หลังจากประกาศแผนสิ่งแวดล้อมเริ่มต้นจากการลด ละ เลิก การใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว พร้อมติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเก็บกักพลังงานมาเพื่อใช้กับตัวอาคารในย่านนิวครอสส์ อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการสร้างคาร์บอนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2025
ล่าสุดมหาวิทยาลัยโกลด์ สมิทส์ ในประเทศอังกฤษ ประกาศ ‘แบน’ การขายอาหารเมนูเนื้อทั้งในโรงอาหารและร้านรวงอื่นๆ ในเขตสถาบัน โดยจะเริ่มต้นมาตรการในเดือนกันยายนนี้ รวมไปถึงมาตรการการเก็บเงินเพิ่ม 10 เพนนี (3.71 บาท) สำหรับการใช้ขวดน้ำพลาสติกและถ้วยพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อรณรงค์ให้นักศึกษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดภาวะโลกร้อน
ความเคลื่อนไหวเรื่องการลดการบริโภคเนื้อเริ่มจริงจังและได้รับการพูดถึงมากขึ้น เมื่อมีงานวิจัยออกมาว่าการทำปศุสัตว์นั้นสร้างคาร์บอนมากกว่าจำนวนคาร์บอนที่เกิดจากการใช้รถยนต์เสียอีก โดยเฉพาะเนื้อวัว โดยการเลี้ยงวัวเพื่อการปศุสัตว์นั้นใช้ที่ดินมากกว่าการเลี้ยงหมูหรือไก่ 28 เท่า ใช้น้ำมากกว่า 11 เท่าและสร้างมลภาวะให้แก่โลกมากกว่าถึง 5 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบเลี้ยงวัวกับการปลูกมันฝรั่ง ธัญพืช และข้าว ต่อแคลอรี่ จะพบว่า การเลี้ยงวัวนั้นใช้พื้นที่สูงกว่าถึง 160 เท่าและสร้างก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกสูงกว่าถึง 11 เท่าทีเดียว
กระแสการรณรงค์ลดการบริโภคเนื้อยังเห็นได้จากความนิยมในเบอร์เกอร์ที่ทำจาก ‘พืช’ ทดแทนเนื้อสัตว์หรือที่เรียกว่า Plant-Base Burger จากรายงานของ The National Restaurant Association พบว่าคนที่ซื้อเบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืชรับประทานในปีนี้ 95% มาจากคนที่เคยทานเบอร์เกอร์เนื้อมาก่อน และ 30-50% ของคนในจำนวนนี้เริ่มที่จะลดการบริโภคเนื้อลงแล้ว นอกจากนี้ความนิยมในการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชนั้นยังเริ่มสูงขึ้นอีกด้วย โดยในปี 2018 เติบโตขึ้นถึง 20% เปรียบเทียบจากในปี 2017 ที่มีเพียง 8% โดยสหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีการบริโภคเนื้อสูงสุดของโลก มากกว่า 4 เท่าของประเทศอื่นๆ ที่เหลือในโลกรวมกันเสียอีก
นอกจากมหาวิทยาลัยโกลด์ สมิทส์แล้ว ในอังกฤษสถาบันการศึกษาถือเป็นหน่วยงานที่ตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยเชฟฟีลด์ตั้งร้านขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยไม่มีบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่เครื่องเทศ เครื่องปรุงไปจนถึงน้ำยาซักผ้า มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์สามารถลดการผลิตคาร์บอนไปได้มากถึง 31% นับตั้งแต่ปี 2005 และมีการเลิกใช้ถ้วยหรือแก้วน้ำแบบใช้แล้วทิ้ง รวมไปถึงแก้วกาแฟก็หันมาใช้แบบที่รีไซเคิลได้ทั้งหมด
และตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม กองทุนบริจาคของโกลด์สมิทส์ยังจะหยุดการลงทุนใน บริษัทที่สร้างรายได้มากกว่า 10% ของรายได้จากการสกัดเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกด้วย เพื่อเป็นการประกาศถึงความตั้งใจในการดูแลรักษาและใส่ใจในปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
อ้างอิง
https://www.huffpost.com/entry/eat-less-meat-environmental-effect_l_5d39d84fe4b020cd99501f2d
https://time.com/5648082/un-climate-report-less-meat/
https://www.bbc.com/news/science-environment-49238749
ภาพ : Jorge Silva/REUTERS
Tags: สภาวะโลกร้อน, แบนเนื้อ, มหาวิทยาลัยโกลด์สมิทส์
