ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในคอกพยานของศาลเมืองนิวฮาเวน รัฐคอนเน็กติกัต ศาลพิจารณาคดีที่หญิงนักศึกษาคนหนึ่งถูก ไซฟุเลาะห์ คาน  (Saifullah Khan) นักศึกษามหาวิทยาลัยเยลวัย 25 ปี ข่มขืนในคืนวันฮัลโลวีนเมื่อปี 2015 ฝ่ายหญิงยืนยันว่าเธอเมาเกินกว่าที่จะให้ความยินยอม

การพิจารณาคดีดำเนินการอย่างเปิดเผย ซึ่งทีมทนายความของคานทำงานอย่างหนักเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผู้หญิงคนนี้

ทีมทนายถามซ้ำๆ ว่า เธอดื่มเหล้ามากแค่ไหน และที่เธออ้างว่าจำรายละเอียดไม่ได้ เช่น กลับมาที่หอพักอย่างไร ทำไมจึงจำรายละเอียดอย่างอื่นได้ เช่นเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศเธอ ฝ่ายจำเลยยังวิเคราะห์ข้อความที่ทั้งคู่ส่งหากัน แล้วถามว่า เธอไม่ได้เฟลิร์ตเขาในวันก่อนที่จะเกิดเรื่องเหรอ

นอกจากนี้ ทนายยังหยิบเสื้อผ้าวันฮัลโลวีนของเธอขึ้นมาซึ่งเป็นชุดแบล็คแคท แล้วถามว่า ทำไมเธอไม่เลือกชุดที่เหมาะสมกว่านี้อย่าง “ชุดซินเดอเรลล่า”

ลอว์รา พาลัมโบ โฆษกของศูนย์ข้อมูลความรุนแรงทางเพศแห่งชาติวิจารณ์วิธีการตั้งคำถามของทนายว่า

“มันเป็นความตั้งใจที่จะประณามเหยื่อ เป็นการเหมารวมและสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศ คุณสนใจพฤติกรรมทางเพศ จากชุดที่คุณสวมหรือการดื่มเท่านั้น”

ขณะที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการข่มขืนในมหาวิทยาลัยอยู่หลายต่อหลายคดี แต่คดีนี้เป็นเพียงเรื่องส่วนน้อยที่ไปถึงชั้นศาล งานวิจัยสำรวจพบว่า 11.2% ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาในมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกาเคยมีประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือถูกข่มขืน ผ่านการบังคับทางกายหรือใช้ความรุนแรง แต่จากสถิติพบว่าจำนวนคดีข่มขืนในมหาวิทยาลัยที่ขึ้นสู่ศาลมีน้อยมาก กระทรวงยุติธรรมประมาณว่ามีนักศึกษาหญิงเพียง 4-20% ที่ถูกข่มขืนแจ้งความให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ การพิจารณาคดีขณะที่มีการตื่นตัวจากความเคลื่อนไหวประเด็น #Metoo และการโต้เถียงกันว่า กรณีที่มีเหตุข่มขืนในมหาวิทยาลัย ใครรับมือได้ดีที่สุดระหว่างมหาวิทยาลัยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทำให้การไต่สวนในกรณีของคานมีนัยความสำคัญทางการเมือง

ทนายของฝ่ายจำเลยอ้างว่า มหาวิทยาลัยเยลทำให้คานเป็นแพะรับบาปของความล้มเหลวในการจัดการกับการล่วงละเมิดทางเพศกรณีก่อนหน้านี้

หลังจากให้การต่อศาลแล้ว นอร์แมน แพททิส ทนายความของคานกล่าวว่า เขาได้พยายามท้าทายขีดจำกัดของความเคลื่อนไหว #MeToo ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ ‘ฮิสทีเรียหมู่’

“เรื่องเพศเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย” เขากล่าว

หลังจากใช้เวลาพิจารณาคดีนานสองสัปดาห์ คณะลูกขุนหกคนใช้เวลาสามชั่วโมงก่อนที่จะมีคำพิพากษา ให้คานพ้นจากความผิดล่วงละเมิดทางเพศ

ลูกขุนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า กระแส #MeToo ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจ  พวกเขาพิจารณาจากหลักฐาน มีข้อสงสัยมากพอที่ทำให้ผลการตัดสินเป็นแบบนี้

