Wild & Company ร้านอาหารแห่งใหม่มาในคอนเซปต์ยกป่ามาไว้ในเมือง เสิร์ฟอาหารเนื้อสัตว์เน้นๆ ทั้งเนื้อที่คุ้นเคย และที่หารับประทานยาก เคียงกับค็อกเทลแก้วอร่อย และดนตรีที่คัดมาแบบคุณภาพเยี่ยม
WHAT YOU SHOULD KNOW
เรื่องราวมีอยู่ว่า บ้านไม้สองชั้นในย่านกล้วยน้ำไทหลังนี้เคยสร้างความทรงจำดีๆ แก่เหล่านักดื่มและคอดนตรีมายาวนานเกือบ 10 ปี ในนาม Stu-fe (สตูเฟ่) ก่อนที่จะปิดตำนานไปเมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมา จนกระทั่งกลุ่มคนรักอาหารกลุ่มใหม่ที่เคยผ่านการทำร้านอาหารมาก่อนเข้ามาสานต่อพื้นที่สุดคลาสสิกนี้ด้วยคอนเซปต์ใหม่ ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีความเป็นเมืองไปสักพัก แล้วไปสนุกให้เต็มที่กับสไตล์แคมปิ้งกลางป่า
เมื่อก้าวเข้าไปในรั้วบ้าน ภายนอกเติมเต็มด้วยสวนต้นไม้ขนาดใหญ่ บริเวณด้านหลังที่เคยเป็นพื้นที่เอาต์ดอร์คือเรือนกระจกหลังใหม่ที่ทำการต้อนรับผู้มาเยือน ทำหน้าที่เป็นร้านอาหาร และเล่นบทบาทหลักของอาณาจักร Wild & Company ในขณะที่บ้านไม้หลังเก่ากลายร่างเป็นค็อกเทลบาร์ อ้าแขนไว้คอยต้อนรับนักดื่มและคอดนตรีให้ได้มาปาร์ตี้กันอย่างสุดเหวี่ยงหลังมื้อค่ำ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือบรรดาสัตว์สตัฟฟ์มากมายที่อาศัยอยู่ทั่วทั้งบริเวณ ช่วยเสริมความเป็น ‘ป่า’ ให้กับบ้านแห่งนี้กลมกลืนไปกับต้นไม้น้อยใหญ่
EAT THIS
เชฟโม-ชัชพล ถาวรวณิชย์ คือผู้อยู่เบื้องหลังเมนูอาหารทั้งหมดที่นี่ เมื่อมาในคอนเซปต์ป่าแล้ว เชฟโมเลยออกแบบอาหารในแนว Smoke House & Game หรือเน้นเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อวัว และเนื้อที่หารับประทานยาก เช่น กระต่าย กวาง และอื่นๆ สร้างบรรยากาศเหมือนกับเวลาออกล่าสัตว์ในป่า แล้วสุมไฟย่างนั่งกินกันกลางป่าเหมือนไปแคมปิ้ง ที่สำคัญเชฟโมตั้งใจเลือกผลิตภัณฑ์ในประเทศ เพื่อลบคำสบประมาทที่ว่าเนื้อไทยไม่อร่อย อีกทั้งยังนำพืชผักต่างๆ ที่เราคุ้นเคยกันจากร้านอาหารพื้นบ้าน อย่างผักแพว ยอดมะกอก ยอดมะม่วง และใบบัวบก มาประกอบทั้งจานผัก จานสลัด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะน่าสนใจแล้ว ยังอร่อยเข้ากันดีอีกด้ว
คำเตือน: ควรไปกันเป็นกลุ่มอย่างน้อย 4 คน เพื่อจะได้ลองอาหารหลากหลาย เพราะที่นี่เสิร์ฟจานใหญ่มาก
