Siam Carnival Funfair ม้าหมุน‘เชิญเลยครับ สวนสนุกเคลื่อนที่ยินดีต้อนรับ’
หลังก้าวออกจากรถแท็กซี่ที่ต่อคิวรับ-ส่งผู้โดยสารกันยาวเหยียดได้ไม่นาน พนักงานจัดการจราจรวัยกลางคนก็ขยับมือเป็นระวิง เพื่อส่งสัญญาณให้นักท่องเที่ยวเดินจากขอบถนน พร้อมกับกล่าวต้อนรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างผู้เขียนและเพื่อนๆ อย่างขยันขันแข็ง เป็นเรื่องปกติที่งานบริการทุกประเภทต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจพอสมควร ยิ่งเจอสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจยิ่งแล้วใหญ่ ดูจากเสื้อผ้าของพนักงานจัดการจราจรที่ยังเปียกหมาดๆ ก็อุปมาได้ว่า ก่อนหน้านี้ไม่นานคงมีฝนตกลงมามากพอสมควร
เดินเข้ามาจากเชิงสะพาน สถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้พบ คือโซนอาหารและร้านรวงนานาชนิด ที่นำสินค้าและอาหารมาวางให้เลือกซื้อ แต่ที่ผู้เขียนสนใจคือร้านหมูกระทะ ที่เขียนโฆษณาว่า ‘หมูกะทะในราคาย่อมเยา’ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงชุดละ 29 บาท แต่ผู้เขียนก็ตัดสินใจว่า หากกินตั้งแต่ก่อนที่จะเล่นเครื่องเล่นท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก กระเพาะอาจประท้วงและโยนข้าวของสารพัดที่ผู้เขียนกินเข้าไปออกมา แทนที่จะมีความสุข คงได้อับอายต่อหน้าผู้คน จึงตัดสินใจเดินต่อไป
โซนถัดมาคือสวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่คับคั่งไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ต่างพากันมาออกกำลังกาย เดินเล่น และชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งมีเทศกาล พื้นที่นี้ยิ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่บ้างกำลังหาที่นั่งรับประทานอาหาร บ้างยืนชมท้องฟ้าเปิดยามเย็นหลังฝนตก ซึ่งเป็นวิวที่สวยไม่น้อยเลยทีเดียว
โซนสุดท้ายที่ถือเป็นไฮไลต์ คือ ‘Siam Carnival Funfair’ ที่มีเครื่องเล่นนานาชนิดมากกว่า 20 จุด โดยเฉพาะเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมนีและอิตาลี ในโซนนี้นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องเสียค่าเข้า 15 บาทต่อคน และราคาเครื่องเล่นแต่ละชนิดก็ไม่เท่ากัน ส่วนเครื่องเล่นหลักๆ จะอยู่ที่ 60 บาทต่อคน
นักท่องเที่ยวต่างเล่นเครื่องเล่นกันอย่างสนุกสนาน พร้อมเสียงตะโกนกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นมาเป็นระยะ ส่วนผู้เขียนมีโอกาสได้ลองเล่นเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลต์หลักอีกชิ้นของที่นี่ นั่นคือเครื่องเล่น ‘GIANT WHEEL’ หรือชิงช้าสวรรค์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เครื่องเล่นชิ้นนี้พิเศษกว่าที่อื่นๆ คือเป็นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่มีความสูงถึง 33 เมตร เมื่อขึ้นไปด้านบนสุด สามารถมองเห็นวิวสะพานพระราม 8 จรดอาคารริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี ได้ชนิดที่ไร้ตึกอื่นบดบัง
ชิงช้าสวรรค์จะหมุนไปอย่างช้าๆ ทั้งหมด 3 รอบ โดย 2 รอบแรกจะเป็นการหมุนโดยไม่หยุดพัก ส่วนรอบสุดท้ายจะหมุนและหยุดเพื่อให้ผู้เล่นถัดไปที่รอคิวได้ขึ้นมาชมวิวสลับไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลต์ขนาดนี้ย่อมมีผู้สนใจต่อคิวจำนวนมาก ดังนั้น หากใครตั้งใจมาเล่น GIANT WHEEL คงต้องเผื่อเวลากันสักเล็กน้อย เพื่อที่ได้จะมีเวลาไปเล่นเครื่องเล่นอื่นๆ
