรู้จักความรักแบบที่เราตีกรอบแคบๆ ไว้ให้มัน

เป็นการง่ายที่จะทำหนังสอนศีลธรรมด้วยการวาดภาพชีวิตล้มเหลวให้กับบรรดาเหล่าผู้หญิงจากภาคอีสานที่ยอมขายตัวให้กับฝรั่ง หรือยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักเพื่อชีวิตครอบครัวที่ดีกว่า แต่มันเป็นเรื่องงดงามที่หนังขุดลึกลงไปให้เห็นว่าพวกเธอคือคนที่พยายามกอบกู้ครอบครัว และสังคมหมู่บ้านที่กำลังตายลง หนังมีทั้งผู้หญิงที่โดนผัวซ้อมจนปางตาย แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ลูกยังเล็กมาก ตัวเองยังรักสนุก และต้องทำมาหากิน ผู้หญิงที่ต้องหาเงินมาดูแลแม่ที่ป่วยไข้ ถึงท้ายที่สุดก็ต้องกลับมาทำงานในไร่เพื่อดูแลแม่ไปด้วย หรือแม้แต่สมหมายที่มีหลานชายเป็นคนไข้ติดเตียง ชีวิตในเมืองไทยของพวกเธอแห้งแล้ง ป่วยไข้ สิ้นหวัง

หนังฉายภาพของพวกเธอในเดนมาร์ก ค่อยๆ อธิบายการมาทำงานที่ในความคิดของหลายคนจัดอยู่ในประเภทขายตัว โดยผ่านทางการมาถึงของเก๋ ความเก้ๆ กังๆ ของเธอและการค่อยๆ เข้าหากันของหนุ่มสาว ชายหนุ่มที่เลือกเก๋ไม่ได้เป็นตาแก่หัวล้าน แต่เป็นหนุ่มจืดๆ นิสัยดีที่พ่อแม่อยากให้มีคนดูแล ในขณะเดียวกันหนังฉายภาพสมหมายในภาพที่สามารถมองเห็นเธอเป็นแม่เล้าจัดหาเด็กไปให้ฝรั่ง แต่ที่เธอทำคือการต่อรองพูดคุย อธิบาย ให้ทางเลือก ฉากหนึ่งที่งดงามมากๆ คือหลังจากเธอปฏิเสธแสงเพราะแสงเด็กเกินกว่าจะไปได้ แสงไปทำงานกลางคืนในพัทยา ปีต่อมาเมื่อกลับบ้าน สมหมายไปหาแสงที่คลับ พูดกับแสงว่า นี่คือเส้นทางที่เธอเคยผ่านมาก่อน คนเราต้องตัดสินใจเพื่อชีวิตตัวเอง คนอื่นไม่สามารถตัดสินเราได้ว่าผิดหรือถูก เป็นการสนทนาของหญิงสองวัยที่เรียนรู้ชีวิตด้วยการแลกกับตัวเอง

แต่นอกจากหนังไม่ได้ทำตัวเป็นหนังสารคดีสอนศีลธรรมหญิงไทยใจง่าย หนังยังไม่ได้เป็นสารคดีเปิดเผยซีวิตบัดซบ หรือมองซับเจ็กต์เป็นเพียงคนยากจนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ แต่เป็นคนที่มีชีวิตจิตใจ เป็นมนุษย์คนหนึ่งเทียบเท่ากับชายฝรั่งที่เธอแต่งงานด้วย คนที่ไม่ได้เป็นทั้งพวกคลั่งเซ็กซ์ ตาแก่ตัณหากลับ และไม่ได้เป็นพระผู้ช่วยให้สาวยากจนรอดตาย แต่พวกเขาคือคนเหงาที่อีกโลกหนึ่ง คนที่ไม่ได้จะโชคดีไปเสียทุกเรื่อง และการต่างตอบแทนของโลกทุนนิยมในทางหนึ่งทำให้โลกเหงาน้อยลง

มันจึงงดงามเมื่อหนังใช้เวลาสิบปีในการติดตามตัวละคร เราจึงได้เห็นว่าไม่มีจุดใดเป็นจุดจบของเรื่อง หนังฉายภาพตามต่อไปถึงชีวิตคู่ของสมหมายกับแฟรงค์ที่กำลังแก่ไปด้วยกัน สมหมายอยากกลับไปอยู่บ้าน แต่เธอไม่อาจปล่อยให้แฟรงค์อยู่โดดเดี่ยว ตายโดยลำพังได้ มันคืออะไรแบบเรื่องของคนที่อยู่กินกันมายี่สิบปี หนังยังฉายภาพลูกชายของเก๋ที่ในที่สุดต้องตามมาอยู่กับแม่ จากภาพเด็กหัวแข็งแม่ทิ้ง เขาออกมาเผชิญชะตากรรมของตัวเอง ในอีกทางลูกชายของแสงยังคงอยู่กับยาย เห็นแม่แค่ผ่านจอวีดีโอ

ในขณะเดียวกันบางคู่รักก็เลิกร้าง หนังติดตามเพื่อนคนหนึ่งของแฟรงค์ที่ในที่สุดเลิกรากับเมียไทย กลายเป็นชายแก่โดดเดี่ยวที่เดินทางมาเมาเบียร์ที่เมืองไทยหวังจะหาใครคนใหม่แต่รู้ว่าเป็นได้แค่ตัวแทนคนรักเก่า ในที่สุดก็กลับไปใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในเมืองหนาวเหน็บ

ในที่สุดหนังเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นสารคดีชีวิตยากลำบาก ไปสู่สารคดีชีวิตรักของคู่รักต่างแดน  หนังค่อยๆ ฉายให้เห็นว่าโลกของเรานั้นเหงามาก ความเหงาที่ไม่ได้โรแมนติกแบบความเหงาในวัยหนุ่มสาว มันคือความโดดเดี่ยว ความยากจน ความสิ้นหวัง ความท้อแท้ ไม่ว่าจะอยู่ในโลกแบบใด

การต้องการอีกคนมาเคียงข้าง ถูกจำกัดกรอบให้อยู่แต่ในมิติของความโรแมนติกแบบสมัยใหม่ พบรัก แต่งงาน แก่เฒ่าไปด้วยกัน แต่มิติเช่นนั้นกลับสถานปนาตัวเองเป็นมิติเดียวที่รับได้ในความสัมพันธ์ นอกเหนือจากนี้นั้นคือความวิปริตวิปลาส เป็นการถูกทำให้บิดเบี้ยวโดยโลกทุนนิยม เป็นโลกของการคลุมถุงชนผ่านเงินตรา “ความรักชนะทุกสิ่ง” จึงกลายเป็นทั้งความหมายในด้านดีและในด้านลบ เพราะความรักอาจชนะ ศักดินา ภาษา และวัฒนธรรม แต่การสถานปนาความรักมาก่อนก็กีดกันความสัมพันธ์แบบอื่นๆ ออกไป ทำให้มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ชายขอบ

นี่จึงเป็นสารคดีที่เป็นตามชื่อเรื่อง ในท้ายที่สุดมันคือเรื่องรักในแบบที่แตกต่างไป ความรักแบบที่เราอาจจะไม่รู้จัก และอาจจะปฏิเสธที่จะยอมรู้จัก ความรักที่แนบเนาไปกับความยากแค้น ความโดดเดี่ยวและชีวิต

Tags: , , , ,