– เริ่มจานแรก Bone Marrow (450 บาท) จานนี้เสิร์ฟมาแบบหนึ่งท่อนใหญ่ พร้อมเสริมรสชาติด้วยสมุนไพรด้านบน ทั้งเกล็ดขนมปัง เนย กระเทียม โรสแมรี ใบไทม์ เกลือ พริกไทย เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศส เวลากินแนะนำให้ทาขนมปัง และแกล้มด้วยยอดมะกอก จะให้รสเปรี้ยวตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี
– ถัดมาเป็น หมูกรอบเซอร์ลอยด์ (440 บาท) ที่ทางเชฟบอกว่าไม่อ้วนที่สุดในบรรดาหมูกรอบเลยก็ว่าได้ เพราะขั้นตอนการทำไม่ใช้น้ำมันเลย โดยการนำเนื้อหมูไปดรายเอจเป็นเวลา 48 ชั่วโมง แล้วอบต่อด้วยเทคนิคพิเศษของทางร้าน ซึ่งทำให้หนังกรอบฟูไม่ต่างจากการทอด จานนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับ ฟักบัตเตอร์นัต พูเร ซอสแอปเปิ้ลบัลซามิก แอปเปิ้ลย่าง และใบบัวบก
– Rabbit Roll (690 บาท) เป็นจานที่หากคุณไม่เคยลองกินเนื้อกระต่าย เราก็อยากแนะนำ เนื้อกระต่ายถูกนำไปทำให้สุกด้วยระบบสุญญากาศ (sous-vide) ก่อนจะนำมาพันด้วยเบคอนแล้วนำไปอบ เนื้อด้านในจึงนิ่มสุกกำลังดีในขณะที่เบคอนก็เค็มกรอบราวกับเป็นหนังกระต่ายเอง จานนี้แกล้มกับผักสลัด
– Deep Fried Whole Chicken (590 บาท) เป็นจานที่นำไก่ทั้งตัวไปทำให้สุกด้วยระบบสุญญากาศ (sous-vide) ก่อนที่จะทำมาทอดแบบ deep-fried เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง และบร็อกโคลี
– คอเนื้อห้ามพลาด Smoked Beef Ribs (2,490 บาท) ซี่โครงเนื้อรมควันนานถึง 8 ชั่วโมง ชิ้นนี้เชฟโมเลือกใช้เนื้อไทย-เฟรนช์ จากสกลนคร ที่เลือกมาแล้วว่าให้รสชาติและกลิ่นที่เข้มข้น ไม่ต้องเพิ่มซอส แค่ปรุงด้วยเกลือ และพริกไทยเท่านั้น จานนี้เสิร์ฟพร้อมผักดองที่ทางร้านทำเองและแป้งตอร์ติญา
– จานสุดท้ายคือไฮไลท์เด็ดอีกหนึ่งจานสำหรับคอเนื้อ Austrailan Angus Tomahawk (3,290 บาท/1.2 กก.) เนื้อโทมาฮอว์กชิ้นนี้เสิร์ฟแบบความสุกปานกลาง ให้ความฉ่ำกำลังดี เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งบดกับเห็ดทรัฟเฟิล และผักย่าง
DRINK THIS
หลังกินข้าวเรียบร้อย เราแนะนำให้มาสนุกต่อที่บ้านหลังเดิม ที่ตอนนี้แปลงโฉมใหม่กลายร่างเป็นค็อกเทลบาร์และพื้นที่สำหรับดีเจและนักดนตรี ที่จะมาสร้างสีสันตลอดทั้งคืน
ค็อกเทลที่นี่เน้นค็อกเทลคลาสสิก ทั้งสายเหล้าดุดันอย่าง Negroni (เหล้าจิน คัมพารี และเวอร์มุท, 320 บาท) และ Rusty Nails (สกอตช์ วิสกี้ และเหล้าสมุนไพร Drambuie, 320 บาท) หรือสายบาลานซ์สดชื่นอย่าง El Diablo (เตกีลา Crème de Cassis น้ำมะนาว และ Ginger Beer, 290 บาท) และ Mai Tai (เหล้ารัม เหล้าส้ม น้ำมะนาว, 350 บาท) แต่หากเป็นสายเบียร์ ที่นี่มีเบียร์สัญชาติไทยอย่าง Chalawan Pale Ale (220 บาท) และ Chatri IPA (220 บาท) ไว้คอยให้บริการด้วย แถมทางบาร์ยังบอกว่าจะมีเบียร์ไทยตัวอื่นๆ แวะเวียนมาตามวาระอีกด้วย ทางที่ดีคอเบียร์ไทยควรเช็กกับบาร์ก่อนจะได้ไม่พลาดของดี