มาถึงทั้งที หากเล่นเครื่องเล่นเดียวก็คงพูดได้ไม่เต็มปากว่ามาถึงแล้ว ผู้เขียนจึงตัดสินใจเดินไปดูเครื่องเล่นอื่นๆ ระหว่างเดินไปก็ได้กลิ่นหอมของข้าวโพดคั่วและเสียงดังเปาะแปะของเมล็ดข้าวโพดที่กำลังสุกได้ที่ พร้อมกลิ่นเนยหอมหวานคลุ้งไปทั่วลาน ใกล้กันมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังเป็นระยะ จากเครื่องเล่นที่มีชื่อว่า ‘ผึ้งบิน’ (Flying Bee) ซึ่งแค่ยืนชมเหล่านักท่องเที่ยวที่กำลังเล่นก็ทำเอาผู้เขียนถึงกับมวนท้องแบบวูบวาบ เพราะเครื่องเล่นชนิดนี้เป็นเครื่องเล่นที่มีโมเดล Swing Around โดยทำการหมุนผู้เล่นไปรอบแกนกลางแบบ 360 องศา ด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับแกว่งผู้เล่นขึ้น-ลง 90 องศา ซึ่งรู้ตัวอีกที ผู้เขียนก็ถูกเพื่อนพาเข้ามายืนต่อคิวเป็นที่เรียบร้อย
เครื่องเล่นผึ้งบินหมุนพาผู้เล่นเคลื่อนที่ พร้อมกับสวิงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่าถ้าใครได้ยืนดูการเล่นในรอบนั้น คงได้ยินเสียงกรี๊ดและหน้าตาที่ดูไม่ได้ของผู้เขียนแน่ๆ
นอกจากเครื่องเล่น 2 ชนิด ที่ผู้เขียนได้ทดลองแล้ว ยังมีเครื่องเล่นหน้าตาคุ้นอย่าง ‘ไวกิ้ง’ (VIKING) ที่พาผู้เล่นเหวี่ยงขึ้นลง หรือ ‘เครื่องทาคาดะ’ (TAGADA) ที่หมุนผู้เล่นสุดเหวี่ยง พร้อมเปิดเพลงแดนซ์ไปอย่างสนุกสนาน ตามมาด้วย ‘โปลิโป้’ (Polipo) เครื่องเล่นหมึกยักษ์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นสำหรับกลุ่มครอบครัว เช่น เครื่องเล่นรถแมว LED เรือบัมป์หรรษา หรือการแสดงมายากลจากนักแสดงที่อยู่ในชุดตัวตลก
หลังจากนั้นไม่นาน ฝนตกลงมาอีกระลอกใหญ่ มีประกาศเสียงตามสายที่ผู้เขียนจับใจความได้ว่า “เนื่องจากมีฝนตกหนัก ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เล่น จึงทำให้โซนสวนสนุกจำเป็นต้องหยุดให้บริการชั่วคราว” ผู้เขียนต้องพาตัวเองและเพื่อนไปหลบอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความเล็กและแคบของร้านค้าในโซนเครื่องเล่น จึงทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่ไปหลบฝนใน ‘ม้าหมุน’ แทน
นับเป็นอีกประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เล่นม้าหมุน ในขณะเดียวกันก็เป็นการหลบฝน แต่เพื่อความปลอดภัย ทางสวนสนุกเคลื่อนที่ได้ทำการปิดไฟฟ้าทั้งหมด จึงทำให้ม้าหมุนไม่สามารถขยับได้ ผู้เขียนและเพื่อนๆ จึงทำได้เพียงนั่งบนม้าหมุนคนละตัว เพื่อรอให้ฝนซา
ระหว่างหลบฝนก็เห็นพนักงานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวและเป็นผู้จัดการจราจรบริเวณทางเข้า-ออก กำลังวิ่งถือร่มขนาดใหญ่เดินส่งลูกค้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อทยอยส่งลูกค้าที่ติดค้างอยู่ในโซนเครื่องเล่น กระทั่งพนักงานเห็นผู้เขียนในเครื่องเล่นม้าหมุน จึงส่งสัญญาณว่าต้องการให้ไปส่งหรือไม่ ผู้เขียนจึงชวนให้พนักงานที่เปียกปอนไปด้วยฝนเข้ามาพักก่อน แต่พนักงานตอบมาว่า ‘ไม่เป็นไร’ พร้อมส่งรอยยิ้มและรีบกางร่มไปบริการนักท่องเที่ยวคนอื่นต่อ
แม้ไม่ได้มีโอกาสถามหรือสนทนา เชื่อว่าในแต่ละวันพนักงานคงเหนื่อยเป็นอย่างมากเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสนุกสนานที่มาเที่ยวในสวนสนุกแห่งนี้
เมื่อฝนซาลง และยังไม่รู้ว่าจะตกอีกเมื่อไร อย่างน้อยที่สุด งาน Siam Carnival Funfair เทศกาลสวนสนุกเคลื่อนที่ก็ยังคงอยู่ และทำหน้าที่มอบรอยยิ้ม ความสนุกสนาน ให้ใครอีกหลายคนที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาเยี่ยมเยียนต่อหลังจากนี้
Fact Box
Siam Carnival Funfair
สถานที่จัดงาน: สวนเชิงสะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี)
งานจัดระหว่างวันที่ 22 กันยายน - 4 ตุลาคม 2565 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น.
ราคาบัตรผ่านประตู: โซนเครื่องเล่น 15 บาท
การเดินทาง:
- รถไฟใต้ดิน (MRT) สถานีบางยี่ขัน
- รถขนส่งสาธารณะ สาย 33, 57, 9 (ปอ.) (AC)
- สามารถจอดรถส่วนตัวได้ที่ใต้สะพานพระราม 8