เมื่อสังคมแห่ง ‘การให้’ ไม่ได้ดีเสมอไป และการ ‘หากิน’ กับคนพิการก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ท่ามกลางสังคมอุดมแรงบันดาลใจ เราจึงพาตัวเองมาฟัง ThisAble TALK ของ thisAble.me สื่อออนไลน์คิดดีที่คิดมาเพื่อคนพิการ
แต่ช้าก่อน ทันทีที่ทอล์กเริ่ม เราพบว่า…
เวทีนี้ไม่ได้ให้ ‘แรงบันดาลใจ’ สำหรับเรา เวทีนี้ให้ ‘ความจริง’ กับสังคม
คนพิการอาจจะใช้ชีวิตลำบาก แต่มุมมองของคนในสังคมที่มีต่อคนพิการ บางมุมก็อาจบิดเบี้ยวเกินจริง โดยเฉพาะความคิดที่ว่าคนพิการต้องรอการช่วยเหลือ สังคมจึงมีหน้าที่แค่ให้ ให้ และให้ จนกลายเป็นชุดความเชื่อเพี้ยนๆ ที่ยากจะสลัดหลุด
เราต้องขอโทษล่วงหน้า เพราะสิ่งที่คุณจะอ่านต่อจากนี้ ไม่ใช่แรงบันดาลใจ
แต่คือความจริงจากปาก Speaker ที่เรารักมาก และอยากแบ่งปัน
‘หากินกับคนพิการ’ เพราะเชื่อในศักยภาพและความเท่าเทียม
“ผมชื่อ ต่อ เป็นคนก่อตั้งบริษัท กล่องดินสอ จำกัด เราไม่ได้ขายกล่องดินสอ แต่ว่าเราหากินกับคนพิการครับ และวันนี้ผมจะมาชวนทุกคนหากินกับคนพิการ” ต่อ – ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล ผู้ก่อตั้งบริษัท กล่องดินสอ จำกัด ชายผู้ผลิตอุปกรณ์วาดรูปสำหรับเด็กตาบอดออกขายจริงจัง บอกเราอย่างนั้น
ฟังดูเหมือนเป็นคนไร้หัวใจ แต่เปล่าเลย เขามีหัวใจที่เข้าใจคนพิการกว่าที่ใครหลายคนคิด
ความฝันในการหากินกับคนพิการของต่อเริ่มขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนไปเห็นสื่อการสอนที่ครูโรงเรียนสอนคนตาบอดทำขึ้นเอง มันเป็นกระดาษโฟมตัดแปะ เขาจึงอยากช่วยผลิตสื่อการเรียนการสอนที่ดีมีคุณภาพมากขึ้น
“สื่อการศึกษาสำหรับเด็กตาบอดสำคัญมาก แต่ไม่มีใครใส่ใจเลย ผมเลยคิดว่าผมน่าจะช่วยได้ ผมทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาหนึ่งตัว ชื่อว่า ‘เล่นเส้น’ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตาบอด เมื่อผมทำเสร็จ ก็มีตัวเลือกสองทางคือ หนึ่ง รูปแบบเอ็นจีโอ เขียนโครงการขอทุนแล้วผลิตแจก หรือทางที่สอง ใช้รูปแบบธุรกิจ คือขาย
“ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่เชื่อในของฟรี รู้สึกว่าเวลาได้ของฟรีจะไม่เห็นคุณค่า เมื่อเทียบกับจ่ายเงินซื้อ ผมเลยอยากใช้รูปแบบที่สอง” เขาเดินทางไปที่โรงเรียนสอนคนตาบอด แล้วให้คุณครูทดลองใช้
“ทุกคนชอบหมดเลยครับ จนกระทั่งผมบอกว่าชุดละ 390 บาท คุณครูทุกคนทำหน้างง ‘อะไร-นี่โรงเรียนเด็กพิการนะ คุณมาขายของได้ไง คุณต้องให้ฟรีสิ คุณไปหาสปอนเซอร์มาสิ มีคนใจดีอยากให้เยอะแยะ’ ซึ่งมันเป็นความจริงครับ
“มีการสำรวจพบว่าคนไทยมีน้ำใจบริจาคเงินช่วยเหลือคนอื่นมากเป็นอันดับที่ 12 ของโลก เราเห็นได้ชัดเลยจากการไปทำเรื่องขอเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กตาบอด เวลาไปเลี้ยงอาหารกลางวันจะมีเด็กๆ มายืนร้องเพลงขอบคุณเรา เนื้อหาเพลงก็เป็นแนวว่า ฉันเกิดมามองไม่เห็น อยู่ในโลกมืดมิด ขอบคุณผู้ใจบุญที่มาช่วยเหลือ บางคนก็รู้สึกฟิน ซาบซึ้งน้ำตาไหล ว่าเราทำดีเหลือเกิน โรงเรียนก็ได้รับตังค์ไป มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความฟินของคนให้
“แล้วลองคิดดูครับ ถ้าเด็กเขาต้องทำแบบนั้นวันละสามเวลา เช้า-กลางวัน-เย็น หกปี คิดว่าเขาจะรู้สึกยังไง คิดว่าเขาจะรู้สึกมีค่าไหมครับ มันกลายเป็นนิสัยคนเสพติดของฟรี เขาไม่ผิดเลย มันผิดที่พวกเรา ผิดที่ให้อย่างไม่มีขอบเขต ให้อย่างไม่มีเหตุผล”
ความฝันในการทำมาหากินของต่อล้มเหลวในยกแรก แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น โครงการ ‘วิ่งด้วยกัน’ จึงเกิดขึ้นตามมา โดยให้คนพิการและไกด์รันเนอร์วิ่งไปพร้อมกัน
“งานวิ่งแบบนี้เคยมีมาแล้ว แต่เป็นการที่เจ้าของงานได้ภาพ คนพิการเซ็นชื่อ รับตังค์ ถ่ายภาพ ใครเสียครับ สังคมเสียครับ โครงการวิ่งด้วยกัน เราเน้นเรื่องความเท่าเทียม ผมย้ำกับอาสาสมัครเลยว่า คุณมาช่วยคนพิการวิ่ง คุณไม่ได้มาทำบุญนะ คุณแค่มาพากันวิ่งไปด้วยกัน นี่เป็นงานแรกที่เราเก็บตังค์คนพิการ” ต่อแบ่งปันความพยายามของเขาให้ทุกคนฟัง
เราอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเขาต้องทุ่มเทกับการหากินกับคนพิการขนาดนี้?
