ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก สำหรับสำนักงานประกันสังคมที่จู่ๆ ก็มีเรื่องใหม่อย่าง ‘งบซื้อรถหรู’ เข้ามาพร้อมกับประเด็นปฏิทินประกันสังคม ที่ล่าสุดยังยืนยันเดินหน้าทำปฏิทินต่อโดยใช้งบ 55 ล้านบาท สวนทางผลประชาพิจารณ์ผู้ประกันตนร้อยละ 62 ที่ต้องการยกเลิกทำปฏิทิน 

จากเอกสาร ‘รายงานทรัพย์สินคงเหลือ’ ของสำนักงานประกันสังคมที่มีรายการทรัพย์สินของสำนักงานกว่าพันหน้ากระดาษ แต่สิ่งที่เตะตาคือ ‘รถของประกันสังคม’ ที่มีบางคันเป็นรถหรู ทั้ง Toyota Alphard และ Volkswagen ที่ราคาคันละเกือบ 4 ล้านบาท 

ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว มาจากเงินของผู้ประกันตนที่สมทบเข้าไปในกองทุน แต่เมื่อใช้เสร็จกลับบริจาคทำบุญให้วัดแทนการขายมือสองให้เต็นท์รถ ขณะที่บางวัดเมื่อได้รับบริจาคก็โอนรถต่อให้บุคคลที่สาม หลังได้รับรถมาเพียง 6 เดือนเท่านั้น

ตั้งแต่ซื้อรถทำงานจากเงินของผู้ประกันตน ไปจนถึงการโอนรถต่อให้บุคคลที่สาม รถหรูของสำนักงานประกันสังคมมีที่มาที่ไปอย่างไร The Momentum ขอสรุปเรื่องราวดังนี้

1. สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ออกมาแฉว่า สำนักงานประกันสังคมเอาเงินของผู้ประกันตนไปซื้อ ‘รถหรู’ มีทั้ง Toyota Alphard และ Volkswagen ราคาคันละเกือบ 4 ล้านบาท ทั้งที่ปัจจุบันตำแหน่งอธิบดีและข้าราชการการเมืองไม่มีรถประจำตำแหน่ง แต่สำนักงานฯ ใช้วิธีตั้งชื่อโครงการจัดซื้อว่า ‘รถเพื่อสนับสนุนภารกิจกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม’ จึงเบิกเงินมาซื้อรถหรูได้ ส่วนคนที่มีสิทธิใช้ก็เป็น ‘นาย’ ในกระทรวงและสำนักงานฯ เพราะพนักงานข้าราชการคงไม่กล้าเบิกรถราคาเกือบ 4 ล้านบาทมาใช้ ด้าน พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมายืนยันว่า คนที่ ‘มีสิทธิ’ เบิกรถหรูประกันสังคมมาใช้คือ ปลัดกระทรวงแรงงาน

2. เรื่องยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีกเมื่อพบว่า ในปี 2565 สำนักงานประกันสังคมสกลนครมีประวัติโอนรถที่ใช้มาได้ 3 ปี ให้กับวัดสระแก้ว แต่ผ่านไป 6 เดือนวัดโอนต่อไปให้บุคคลที่สาม

3. มีการติดตามเส้นทางการโอนไปยังมือที่สาม จนไปเจอรถยี่ห้อ Ford 4 WHEEL RBS ที่คาดว่า เป็นรถที่สำนักงานประกันสังคมสกลนครบริจาคให้กับวัดสระแก้ว อยู่ในสภาพที่ถูกถอดล้อ กำลังซ่อมแซม ส่วนบุคคลที่ 3 ที่รับโอนกรรมสิทธิ์รถต่อจากวัด เป็นผู้อำนวยการของวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่สกลนคร มีนามสกุลเดียวกันกับผู้อำนวยการกองงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ยืนยันไม่ใช่การซื้อขาย แต่วัดเอารถมาซ่อมบ่อยและไม่มีงบดูแลจึงโอนให้ตนนำไปใช้ประโยชน์ที่วิทยาลัย โดยเอาบิลเงินสดที่ไม่ลงวันที่ ไม่ใส่ชื่อสถานที่ซ่อม แต่มีค่าซ่อมระบุไว้ในบิลเป็นหลักฐานว่า วัดเอารถมาซ่อมจริง ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ของวัดไม่ได้ชื่อสถานศึกษาแต่เป็นชื่อของบุคคล

