ปัญหา ‘ราคาพลังงาน’ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่หลายประเทศในโลกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะในยุโรป ที่ต้องพึ่งพาพลังงานปริมาณมหาศาลจากประเทศมหาอำนาจ ทั้งรัสเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา
และทันทีที่โลกเผชิญกับภาวะวิกฤตจากสงครามรัสเซียกับยูเครน ผนวกกับความผันผวนทางเศรษฐกิจหลายระลอก ส่งผลให้ราคาพลังงานในหลายประเทศดีดตัวสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้ชาติในแถบตะวันตกจำใจหันมาพึ่งพาพลังงานจากแหล่งอื่นๆ เพื่อเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤตดังกล่าว
แน่นอนว่า ทางออกของวิกฤตพลังงานมีหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งสำคัญที่หลายประเทศควรคำนึงถึง คือพลังงานดังกล่าวต้องไม่ส่งผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ตามข้อตกลงปารีสในปี 2015 ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 197 ประเทศ ให้คำมั่นสัญญาว่า จะเดินหน้าแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน ทั้งคำสัญญาดังกล่าวได้รับการเน้นย้ำอีกครั้งในปี 2022 ผ่านการประชุมภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ โดยสมาชิกต่างวางเป้าหมายเดียวกัน คือโลกจะเดินหน้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ด้วยวิธีการ ‘สร้างพลังงานทดแทน’ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางพลังงานและปัญหาโลกร้อนในระยะยาว
ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำแห่งภูมิภาคทะเลเหนือ (North Sea Summit) จัดขึ้นที่ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2023 สหราชอาณาจักรประกาศดำเนินการโปรเจกต์ ‘ไลออนลิงก์’ (LionLink) หรือเครือข่ายทางพลังงาน ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัทด้านพลังงานแห่งสหราชอาณาจักร (Britain’s National Grid) กับผู้ให้บริการไฟฟ้าในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีหมุดหมายการดำเนินงานอยู่กลางมหาสมุทรในทะเลเหนือ เพื่อต่อยอดความร่วมมือในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากกังหังลมนอกชายฝั่ง และเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานแก่ทวีปยุโรป
โปรเจกต์ไลออนลิงก์ ถือเป็นเครือข่ายทางพลังงานที่จะสร้างขึ้นเป็นลำดับที่ 2 รองจากเครือข่ายพลังงานไฟฟ้าเยอรมนี-สวีเดน ซึ่งทำหน้าที่ขนส่งไฟฟ้าข้ามพรหมแดน รวมถึงสร้างไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในหลากหลายรูปแบบ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานคลื่นสมุทร อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อทางพลังงานระหว่างบริเตนใหญ่กับประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยวางแผนกำหนดการเดินเครื่องให้ได้ภายในปี 2030
เป้าหมายสำคัญของโปรเจกต์ไลออนลิงก์ คือการสร้างฟาร์มพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อส่งออกพลังงานไปยังพื้นที่ในแถบยุโรปและประเทศรอบข้าง เพื่อหวังลดการพึ่งพาพลังงานจากประเทศมหาอำนาจที่กล่าวมาในข้างต้นให้ได้มากที่สุด ทั้งสอดคล้องกับการประกาศคว่ำบาตร รัสเซียในฐานะประเทศผู้ก่อสงคราม
ด้าน แกรนต์ แชปป์ส (Grant Shapps) รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหราชอาณาจักร เผยว่า เครือข่ายไลออนลิงก์สามารถรองรับและขนส่งพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 1.8 กิกะวัตต์ นับว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่อข่ายพลังงานรุ่นก่อนถึง 4 เท่า ถึงขั้นที่สามารถสร้างปริมาณไฟฟ้ามากพอต่อทั้งเมืองเบอร์มิงแฮมและเมืองเชสเตอร์ไปพร้อมกันได้ นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศผู้ลงทุน รวมไปถึงการส่งสัญญาณเตือนถึง วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ผู้นำรัสเซีย ว่ายุคของเจ้าพ่อแห่งพลังงานกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า
ด้าน ร็อบ เจตเทน (Rob Jetten) รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า ความร่วมมือทางพลังงานโดยเฉพาะพลังงานสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกประเทศต้องหันมาร่วมมือกัน เนื่องจากในทศวรรษที่ผ่านมา โลกต้องเผชิญปัญหาสภาวะโลกร้อนและวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมมากมาย จนนำมาสู่ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ขณะที่แหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลเหนือกำลังลดลงต่อเนื่อง ฉะนั้น การพิจารณาหันมาพึ่งพาพลังงานสะอาดจึงจำเป็นอย่างยิ่งยวด
ขณะเดียวกัน เอมมา พินช์เบก (Emma Pinchbeck) ประธานสมาคมการค้าทางพลังงานสหราชอาณาจักร มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของทะเลเหนือเพื่อสร้างพลังงานสะอาด ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่า โลกจะเดินหน้าสู่การลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีที่รวดเร็วและดีที่สุด
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างลงความเห็นว่า สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน คงจะไม่จบภายในเร็ววันนี้ ดังนั้น ทวีปยุโรปควรเร่งตัดสินใจแก้ปัญหาในระยะสั้น ด้วยการหันหน้าไปพึ่งพาพลังงานถ่านหินมากขึ้น จนกว่าการสร้างฟาร์มพลังงานทดแทนจะเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 ปี จึงจะสามารถทดแทนพลังงานที่ขาดได้
ที่มา
https://www.nytimes.com/2023/04/24/business/britain-netherlands-north-sea-power-link.html
https://www.reuters.com/world/europe/uk-netherlands-plan-cross-border-power-link-boost-energy-security-2023-04-23/
Tags: North Sea, Lion Link, Sustainable Energy, ทะเลเหนือ, ไลออนลิงก์, Environment, climate change, พลังงานสะอาด, Netzero
