“พี่คะ ไปร้านตัดผมบริจาค ซอยอ่อนนุช 46 เท่าไหร่คะ” เราถามพี่วินมอเตอร์ไซค์ตรงใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช หลังจากรับทราบค่าบริการ เราก็โดดขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเบาะ พร้อมออกเดินทางไปยังจุดหมาย ระหว่างทางพี่วินบอกให้เตรียมบัตรประชาชนสำหรับแลกที่ รปภ. ทางเข้าหมู่บ้านเอาไว้ด้วย เพราะวินแถวนี้รับส่งผู้โดยสาร ‘ผมยาวสลวย’ มายังร้านตัดผมแห่งนี้เป็นประจำ
อันที่จริง เราก็เคยตัดผมบริจาคทำวิกให้ผู้ป่วยมาแล้วเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ค้นหาข้อมูลว่าควรตัดร้านไหน เพราะเข้าใจว่าตัดร้านไหนก็เหมือนกัน ตัดเสร็จก็ส่งผมไปบริจาคเป็นอัน ‘อิ่มบุญ’
แต่หลังจากค้นข้อมูลเพิ่มเติมจึงเพิ่งรู้ว่า การตัดผมเพื่อบริจาคเป็นแค่ขั้นตอนแรกของการทำบุญเท่านั้น ซึ่งบุญนั้นอาจไปไม่ถึงผู้รับ หากเราไม่ได้ร่วมสมทบทุนค่าทำวิกผมด้วย เพราะค่าทำวิกมีราคาสูงหลายพันบาท กว่าจะมีคนร่วมบริจาคครบหนึ่งหัว เส้นผมของเราอาจถูกทิ้งร้างแห้งกรอบไปตามกาลเวลาเสียก่อนแล้ว
ไม่กี่นาทีหลังนั่งแว้นมอเตอร์ไซค์จากปากทาง เราก็มาถึงร้าน ‘แฮร์อินเทรนด์ดอทคอม’ ที่ชั้นล่างตบแต่งเก๋ไก๋ในสไตล์วินเทจ ชั้นบนเป็นที่พักอาศัยของ คุณเต้ หรือ คงยศ มะโนน้อม เจ้าของร้านตัดผมธรรมดาที่ไม่ธรรมดาคนที่เราจะคุยด้วยในวันนี้ เพราะเขาไม่ได้ตัดผมเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าเพียงแค่คนเดียว แต่เขาเป็นผู้ส่งต่อความสุขของลูกค้าคนหนึ่งไปสู่ผู้ป่วยโรคมะเร็งผ่านวิกผมดีไซน์เก๋ไก๋ ที่ออกแบบมาเพื่อศีรษะของผู้ไม่มีเส้นผมโดยเฉพาะ
“ถ้าวันหนึ่งคุณป่วยขึ้นมา คุณจะรู้ไหมว่าจะไปหาวิกสำหรับคนไม่มีผมได้ที่ไหน เพราะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ไม่มีหน้าที่มาให้ความรู้คนไข้ในการเลือกวิกผม คนไข้สิบคนมาหาเรา ซื้อวิกแล้วใส่ไม่ได้ครึ่งๆ เลย เพราะวิกเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบสำหรับคนที่ไม่มีผม แล้วปัญหาของวิกในท้องตลาด คือ หนึ่งคัน สองหลวม สามเจ็บบริเวณกกหู พอใส่แล้วจะต้องคอยพะวงว่าตรงตำแหน่งไหม”
คุณเต้เล่าถึงปัญหาของวิกผมในท้องตลาดให้ฟังระหว่างที่มือขวาถือกรรไกร คาดเอวด้วยอุปกรณ์ตัดผมครบเซ็ต เส้นผมยาวสลวยเกินกว่าสิบนิ้วถูกมัดเป็นกลุ่มๆ ด้วยเส้นด้ายยางยืดก่อนถูกตัดออกด้วยความยาวเท่ากัน แล้วนำไปรอลงทะเบียนบริจาคที่เคาน์เตอร์ของร้านอย่างเป็นระบบ จากนั้นคุณเต้จึงลงมือตัดแต่งเส้นผมที่เหลือตามความต้องการของลูกค้าจนกว่าจะพึงพอใจ
เมื่อถูกถามถึงแรงบันดาลใจของการเริ่มต้นโครงการทำวิกผมเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ช่างผมหัวใจจิตอาสาเล่าด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรักต่อผู้มีพระคุณว่า