ในคำแถลงหลังจากผลการพิจารณา แพททิสเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยเยลรับคานกลับเข้าไปเรียน และกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยด่วนตัดสิน

คดีนี้ยุ่งยากตั้งแต่แรก คืนเกิดเหตุมีการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ข้อความที่ส่งหากันระหว่างโจทก์กับคานซึ่งเต็มไปด้วยอิโมจิและวัฒนธรรมเฉพาะของนักศึกษาเยล ซึ่งทนายฝ่ายจำเลยอ้างว่าเป็นข้อพิสูจน์เรื่องการเฟลิร์ต ส่วนฝ่ายหญิงบอกว่าไม่มีความหมายอะไร

โจทก์ให้การว่า ในคืนเกิดเหตุ เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงนอกมหาวิทยาลัยกับเพื่อนๆ เธอดื่มเหล้าเข้าไปมาก และเป็นครั้งแรกที่เธอเมา

ระหว่างการแสดงออร์เคสตราหลังจากการเลี้ยงเลิก เธอหาเพื่อนไม่เจอ แต่ได้พบคาน ซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นพี่ที่อยู่ในหอพักเดียวกัน เธอเห็นเขาเป็นคนรู้จัก และไม่เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว นั่งอยู่ตอนที่เธออาเจียนออกมาหลายครั้ง และพาเธอไปส่งที่ห้อง

แพททิสเปิดวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่เป็นภาพของทั้งสองคนเดินกลับไปที่หอพักของเธอ ดูเหมือนโจทก์จะพิงหลังไปที่คาน ขาลากไปด้านหลังเล็กน้อย

“คุณสองคนดูไม่เหมือนคู่รักเหรอ” เขาถามในศาล

“ไม่” เธอตอบ

คืนนั้น โจทก์กล่าวว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า คานอยู่บนตัวเธอ เธอพยายามจะผลักเขาออก ตอนเช้า เธอเปลือย แม้จะจำได้ว่าตอนที่นอน เสื้อผ้ายังอยู่ครบ เธอเห็นถุงยางอนามัยบนพื้น และรอยช้ำที่ขา

เธอเข้าไปที่ศูนย์ข้อมูลการล่วงละเมิดทางเพศของมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เจ้าหน้าที่แจ้งตำรวจ คานถูกพักการเรียนตั้งแต่วันที่ 9 ตำรวจจับกุมเขาวันที่ 12

คานซึ่งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้การที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง เช่น บอกว่าโจทก์เชิญเขาเข้าห้องของเธอเอง และถอดเสื้อผ้าเอง เขาช็อคเมื่อเธอโกรธในเช้าวันรุ่งขึ้น

“พฤติกรรมต่างกันลิบลับเลย” คานกล่าว

แพททิสกล่าวว่า เรื่องเล่าของโจทก์คลุมเครือและไม่สอดคล้องกัน และเธอจำได้เฉพาะรายละเอียดเข้าข้างข้อกล่าวหาของตัวเองเท่านั้น

“สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องคืนนั้นทำให้ทุกคนไม่สบายใจ แต่มันไม่ใช่อาชญากรรม” เแพททิสกล่าวหลังจากคำตัดสิน

ไมเคิล เปบเปอร์ อัยการกล่าวว่า “ช่องว่างระหว่างความทรงจำของเหยื่อได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา”

“ถ้าเธออยากจะทำแบบนั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ทำไมไม่ทำให้เรื่องเนียนกว่านี้ล่ะ”

โจทก์ยืนยันเช่นเดียวกัน เธอปฏิเสธคำถามของแพททิสที่ว่า เธอวางแผนที่จะฟ้องคดีแพ่งต่อคานหรือเยลหรือไม่

“ฉันไม่ได้อะไรเลยจากเรื่องนี้” เธอตอบ “การกลับไปคิดถึงเรื่องในอดีตอีกครั้งตลอดสามวันที่ผ่านมาเป็นเรื่องยาก”

คำตัดสินของศาลยังเปิดเผยให้เห็นถึงช่องว่างที่กว้างขึ้นออกไปอีกในข้อถกเถียงเกี่ยวกับการยินยอมและการล่วงละเมิดทางเพศ

 

ที่มา:

Tags: , , ,