“Smoke House & Game เป็นสิ่งที่เราออกแบบให้กับเมนูที่นี่ ซึ่งพอเป็นเรื่องของ Smoke House เราถนัดและไม่ห่วงอะไร แต่พอเป็น Game มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา แต่ก็เป็นสิ่งที่อยากทำอยู่แล้ว เพราะจริงๆ เราอยากสนับสนุนสินค้าของคนไทย เช่น นกกระทา กวาง หรืออะไรต่างๆ ด้วยโจทย์นี้ เราเคยได้ยินคนพูดว่าของไทยไม่อร่อย เราเลยอยากทำให้ผลิตภัณฑ์ของบ้านเรามีคุณค่ามากขึ้น คือเอามาทำให้อร่อยให้ได้ เรื่องของผักก็เช่นกัน คนไทยคุ้นเคยกับผักแพว ยอดมะกอก ยอดมะม่วงในร้านส้มตำ หรืออาหารพื้นเมืองมาก่อน แต่ทำไมไม่มีใครเอามาทำสลัด ทั้งๆ ที่รสสัมผัสคล้ายกัน อีกทั้งยังมีรสชาติในตัวเองที่น่าสนใจ ผมเลยนำมารวมกันเพื่อทำให้ผักบ้านเรามีศักดิ์ศรีกว่านี้” ชัชพล ถาวรวณิชย์ หัวหน้าเชฟ Wild & Company
WILD & COMPANY
Open: อังคาร-อาทิตย์, 17:30-01:00 น.
Address: 33/1 ซอยฟาร์มวัฒนา ถนนพระราม 4
Tel: 08 7999 9948
Budget: 1,000 บาท
Parking: ในตัวบ้านมีที่จอดจำกัด สามารถจอดได้ในซอย
Map:
FACT BOX:
Game Meat: เวลาเห็นคำว่า ‘Game Meat’ ในร้านอาหาร ไม่ได้หมายถึงการละเล่นอะไร แต่เป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกเนื้อสัตว์แปลกๆ ชนิดต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเป็ด หรือเนื้อไก่ ที่เราคุ้นเคย ซึ่งที่เรียกแบบนี้เพราะติดมาจาก ‘เกม’ การล่าสัตว์ที่เป็นที่นิยมในสมัยก่อน ทั้งเพื่อเป็นกิจกรรม หรือนำมาทำอาหาร ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างออกไปตามประเทศและทวีปต่างๆ ภายหลังเมื่อเกมการล่าสัตว์ถูกแบนและโลกหันมาอนุรักษ์สัตว์มากขึ้น จึงเกิดเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ประเภทเหล่านี้เพื่อเป็นอาหาร ซึ่งจะไม่ไปรบกวนป่า หรือระบบนิเวศแต่อย่างใด และไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรม หรือทำให้ประชากรสัตว์ดังกล่าวลดลงหรือสูญพันธุ์เท่ากับการล่าตามธรรมชาติ และความหลากหลายของชนิดสัตว์แน่นอนว่าไม่ได้ Exotic เหมือนร้านเถื่อนขายของป่าในสมัยโบราณ คำว่า Game โดยทั่วๆ ไปจึงมีความหมายถึง เนื้อกวาง กระต่าย หรือนกกระทา เท่านั้น