ปัจจุบัน เรื่องของสภาพภูมิอากาศโลกยังคงอยู่ในจุดที่น่ากังวล เห็นได้ชัดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า ฝุ่นพิษ แม้กระทั่งบรรดาสัตว์น้อยใหญ่มากกว่า 1,500 สายพันธุ์ ต่างก็ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้ความเป็นอยู่ของพวกมันผิดเพี้ยน ไปจนถึงพฤติกรรมการผสมพันธุ์ที่ต้องอาศัยอุณหภูมิแต่ละฤดูเป็นสัญญาณกระตุ้นหาคู่

เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ที่ดูจะไม่ราบรื่น หลังปัญหาดังกล่าวก่อให้เกิดชุดความคิดที่เรียกว่า ‘ความวิตกกังวลต่อสิ่งแวดล้อม’ (Eco-Anxiety) และทำให้ผู้คนเริ่มคำนึงถึงการกระทำต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อโลก ซึ่งนับรวมเรื่องของ ‘ความรัก’ ด้วย ยกตัวอย่าง คู่รักเลือกที่จะมีเซ็กซ์กันน้อยครั้ง เพราะเกรงถึงการใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากวัสดุไม่สามารถรีไซเคิลได้ ยาคุมกำเนิดที่อาจมีสารเคมีรั่วไหลและเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างการผลิต หรือแม้แต่วัฒนธรรมไทยเราที่คู่รักเลือกพากันไปลอยกระทงน้อยลงทุกปี

สอดคล้องกับคำกล่าวอ้างของ ไมเคิล เจ โรเซนเฟลด์ (Michael J. Rosenfeld) ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในแคลิฟอร์เนียร์ (Stanford University in California) สหรัฐอเมริกา ที่ออกมาเผยว่า ปัญหาสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อชีวิตคู่และเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ของคนวัยหนุ่มสาว โดยแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลัก คือ

1. สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ความต้องการทางเพศลดลง และเสี่ยงต่อการเจริญพันธ์ุ

เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับเหตุสะเทือนขวัญจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันสุดขั้ว ไฟป่าที่โหมกระหน่ำ พายุเฮอร์ริเคน ลูกเห็บยักษ์ น้ำท่วมถึงหลังคาบ้าน นอกจากจะส่งผลต่อร่างกายให้เกิดอาการเจ็บป่วย ‘จิตใจ’ ก็ได้รับผลกระทบทางตรง และก่อให้เกิดโรควิตกกังวล (PTSD) ตามด้วยภาวะซึมเศร้าจนแรงปรารถนาทางเพศลดลง

โรเซนเฟลด์ยังระบุเพิ่มอีกว่า มีคู่รักและครอบครัวจำนวนมากที่ต้องเข้ารับโปรแกรมบำบัดทางจิต ที่มหาวิทยาลัยเนวาดา ลาสเวกัส (University of Nevada, Las Vegas) หลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ

นอกจากนี้ อุณหภูมิโลกที่มากกว่า 35 องศาเซลเซียสขึ้นไป ยังส่งผลเสียต่อโอกาสการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ เพราะอสุจิในชายวัยเจริญพันธุ์จะเคลื่อนตัวช้าลง ขณะที่ผู้หญิงต้องประสบกับวงจรตกไข่ผิดปกติ

2. คนโสดนิยมหาคู่ที่มีรสนิยมดูเป็นมิตรต่อโลก

เทรนด์คนโสดส่วนใหญ่ในยุค 4.0 มักทดลองหาคู่จากแอปพลิเคชันปัดขวา เพราะสามารถคัดสรรบุคคลที่ดูเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ตนเอง และรสนิยมที่ดูเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นตัวเลือกอันยอดเยี่ยม