“การเปิดโอกาสให้เขาได้จ่ายเงิน คือการเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงศักยภาพของความเท่าเทียมออกมา ให้เขาได้มาร่วมงานนี้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ดังนั้น ผมเลยอยากชวนทุกคนมาหากินกับคนพิการกันเถอะครับ” ต่อคลี่คลายคำถามในใจของเราก่อนเดินลงจากเวที
คนพิการในฐานะผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ
โอ – สันติ รุ่งนาสวน คือผู้อำนวยการศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการพุทธมณฑล ที่เชื่อว่าคนพิการทุกคนสามารถออกแบบชีวิตตัวเองได้อย่างอิสระ (Independence Living) ทุกวันนี้ เขาออกเดินทางไปพูดคุยกับคนพิการที่นอนติดเตียงเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่อยากอยู่ ไปทำงาน เล่นสนุกสนาน ไปจีบหนุ่มจีบสาว แต่งงานมีครอบครัวได้ตามใจชอบ
แต่กว่าโอจะทำแบบนี้ได้ ความจริงเบื้องหลังคือเขาเองก็เคยนอนติดเตียงมาก่อน และติดเตียงอยู่นานถึง 5 ปี
“ตอนนั้นผมไม่ทำอะไรเลย นอนรอความช่วยเหลืออย่างเดียวอยู่ห้าปี ช่วงเวลานั้น ผมมักได้ยินคำพูดเดิมๆ ว่า ‘ไอ้ง่อย เป็นไงบ้างวะ’ หรือ ‘เวรกรรม ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย’ ทุกครั้งที่ได้ยิน ผมรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าลง แต่ก็ยังคงมีคนแวะเวียนมาเรื่อยๆ ทั้งนักวิชาการ หมอ ผู้นำชุมชน ที่มาให้คำแนะนำ” โอแบ่งปันเรื่องจริงแสนเศร้าของเขา แต่เรื่องนี้ไม่ได้เศร้าตลอดไป เพราะวันหนึ่ง โอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“มีคนพิการคนหนึ่งมาหา มาชวนคุย มาชวนผมไปข้างนอก พร้อมกับตั้งคำถามว่า เราอยากไปไหน ทำอะไร มีเป้าหมายชีวิตอะไรบ้าง เราจุก คิดอะไรไม่ออก เพราะไม่เคยคิด ก็บอกไปว่าอยากเลี้ยงไก่ชน แต่จะเลี้ยงยังไงล่ะ” หลังจากวันนั้น โอก็ได้เจอเพื่อนคนพิการที่ทำอะไรได้เองทุกอย่าง เขาจึงคลี่คลายทุกอย่างที่ผ่านมา
“คนพิการคนหนึ่งที่เข้ามาหาเรา แต่ไม่ได้ให้อะไรเราเลย ชวนเราทำนั่นทำนี่ ตั้งคำถามให้คิด ให้เราลองจัดการทุกอย่าง เขาทำให้เรารู้จักคิดเอง เลือกเอง ทำเอง ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอีกครั้ง และอยากทำให้เพื่อนคนพิการคนอื่นบ้าง”
ท่ามกลางสังคมอุดมแรงบันดาลใจ ThisAble TALK กลับอุดมไปด้วยความจริงของคนพิการที่เคยเศร้า และผู้คนที่หากินกับคนพิการไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่วายลุกขึ้นมาเปลี่ยนเรื่องช้ำๆ ให้กลายเป็นแรงผลักดันใหม่ๆ
ภาพ: กฤต วิเศษเขตการณ์
FACT BOX:
สนใจความจริงจากปาก Speaker ทั้ง 7 ท่าน ตามไปอ่านได้ที่ https://thisable.me/content/2017/07/187
Tags: thisAble Talk, ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล, วิ่งด้วยกัน, บริษัท กล่องดินสอ จำกัด, สันติ รุ่งนาสวน, ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการพุทธมณฑลกช