รัฐบาลทรัมป์ผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง สัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม หรือ E.P.A. เพิ่งอนุมัติการใช้สารเคมีกำจัดแมลงซัลฟอกซาฟลอร์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผึ้ง ในปีนี้ก็ยังประกาศควบคุมสารเคมีที่เป็นอันตรายถึงชีวิตในสีทาบ้าน แทนที่จะห้ามใช้ตามที่รัฐบาลโอบามาเคยเสนอ

ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม E.P.A. ประกาศว่าจะไม่แบนคลอไพริฟอส สารเคมีกำจัดแมลงที่เชื่อมโยงกับการก่อปัญหาสุขภาพในเด็ก ทั้งที่เมื่อปี 2015 รัฐบาลโอบามาประกาศว่าจะแบนการใช้คลอไพริฟอสหลังมีงานวิจัยที่ศึกษาโดย E.P.A. ที่แสดงให้เห็นว่า ยาฆ่าแมลงชนิดนี้มีศักยภาพมากพอที่จะทำลายพัฒนาการทางสมองของเด็กได้

คลอไพริฟอสมีชื่อทางการค้าว่า Lorsban ถูกห้ามใช้ในครัวเรือนตั้งแต่ปี 2000 แต่เกษตรกรยังคงใช้อย่างแพร่หลายในผัก ผลไม้ ธัญพืชกว่า  50 ชนิด

แต่การแบนสารเคมีชนิดนี้ตั้งแต่ยุคโอบามายังไม่ถูกบังคับใช้ จนปี 2017 สก็อต พรูอิตต์  ผู้อำนวยการ E.P.A. ก็กลับลำ พลิกการตัดสินใจนี้ จนทำให้เอิร์ธจัสทิซ (Earthjustice) กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมฟ้องคัดค้านคำตัดสินของ E.P.A.ในฐานะตัวแทนของแรงงานในฟาร์ม จนเดือนเมษายน 2019 ศาลอุทธรณ์กลางสั่งให้ E.P.A. ออกคำตัดสินชี้ขาดว่าจะแบนคลอไพริฟอสหรือไม่

การตัดสินใจไม่แบนคลอไพริฟอสของ E.P.A. เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมอ้างเหตุผลว่า ข้อมูลที่นำมาใช้คัดค้านยาฆ่าแมลงชนิดนี้ “ไม่สมบูรณ์ หรือเชื่อถือได้มากพอ” และบอกว่าจะยังคงเฝ้าระวังความปลอดภัยในการใช้คลอไพริฟอสต่อไปจนถึงปี 2022

เอิร์ธจัสทิซยังคงเดินหน้าฟ้องต่อ ทนายความกล่าวว่าจะยื่นฟ้องอีกครั้ง และยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาคเก้าเพื่อเร่งการพิจารณาคดี แถลงการณ์ระบุว่า “รัฐบาลทรัมป์ละเมิดกฎหมายที่ยอมให้คลอไพริฟอสยังอยู่ในผลไม้และผักของเรา ทั้งที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่แสดงให้เห็นว่า ยาฆ่าแมลงนี้มีผลต่อสมองเด็ก”

ตัวแทนของอุตสาหกรรมสารเคมีอย่างคอร์ปไลฟ์ อเมริกาพอใจต่อคำตัดสินนี้โดย แถลงว่า “เกษตรกรต้องพึ่งพาสารเคมีกำจัดแมลง เช่น คลอไพริฟอสเพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืชหลากหลายชนิด และใช้โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานควบคุมแมลงพาหะก่อโรค เช่น ยุง”

รัฐฮาวายแบนคลอไพริฟอสเมื่อปี 2017 ส่วนแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการแบบเดียวกันหรือไม่ สหภาพยุโรปก็กำลังถูกกดดันจากกลุ่มผู้บริโภคและนักรณรงค์สิ่งแวดล้อมให้แบนสารเคมีกำจัดแมลงชนิดนี้

นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบว่าด้วยการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัย เมื่อเดือนเมษายน E.P.A. ก็เพิ่งไม่พิจารณาคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญของ E.P.A. เองด้วยการออกกฎระเบียบควบคุมแร่ใยหินแทนที่จะห้ามใช้ตามคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์และนักกฎหมายในองค์กร ดังเช่นประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ นอกจากนี้ สัปดาห์นี้ E.P.A. เพิ่งมีนโยบายใหม่ที่ยกเลิกการตรวจโรงงานผลิตสารเคมีหรือโรงไฟฟ้าแบบไม่บอกล่วงหน้า 

 

ที่มา:

 

ภาพ: REUTERS/Adrees Latif

 

Tags: , ,