ช่วงต้นปีที่ผ่านมา อาริ แอสเตอร์ (Ari Aster) ผู้กำกับหนังสยองขวัญ เจ้าของผลงาน Hereditary (2018) และ Midsommar (2019) ได้ปล่อยตัวอย่าง ‘Beau Is Afraid’ หนังเรื่องใหม่ของเขาที่ได้ วาคีน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix) มารับบทนำถ่ายทอดเรื่องราวของ ‘โบ’ ชายผู้เผชิญเรื่องราวสุดพิศวง หลังเขาได้รับอุบัติเหตุขณะกำลังเดินทางกลับไปเยี่ยมแม่ และต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในบ้านของครอบครัวประหลาด ท่ามกลางบรรยากาศไม่ชอบมาพากล
แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังคงคอนเซปต์อันเป็นเอกลักษณ์ของแอสเตอร์ นั่นคือการตีความคำว่า ‘สยองขวัญ’ ในรูปแบบใหม่ๆ ฉีกจากขนบเดิมที่ต้องน่ากลัว ลึกลับ มืดมัว หรือมีปีศาจ สู่บรรยากาศสว่างจ้า เต็มไปด้วยมนุษย์ แม้กระทั่งนำพาคำว่าสยองขวัญไปสู่โลกแอนิเมชันดังที่ปรากฏในตัวอย่างของเรื่อง
สิ่งที่น่าสนใจคือทั้งแอสเตอร์และผู้กำกับภาพคู่บุญ พาเวล โพโกรสเซลกี (Pawel Pogorzelski) ได้เผยผ่าน Filmmaker Toolkit รายการพอดแคสต์ของเว็บไซต์ IndieWire โดยระบุว่า มีหนังอยู่ 3 เรื่องที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างหนังเรื่อง Beau Is Afraid
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังเหล่านี้มีอิทธิพลและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ตอนไหน อาจจะเป็นตอนเขียนบทที่ผมแทบไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ เพราะกว่าจะรู้ตัวมันก็เป็นช่วงที่เราเริ่มถ่ายทำกันแล้ว” แอสเตอร์เล่าถึงจุดที่ทำให้ตระหนักได้ว่า หนังที่ตัวเขาชื่นชอบกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ Beau Is Afraid ได้อย่างไร
ทั้งนี้ หนังเรื่องแรกที่ผู้กำกับชาวอเมริกันกล่าวถึงคือ Playtime (1967) ผลงานของ จาร์ค ตาติ (Jacques Tati) ที่ผู้คนต่างยกย่องว่ามีชั้นเชิงและรสนิยมมากที่สุดเรื่องหนึ่งในโลก (นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์ เคยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หนังเรื่องนี้ทำให้ตนรู้สึกเป็นไอ้กระจอก ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขารักหนังเรื่องนี้มากๆ)
หนังเรื่องดังกล่าวเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่ง ที่เดินทางท่องเที่ยวในปารีส และเจอกับสิ่งล้ำยุคสมัย แม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ในแง่ของวิชวลเอฟเฟกต์ แอสเตอร์ระบุว่า มีอิทธิพลการเนรมิตรงานภาพที่เหนือจินตนาการ ดังนั้น Playtime จึงเป็นต้นแบบของผลงานเรื่องใหม่ของเขา ในสิ่งต่างๆ ที่ดูขี้เล่น ไม่สมเหตุสมผล แต่กลับสร้างความวิตกกังวลได้
ต่อมาคือ Rear Window (1954) ผลงานคลาสสิกของ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock) ผู้กำกับที่โดดเด่นในแง่องค์ประกอบศิลป์ ทั้งการเลือกใช้ไฟ แสง สี และมุมกล้องที่ฉูดฉาด แตกต่างจากผู้กำกับคนอื่นในยุคเดียวกัน
โพโกรสเซลกีเล่าต่อว่า ตนได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้ในการถ่ายทอดงานภาพ โดยเฉพาะการออกแบบฉากองก์แรกของหนัง ที่โบต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีการใช้โทนสีน้ำตาลอมเหลืองตัดกับสีชมพูพาสเทล รวมไปถึงในช่วงองก์สุดท้ายของเรื่องที่โบต้องเดินทางภายในป่ารูปแบบต่างๆ ซึ่งออกแบบฉากในโทนสีฉูดฉาด เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของวิธีการเขย่าขวัญผู้ชมในแบบฉบับของแอสเตอร์และโพโกรสเซลกี
สุดท้ายได้แก่เรื่อง Defending Your Life (1991) ที่กำกับโดย อัลเบิร์ต บรูกส์ (Albert Brooks) มีเนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวในห้องพิจารณาความดี-ความชั่วของยมบาลว่า มนุษย์ที่ตายจะไปเกิด ตกนรก หรือขึ้นสวรรค์
แอสเตอร์ระบุว่า เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตอนจบที่สมบูรณ์แบบของ Beau Is Afraid เกิดขึ้นได้ มันเป็นบทสรุปที่ทำให้ทั้งตัวละครโบ ผู้ชม หรือแม้กระทั่งแอสเตอร์เข้าใจว่า ความกลัวสามารถกำหนดชีวิตของมนุษย์ได้อย่างไร และเราจะเอาชนะพร้อมก้าวผ่านความกลัวของตัวเองได้อย่างไร ซึ่งในเรื่องนี้แอสเตอร์ระบุว่า หากเทียบกับ 2 เรื่องก่อนหน้า เรื่องนี้จะเป็นหนังที่เขารักและมีอิทธิพลกับเรื่อง Beau Is Afraid มากที่สุด
สำหรับ Beau Is Afraid มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทย วันที่ 25 พฤษภาคม 2023 ใครที่ชื่นชอบหนังสยองขวัญไม่ควรพลาดชมในโรงภาพยนตร์ด้วยประการทั้งปวง
Tags: Entertainment, Beau Is Afraid, อาริ แอสเตอร์