ช่วงเย็นวันที่ 1 มิถุนายน ตามเวลาของสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศส่งกองกำลังทหาร เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หากว่าความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป การปล้นร้านค้าและการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงเป็น “การก่อการร้ายในประเทศ”เขากล่าวว่าจอร์จ ฟลอยด์จะต้องได้รับความยุติธรรม ตนเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับชาวอเมริกันคนอื่นๆ ที่ได้เห็นวิดีโอ ขณะที่เขาพูดอยู่ เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง เข้าใส่ผู้ชุมนุมที่ประท้วงอย่างสงบรั้วด้านนอกของทำเนียบขาว เพื่อที่ทรัมป์จะสามารถเข้าไปยังโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ และถ่ายรูปกับคำภีร์ไบเบิลเพียงไม่กี่นาทีได้ บาทหลวงคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจ โดยบอกว่าเขาหาประโยชน์จากไบเบิล ทั้งที่ทรัมป์เพิ่งขู่ว่าจะใช้กำลังทหาร ซึ่งขัดต่อหลักศาสนาและสิ่งที่พวกเราเชื่อ

การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ขณะถูกตำรวจเมืองมินนีแอโปลิสจับกุมด้วยข้อกล่าวหาว่าพยายามใช้ธนบัตรปลอมในร้านค้า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม กลายเป็นชนวนสำคัญที่จุดกระแสการชุมนุมประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้ฟลอยด์ขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาพวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดทับลำคอเขาลงกับพื้นถนน แม้ฟลอยด์จะร้องว่า “ผมหายใจไม่ออก” และ “อย่าฆ่าผม” หลายครั้ง ก็ตาม

ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม ประชาชนเริ่มออกมาเดินขบวนและยืดเยื้อมานานกว่า 7 วันแล้ว การชุมนุมเกิดขึ้นอย่างน้อย 75 เมือง  ประชาชนชนออกมาเดินขบวนอย่างแน่นขนัด แม้ว่าจะยังอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ก็ตาม ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการประท้วงทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา หลังการประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม จนเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม กองกำลังพิทักษ์ชาติ ซึ่งเป็นกองกำลังทหารของสหรัฐฯ เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ ส่งเจ้าหน้าที่ 5,000 นาย ไปยัง 15 รัฐทั่วประเทศ 

ในหลายเมืองเกิดความวุ่นวาย มีการปะทะกับตำรวจและการทำลายอาคาร  ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชน ยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมทั้งในนิวยอร์ก ชิคาโก ฟิลาเดลเฟีย ลอสแอนเจลิส ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงแล้วอย่างน้อย 4,400 คนด้วยหลายข้อหา ตั้งแต่การปล้นร้านค้า ทำลายข้าวของ ปิดถนนไปจนถึงการผ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว การชุมนุมขนาดใหญ่ยังเกิดขึ้นที่แอตแลนตา บอสตัน ไมอามี โอกลาโฮมา ซิตี้ ส่วนที่เดนเวอร์ ประชาชนหลายพันคนรวมตัวกันอย่างสงบด้วยการนอนคว่ำหน้าลง เอามือไพล่หลัง และพูดว่า “ฉันหายใจไม่ออก”

น้องชายของฟลอยด์ ซึ่งเดินทางไปยังจุดที่เขาเสียชีวิตกล่าวว่า พี่ชายของตัวเองไม่ต้องการเห็นการทำลายสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นในนามเขา การชุมนุมประท้วงกลายเป็นความรุนแรง ครอบครัวของเรารักความสงบ ครอบครัวของเราเกรงกลัวต่อพระเจ้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าว ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ปล้นและท้าทายกฎหมาย เขาแจ้งกับผู้ว่าการรัฐทั่วประเทศผ่านประชุมทางไกลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนว่า ให้ใช้วิธีเด็ดขาดในการจัดการกับผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง  เขากล่าวว่า ถ้าพวกคุณไม่ลงมือทำอะไร มันก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น

นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว สุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีการชุมนุมในหลายเมืองทั่วโลก เช่น ลอนดอน เบอร์ลิน ปารีส ซีเรีย โอ็คแลนด์  เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้ประท้วงแสดงความไม่พอใจความโหดร้ายทารุณของตำรวจ

ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-52872401

https://www.theguardian.com/us-news/live/2020/jun/01/george-floyd-protests-donald-trump-white-house-washington-police-brutality-minneapolis-latest-news-updates?page=with:block-5ed5421e8f08f5e373012989#block-5ed5421e8f08f5e373012989

https://edition.cnn.com/2020/06/01/politics/donald-trump-national-address-race/index.html

https://edition.cnn.com/2020/06/01/world/george-floyd-global-protests-intl/index.html

https://www.nytimes.com/2020/06/01/us/floyd-protests-live.html?action=click&module=Spotlight&pgtype=Homepage

ภาพ: Frederic J. BROWN / AFP

Tags: ,