ในบางครั้ง ‘Man on the moon’ อาจไม่ได้หมายถึงแค่การส่งมนุษย์คนหนึ่งไปยืนบนดวงจันทร์อย่างที่อพอลโล 11 ทำให้ ‘นีล อาร์มสตรอง’ เป็นผู้ชายคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ แต่อาจจะหมายถึงการทำสิ่งที่ยากมากๆ ให้เป็นจริงได้ แบบที่คณะกรรมาธิการยุโรปภายใต้สหภาพยุโรปวางแผนจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050
โดยข้อตกลงใหม่จะมอบเงินจำนวน 1 ล้านล้านยูโรหรือประมาณ 33 ล้านล้านบาทให้แก่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเพื่อช่วยในการดำเนินงานสำหรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ขณะเดียวกัน ผู้นำสหภาพยุโรปจะพบกับ ‘ชาร์ลส์ มิเชล’ ประธานสภายุโรปคนใหม่ในบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อพูดคุยกันถึงข้อตกลงในการพาเศรษฐกิจยุโรปออกจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อให้เกิดมลพิษ ซึ่งมีแนวโน้มว่าสมาชิกของสหภาพยุโรปทุกประเทศ ยกเว้นโปแลนด์ ฮังการี และสาธารณรัฐเช็กจะเข้าร่วมข้อตกลง
แต่เจ้าหน้าที่สหภาพคาดว่าการเจรจาในการประชุมสุดยอดผู้นำจะไม่ง่าย ทำให้แรงกดดันตกอยู่บนบ่าของชาร์ลส์ มิเชลและอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมการชุดใหม่ ในการผลักดันข้อตกลงให้ได้รับการสนับสนุนในการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งแรกของพวกเขา
ที่ผ่านมา บรัสเซลส์ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของสหภาพยุโรปลง 50-55% ภายในปี 2030 แต่ปัจจุบันเมื่อเทียบกับระดับในปี 1999 ก๊าซคาบอร์นกลับเพิ่มจากเป้าหมาย 40% ทำให้จำเป็นที่สหภาพยุโรปจะต้องเริ่มต้นมาตรการอื่นๆ เพื่อลดระดับการปล่อยก๊าซคาบอร์นไดออกไซด์โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเกี่ยวกับการตกงานของแรงงานในอุตสาหกรรมฟอสซิลมากพอๆ กับที่กังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ นางฟ็อน แดร์ ไลเอินจึงออกมายืนยันว่าการตกงานจะถูกทดแทนด้วยอุตสาหกรรมสีเขียวที่ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ “นี่คือโมเมนต์มนุษย์ยุโรปบนดวงจันทร์..ต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงจะมาก แต่ต้นทุนของการไม่ทำอะไรเลยจะยิ่งใหญ่กว่า”
พร้อมอธิบายว่า สหภาพยุโรปจะพยายามลดความเจ็บปวดจากการสูญเสียงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยการระดมเงินทุน 1 ล้านล้านยูโร เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจของสหภาพเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการยังเรียกร้องให้สมาชิกเคารพข้อตกลงภูมิอากาศในกรุงปารีส เพื่อรักษาภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสและไม่เกิน 1.5 องศาในปลายศตวรรษนี้ โดยมีข้อตกลงใหม่ที่จะต้องบรรลุนี้เป็นหมุดหมายสำคัญของการสร้างความยั่งยืนระดับโลก
ที่มา
https://www.nytimes.com/reuters/2019/12/11/world/europe/11reuters-climate-change-eu.html
ภาพ: REUTERS/Francois Lenoir