“ตอนที่คุณย่าป่วยเป็นมะเร็ง ผมรู้ว่าวิกผมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วย แต่วิกที่มีขายทั่วไปไม่ได้ออกแบบมาสำหรับคนไม่มีผม หลังจากเปิดร้านตัดผมไปได้สองปี ผมเริ่มเห็นกองผมยาวสลวยของลูกค้าถูกกวาดทิ้งในแต่ละวันจำนวนมากแล้วเสียดาย เลยอยากทำวิกผมบริจาคผู้ป่วยมะเร็งเพื่อทำบุญให้คุณย่าซึ่งเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก ตอนนั้นตั้งใจจะทำแค่ปีเดียวก็พอ”
ช่างผมหัวใจจิตอาสาเปรียบเปรยวิกผมสวยๆ ว่าเป็นเหมือนกับ ‘วิตามิน’ บำรุงหัวใจผู้ป่วยให้สดชื่น แม้ไม่ใช่ยาหลักรักษาอาการป่วยกาย แต่ก็ช่วยรักษาอาการป่วยใจให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
“นิยามของวิกสำหรับผมคือความสดชื่น ถ้าคุณใส่วิกแล้วไม่สวย คุณก็จะไม่รู้สึกสดชื่น คนที่เป็นมะเร็งมักจะหมดหวัง วิกของเราทำให้เขาสดชื่น ไม่ใช่แค่มีอะไรครอบหัวเท่านั้น มันอาจเป็นวิตามินที่ทำให้เขารู้สึกเกิดความมั่นใจในการใช้ชีวิต ไม่ใช่ไปไหนมาไหน มีแต่คนมองเพราะไม่มีผมหรือวิกใส่แล้วไม่พอดี ผู้ป่วยที่ใส่วิกของเรา เราจะตัดผมให้เข้ากับใบหน้าของเขา หรือให้เขานำภาพทรงผมเดิมมาให้เราดู แล้วก็ตัดให้เหมือนเดิม เขาก็จะรู้สึกมั่นใจและมีความสุขในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมอีกครั้ง”
ก่อนหน้านี้เราเคยรู้สึกว่า อาชีพช่างตัดผมเป็นอาชีพที่แสนธรรมดา พบเห็นได้ทุกตรอกซอกซอย หน้าที่ของช่างตัดผมมีเพียงตัดแต่งทรงผมให้ลูกค้าพึงพอใจก็จากกันไป แต่การได้นั่งพูดคุยกับคุณเต้ พร้อมกับสังเกตการณ์ลูกค้าที่จองคิวมาตัดผมเพื่อบริจาค ทำให้เราสัมผัสได้ว่า ร้านตัดผมแห่งนี้อบอวลไปด้วยความสุขระคนอิ่มบุญไปทั่วทุกอณูของร้านจากการทำบุญเส้นผมและได้ทรงผมที่ถูกใจให้ตนเองกลับไปด้วยพร้อมกัน
คุณแม่ของน้องปอนด์และน้องปาล์มมี่ สองพี่น้องวัยใสที่จองคิวเพื่อมาตัดผมบริจาคบอกถึงเหตุผลที่เลือกมาตัดผมที่นี่ว่า “ผมเป็นสิ่งที่เราต้องตัดทิ้งอยู่แล้ว ลูกสาวเห็นเพื่อนตัดบริจาคก็มีแรงบันดาลใจในการเลี้ยงผมให้ยาวเพื่อจะได้ตัดบริจาคบ้าง พี่สาวเห็นน้องสาวตัดบริจาคก็เลยตัดด้วย ตัดเสร็จแล้วก็สบายใจกันทั้งครอบครัว”
เหตุผลสำคัญที่เลือกมาตัดผมบริจาคกับร้านนี้ก็เพราะที่นี่นำเงินรายได้ครึ่งหนึ่งจากค่าบริการ 850 บาทไปรวบรวมไว้เพื่อทำวิกผม เพราะถ้าบริจาคแต่เส้นผม ไม่บริจาคเงินค่าทำวิก เส้นผมของผู้บริจาคอาจ เดินทางไปไม่ถึงผู้ป่วยดังที่ตั้งใจ
คุณเต้เล่าว่า ค่าบริการตัดผมท่านละ 850 บาท จะถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรก เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการตัดผมตามทรงผมที่ลูกค้าต้องการ ส่วนที่สอง คือ หยอดกล่องไว้เป็นเงินทุนทำวิก โดยลูกค้าสามารถสมทบทุนค่าทำวิกเพิ่มตามศรัทธา
เมื่อได้ปริมาณเส้นผมและเงินทุนมาเพียงพอก็จะนำไปทำวิกผมล็อตใหญ่ๆ ครั้งละหลายสิบหัว โดยแบ่งวิกผมส่วนหนึ่งสำหรับจำหน่ายให้ผู้ป่วยที่ต้องการซื้อเก็บไว้ส่วนตัวในราคาถูกกว่าท้องตลาดหลายเท่า (ราคาวิกผมจริงในท้องตลาดประมาณหนึ่งหมื่นถึงสามหมื่นบาท แต่ที่ร้านจำหน่ายในราคาแปดถึงเก้าพันบาท เฉพาะผู้ป่วยที่มีสิทธิซื้อเท่านั้น) ถ้ามีผู้ป่วยมาซื้อวิก เงินจำนวนนี้ก็จะนำไปทำวิกผมสำหรับบริจาคต่อไป เป็นการส่งต่อบุญระหว่างผู้ป่วยที่มีกำลังทรัพย์กับผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนด้วยอีกทางหนึ่ง
หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าอยากส่งเส้นผมมาบริจาคทางไปรษณีย์จะได้ไหม เพราะไม่สะดวกจะเดินทางมาตัดที่ร้าน ปัญหานี้คุณเต้ไขข้อข้องใจให้เราฟังว่า
“เมื่อก่อนเรารับบริจาคเส้นผมทางไปรษณีย์ ปรากฏว่าเส้นผมจำนวนมากใช้ไม่ได้ บางคนสระเสร็จปุ๊บก็ตัดแล้วใส่ซองส่งมาเลย ทำให้ผมขึ้นรา หรือบางคนไม่ได้มัดผมก่อนตัด แต่กวาดเอาเส้นผมที่กองอยู่กับพื้นใส่ซองส่งมาให้เรา เส้นผมจะกลับทิศกลับทางกันหมด แถมยังมีเศษผงฝุ่นที่พื้นติดมาด้วย ผมเหล่านี้ต้องทิ้งทั้งหมด ซึ่งเราก็เสียดายความตั้งใจของคนบริจาค สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเลิกรับเส้นผมทางไปรษณีย์ แต่ให้มาตัดที่ร้าน เพราะเส้นผมทุกเส้นสามารถส่งไปทำวิกได้ตามความตั้งใจของผู้บริจาคจริงๆ ”
แม้ว่าความตั้งใจแรกจะทำวิกบริจาคแค่ปีเดียว แต่เมื่อนึกถึงแววตาของเด็กหญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เขาก็ไม่อาจหันหลังให้กับเส้นทางสายนี้ได้อีกเลย จวบจนวันนี้ เขายังคงก้าวเดินบนเส้นทางของ ‘ช่างตัดผมจิตอาสา’ มายาวนานถึงแปดปีด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นและเปี่ยมไปด้วยความสุขทุกครั้งที่ได้จับกรรไกรตัดผมส่งต่อความสุขไปให้ผู้ป่วยที่ต้องการวิกผม ทุกครั้งที่ท้อใจคำพูดของเด็กหญิงคนนี้ก็จะลอยเข้ามาเติมกำลังใจให้เขาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
“ตอนมาถึงที่ห้องบริการวิกผม เด็กคนนั้นป่วยหนักจนเดินไม่ไหวแล้ว แต่พอเราเอาวิกสวมบนศีรษะของเขา ตัดเสร็จเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที แล้วจู่ๆ เขาก็พยายามจะลุกขึ้นเดินมาหาเราเพื่อบอกว่า ขอบคุณมากนะคะพี่ที่ทำโครงการนี้ อนาคตหนูไม่รู้ว่าจะอยู่หรือเปล่า หนูเลยอยากจะบอกให้พี่ทำต่อไปนะ เพราะยังมีผู้ป่วยที่ต้องการตรงนี้อีกเยอะ เวลาเราเหนื่อยทีไร คำพูดนี้มักจะเข้ามาเป็นกำลังใจให้เราเสมอ”
ก่อนจากกัน ช่างตัดผมหัวใจจิตอาสาเปิดเผยเคล็ดลับที่ทำให้ทุกคนสามารถพบเจอความสุขได้ทุกวันว่า
“จริงๆ แล้วอาชีพช่างตัดผมเป็นอาชีพธรรมดามาก แต่คุณก็สามารถหาจุดยืนที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้เช่นกัน เพียงแต่คุณจะเลือกยืนอยู่ตรงจุดไหน ถ้าผมเลิกตัดผมบริจาค ผมก็เป็นช่างตัดผมธรรมดาคนหนึ่งที่ตัดผมเสร็จ คิดเงินลูกค้า เก็บเงินให้ตนเอง แต่ผมเลือกจะยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความสุขของคนสองคน เพราะพอเราทำทุกวัน เราก็เจอความสุขทุกวัน”
หมายเหตุ
ใครสนใจตัดผมเพื่อบริจาคกับร้านแฮร์อินเทรนด์ดอทคอมสามารถดูรายละเอียดได้ที่ FB: hairintrend.com home salon นะคะ
Tags: ผู้ป่วยมะเร็ง, บริจาคผม, วิกผม, ร้านตัดผม, แฮร์อินเทรนด์ดอทคอม, little big hearts