ทั้งนี้หญิงผู้รับกรรมสิทธิ์รถประกันสังคมต่อจากวัดชี้แจงว่า กรณีวัดโอนกรรมสิทธิ์รถเป็นชื่อของตนเนื่องจากวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาเอกชน ทำให้การโอนย้ายต้องผ่านคณะกรรมการหลายขั้นตอน บวกกับความรู้เท่าไม่ถึงการของตัวเอง และมองว่าตนเป็นตัวแทนของสถานศึกษาอยู่แล้วจึงให้วัดโอนเป็นชื่อตน ส่วนประเด็นใช้นามสกุลเดียวกันกับผู้อำนวยการองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น มองว่า มีการใช้นามสกุลนี้แพร่หลายในจังหวัดอยู่แล้ว

4. บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงานและประธานบอร์ดประกันสังคม ให้สัมภาษณ์สื่อในวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ว่า การบริจาครถให้วัด ‘ย่อมดีกว่า’ เอาไปขายทอดตลาด ที่ผ่านมาประกันสังคมก็บริจาครถหรูไปให้ส่วนราชการ มูลนิธิ และหน่วยงานการกุศลตลอด ไม่เคยเอาไปขาย เนื่องจากมองว่าไม่ได้ราคา แต่รถที่จะบริจาคต้องเป็นรถที่ปลดประจำการ ใช้งานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ปีและเสื่อมสภาพตามกฎหมาย โดยสำนักงานฯ ไม่สามารถบริจาครถใหม่ที่เพิ่งซื้อได้

บุญสงค์ให้ข้อมูลว่า เมื่อสำนักงานบริจาคให้กับวัดแล้วจะไม่เข้าไปติดตามรถอีก โดยให้เป็นความรับผิดชอบของวัด เนื่องจากมีสถานะเป็นนิติบุคคล ทั้งนี้กรณีที่วัดโอนรถหรูต่อไปยังบุคคลที่สาม มองว่า ไม่สามารถทำได้ แต่เนื่องจากไม่มีข้อมูลดังกล่าวจึงขอตรวจสอบเพิ่มเติม

5. สำนักงานประกันสังคมและกระทรวงแรงงาน ยังมีการบริจาครถให้องค์กรการกุศลโดยเฉพาะและวัดอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ สส.พรรคประชาชนและจะเปิดข้อมูลออกมาทีเดียว ขณะเดียวกันก็มีข้อสงสัยว่า เป็นการ ‘ฟอก’ พัสดุหรือไม่ เพราะมีการโอนไปเป็นทอดๆ แล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ สส.พรรคประชาชนกำลังตรวจสอบความสัมพันธ์ของหญิงบุคคลที่สามกับสำนักงานประกันสังคม ขณะที่มีวงในบอกกับ สส.ว่า มีการส่งคนเข้าไปในพื้นที่วัดและบอกให้วัดออกมาบอกว่า ที่โอนรถไปเพราะไม่มีใครดูแลจึงต้องขายออกไปให้กับบุคคลที่สาม ที่สำคัญก็ต้องไปเช็กสภาพของรถที่โอนออกไปด้วยว่า ‘เสื่อมสภาพ’ จริงหรือหลอก

6. ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี เปิดเผยว่า ประกันสังคมซื้อรถครั้งหนึ่งใช้งบประมาณราว 100 ล้านบาท และคาดหวังให้ใช้งานไปได้ 5-8 ปี แต่ถึงจะใช้งานมาได้ 8 ปี หากเอาไปขายก็จะยังมีมูลค่าร้อยละ 20 ของราคาที่ซื้อครั้งแรก ขายครั้งหนึ่งน่าจะได้เงินสัก 20-30 ล้านบาท ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับเงินที่เอามาทำปฏิทินประกันสังคม เขายังตั้งคำถามว่า เอารถหรูไปบริจาคอาจจะได้ ‘บุญ’ แต่ผู้ประกันตนจะได้อะไร

“อย่าลืมว่ากองทุนประกันสังคมเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก เงินที่ได้กลับคืนมา 10-20 ล้านบาท ที่เราได้ใช้ไปมันก็มีค่านะ อย่างน้อยก็ทำให้ท่านได้ทำปฏิทินต่อก็แล้วกัน เอาเงินจากการขายรถมาทำปฏิทินก็ได้ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหมือนกันที่กลไกการใช้งานงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนหลัก 10 ล้านคนไม่ได้ถูกคิดคำนึงอยากรอบคอบ” ษัษฐรัมย์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 

อ้างอิง

https://www.facebook.com/photo?fbid=1323084719178464&set=pcb.1323084815845121 

 https://docs.google.com/spreadsheets/d/1RuKmSggn82Nm849hl72NK-VtvZXxxOvyM-e_fvEPe7U/edit?gid=537059493#gid=537059493 

Tags: , , ,