แอปฯ หาคู่ยอดนิยมอย่างทินเดอร์ (Tinder) และโอเคคิวปิด (OkCupid) ที่ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2020 มีคนโสด Gen Z เลือกติดแท็กแนะนำตัวว่าตนเป็นกลุ่มคนสีเขียวเพิ่มมากขึ้นถึง 240% พร้อมโชว์พฤติกรรมรักษ์โลก เช่น ใช้ถุงผ้าแทนพลาสติก ใช้วัสดุรีไซเคิล ปลูกต้นไม้ และเข้าร่วมกิจกรรมที่มีส่วนช่วยเหลือโลก นั่นจึงมีส่วนช่วยเพิ่มเสน่ห์ได้มิใช่น้อย เพราะมีข้อสังเกตว่าเรื่องส่วนรวมยังเอาใจใส่ขนาดนี้ ถ้าได้มาเป็นคู่รักก็เป็นไปได้ว่าจะยิ่งเอาใจใส่มากกว่า

3. ความเห็นต่างเรื่องสิ่งแวดล้อม มีส่วนทำให้ชีวิตคู่ไม่ลงรอย

ปัญหาของบรรดาคู่รักส่วนใหญ่คือความเห็นที่ไม่ตรงกัน นอกจากหัวข้อ ‘วันนี้เธออยากกินอะไร’ ‘จะไปเที่ยวไหนกันดี’ ‘ใส่ชุดนี้แล้วสวยไหม’ เรื่องของสภาพภูมิอากาศก็กำลังกลายเป็นหัวข้อให้ต้องถกเถียง

อย่างที่กล่าวในข้อก่อนหน้าว่าคู่รักรุ่นมิลเลนเนียลส์ (Millennials) และ Gen Z มักเลือกคบหาคนที่มีทัศนคติเป็นบวกต่อสิ่งแวดล้อม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น (นับรวมถึงเรื่องของความเห็นต่างทางการเมืองเช่นกัน) พวกเขาจึงไม่ค่อยอดรนทนคนรักที่เมินเฉยต่อปัญหาสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และยังตั้งเป้าหมายที่จะไม่มีลูก หากโลกมีแต่มลภาวะ

4. เซ็กซ์ที่ดีต้องเป็นเซ็กซ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สุขลักษณะทางเพศในคู่รักเป็นสิ่งสำคัญ การสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันถือเป็นทางเลือกยอดนิยมอันดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งขยะหลายพันล้านตันที่ทำได้เพียงฝังกลบ และไม่สามารถย่อยสลายได้ ตามข้อมูลอ้างอิงจากกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Population Fund)

โรเซนเฟลด์ระบุว่า คู่รักร่วมหลับนอนในยุคนี้มักหันไปใช้ถุงยางที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอย่าง ‘หนังแกะ’ ที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ หรือหันไปใช้การป้องกันประเภทห่วงคุมกำเนิดแทน เพื่อลดกระบวนการผลิตถุงยางที่มีส่วนก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนฯ และรวมไปถึงการเลือกใช้ ‘เซ็กซ์ทอย’ ที่สามารถใช้ซ้ำได้

ยังมีเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นสภาพภูมิอากาศและคู่รัก โดยสื่อออนไลน์อย่างไวซ์ (Vice) ได้ออกมาเผยผลสำรวจว่า คู่รักชาวอเมริกันอายุ 18-29 ปี คิดเป็น 38% ของชาวอเมริกันทั้งหมด ใช้ปัญหาสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นเกณฑ์ตัดสินใจมีลูก หลังเห็นสถิติในปี 2019 ที่การมีลูกในประเทศเจริญแล้วสร้างก๊าซคาร์บอนฯ เพิ่มมากขึ้นถึง 58.6 ล้านตันต่อปี

อย่างไรก็ดี ทัศนคติเรื่องความรักและสิ่งแวดล้อมสามารถปรับจูนให้ลงตัวได้ โดยอาศัยความเข้าใจและความรู้ที่ถูกต้อง ขณะเดียวกัน ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสังคมโลกเริ่มให้ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ล้วนนำมาใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจทั้งสิ้น

ที่มา

https://www.vice.com/en/article/v7dvw4/climate-crisis-environment-effect-sex-relationships

https://ideas.ted.com/how-climate-change-affects-sex-and-dating/

https://www.theguardian.com/lifeandstyle/2022/sep/05/i-couldnt-date-a-climate-change-denier-the-couples-who-bond-and-split-over-love-for-the-planet

Tags: , , ,