แม้ Toy Story เป็นแฟรนไชส์แอนิเมชันบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยโดยกลุ่มของเล่นในบ้านหลังหนึ่ง เป็นเนื้อหาแฟนตาซี สร้างความสนุกสนาน โดยเนื้อหามุ่งหากลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มเด็กที่ชอบความสนุกของเรื่องราว และความสดใสของสีสันและตัวละครที่ออกแบบโดยสตูดิโอดังอย่าง Pixar
ทว่าในกลุ่มวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และวัยทำงานเจนต่างๆ ก็ล้วนเป็นแฟนคลับเดนตายของตุ๊กตานายอำเภอกับหุ่นยนต์รบอวกาศกันทั้งนั้น เพราะนอกจากเสน่ห์ในแบบแอนิเมชันสำหรับเด็กแล้ว Toy Story ยังมีพื้นที่สำหรับผู้ใหญ่ บอกเล่าเรื่องราวของการเติบโตและเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงอย่างเข้มแข็ง
ประโยค ‘So Long Partner’ แม้อ้างอิงตามบริบทของเรื่องคือ การบอกลาสัญลักษณ์ความเป็นเด็กอย่างของเล่นและตุ๊กตา แต่ในชีวิตจริงคำว่าเติบโตอาจหมายถึงเราต้องบอกลา หรือก้าวผ่านชีวิตแบบหนึ่งไปสู่ชีวิตอีกแบบหนึ่ง
จากเคยใช้ชีวิตหรรษา วันนี้กลับต้องเริ่มมีความรับผิดชอบ จากเคยมีอิสระ ปัจจุบันต้องเริ่มคิดถึงคนอื่นมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ จากเคยอยู่ในเซฟโซน วันนี้ต้องลองออกมาผจญภัยข้างนอก หาความก้าวหน้าใหม่ๆ ของชีวิตมากยิ่งขึ้น
ที่จริงการตีความ Toy Story ในแง่มุมนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ที่สำคัญเรื่องราวของการกล้าออกจากกรอบ ฝันให้ไกล มุ่งหาประสบการณ์ใหม่ๆ ต่างเป็นแนวคิดที่ถูกขายในสังคมมาโดยตลอด แต่เชื่อไหม ตลอดเวลาเกือบอายุแตะเลข 3 นั้น ผู้เขียนกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เท่าที่ควร
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงอายุ 20 ปี เรามีอิสระมากมาย ทั้งในแง่ของเวลาและการเงิน จึงมีโอกาสได้ลองสำรวจ ได้เดินตามฝัน ได้ทดลองหกล้มหรือผิดพลาดอยู่ตลอด ซึ่งไม่ว่าจะดี จะร้าย จะสุข จะเศร้า ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดจากการตัดสินใจของตัวเราแทบทั้งสิ้น
ที่ผ่านมาผู้เขียนมีนายอำเภอวู้ดดี้ และบัซ ไลท์เยียร์ ในฐานะงานที่ตัวเองรักมาตลอด จึงทำให้หลายปีที่ผ่านมา เราขลุกอยู่กับมันโดยไม่ได้มองสิ่งอื่นใดเท่าไร ก็แน่นอนละ ในเมื่อมีงานที่เรารัก รูปแบบชีวิตที่ลงตัว สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเราอีก เหตุใดจึงต้องมองสิ่งอื่นๆ เพิ่มเติม
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เผลอเพียงครู่เดียว อายุเริ่มเฉียดเลข 3 มากยิ่งขึ้น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เราเคยคิดว่าจะอยู่กับมันได้ทั้งชีวิต เริ่มกลายเป็นสิ่งถูกตั้งคำถามว่า มันจะเพียงพอกับทั้งชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ของเราจริงๆ ไหม
ในวันที่พ่อและแม่เริ่มเกษียณอายุ ผู้เขียนเริ่มกังวลถึงเรื่องรายได้ต่อเดือน
ในวันที่โลกเริ่มปรับตัว ผู้เขียนเริ่มกังวลเรื่องลักษณะงานที่อาจตกยุคสมัย
ในวันที่อายุมากขึ้น ผู้เขียนเริ่มมองหาถึงความมั่นคงของชีวิตมากกว่านี้
เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าใจผิด อย่าเพิ่งคิดว่าไอ้หมอนี่มันยอมแพ้ให้กับความชอบและความฝันของตัวเองนะ เพียงแต่วันนี้มันกลับเริ่มคิดแล้วจริงๆ ว่า ช่วงเวลาที่มีโอกาสได้ลอง ได้ผิด ได้พลาด มันเริ่มจะหมดลงแล้วจริงๆ ต้องเริ่มหาอะไรที่เป็นฐานให้กับชีวิต อย่างน้อยก็เป็นเบาะ ในสำหรับวันที่ทุกอย่างมันผิดพลาดไปทั้งหมดก็ได้
ที่สำคัญคือ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โลกใบนี้มันจะท้าทายเราด้วยความยากลำบากแบบไหนเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนี้
ดังนั้นในวันที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเองในบางอย่าง เรากลับนึกถึงฉากสุดท้ายของ Toy Story 3 ขึ้นมาในสมอง การบอกลาสิ่งที่เรียกว่า ‘คู่หู’ ในวันนี้ อาจหมายถึงตัวเราเองที่เคยเป็นคนบ้า กล้า ล่าฝัน เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นอีกคนที่มองชีวิตหลายมุม ทบทวนอนาคตของตัวเองถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น
และก็หวังว่าในระหว่างนี้จะได้ใช้เวลาที่เหลือ ‘บางส่วน’ ได้ลองทำอะไรที่ยังคงชอบและฝันอยู่ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ชีวิตนี้เหี่ยวเฉาจนเกินไป โดยหวังว่าอนาคตหากทุกอย่างเป็นไปได้ ก็จะได้กลับไปทำงานตามความฝันและมีชีวิตที่มั่นคงไปพร้อมกันได้