ว่ากันว่า แทบไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่จะมีการตายเกิดขึ้นมากและบ่อยครั้งเท่าใน Game of Thrones นับตั้งแต่ซีซันแรกจนถึงซีซันที่ 7 รวมแล้วมีผู้คน (และสัตว์) ตายไปแล้วทั้งสิ้น 174,373 ชีวิต ซึ่งเป็นตัวเลขจากแฟนซีรีส์ที่มีเวลามากพอที่จะนั่งนับ

 นอกจากตัวเลขการตายแล้ว ยังมีการจัดทำกรณีศึกษาขึ้นเป็นการเฉพาะ ว่าด้วยวิธีการตายของตัวละครอย่างเป็นจริงเป็นจัง และกรณีศึกษาที่นับว่าร้อนแรงพร้อมเข้าชิงรางวัล Ig Nobel รางวัลที่เลียนแบบรางวัลโนเบล จุดประสงค์หลักก็เพื่อตอบแทนคนทำงานค้นคว้า-สร้างสรรค์ให้ชาวโลกยิ้มหัวเราะแล้วหยุดคิด สำหรับปีนี้ก็คือ งานวิจัยเกี่ยวกับซีรีส์ฮิต Game of Thrones นี่แหละ โดยนักวิชาการสองคน-ไรดาร์ พี. ลีสแทด (Reidar P. Lystad) และเบนจามิน ที. บราวน์ (Benjamin T. Brown) ร่วมกันศึกษาถึงความโหดเหี้ยมเกี่ยวกับวิธีการฆ่าตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ โฟกัสที่ตัวละครกว่าสามร้อยตัวจากทั้ง 7 ซีซัน

ผลการศึกษาที่ไม่น่าแปลกใจ พบว่า ตัวละครชายที่มีสถานะต่ำต้อยนั้น มีโอกาสรอดชีวิตต่ำกว่าใครๆ นอกจากนี้แล้ว ตัวละครเด่นก็มีเปอร์เซ็นต์การตายสูงเช่นกัน รวมถึงตัวละครที่ไม่เคยเปลี่ยนพันธมิตรเลย ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะตายเมื่อไรก็ได้ จนถึงตอนสุดท้ายของซีซันที่ 7 มีตัวละครจำนวนกว่าครึ่งต้องเสียชีวิต นั่นคือ 186 คนจาก 330 คน

สาเหตุการตายที่พบบ่อยที่สุดคือ การใช้ความรุนแรง และช่วงเวลารอดชีวิตของตัวละครบนหน้าจอที่สั้นที่สุดคือ 11 วินาที

นอกจากนั้น มังกรไฟและกองทัพผีดิบในซีรีส์ยังมีพื้นฐานมาจากยุคกลาง หลายตระกูลหรือเผ่าพันธุ์ต่างห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิง ‘บัลลังก์เหล็ก’ ของทวีปเวสเตอรอส ซึ่งเป็นสถานที่อันตราย เพราะมีการตายเกิดขึ้นที่นี่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการตายทั้งหมด

ว่ากันถึงสาเหตุการตาย นักวิจัยยังระบุด้วยว่า เกือบ 74 เปอร์เซ็นต์เกิดจากการได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะที่ศีรษะและลำคอ มีการตัดศีรษะรวมทั้งสิ้น 13 ครั้ง

แล้วมีตัวละครกี่ตัวที่ตายดีหรือตายตามธรรมชาติบ้างไหม? คำตอบ: 2 ราย หนึ่งคือ เมสเตอร์เอมอน หรือเอมอน ทาร์แกเรียน เมสเตอร์ตาบอดเสียชีวิตด้วยความชราตอนวัย 104 ปี และอีกหนึ่งคือ โอลด์ แนน หญิงรับใช้ในปราสาทวินเทอร์เฟลล์ ที่ตายเพราะความชราเช่นกัน

กรณีศึกษานี้ยังอาจเป็นแนวทางช่วยสืบหาผู้ชนะในซีรีส์ Game of Thrones ซีซันที่ 8 ซีซันสุดท้าย-ที่จะเริ่มแพร่ภาพทาง HBO ในวันที่ 14 เมษายนนี้-ด้วยก็ได้

นิตยสาร Entertainment Weekly ของอเมริกาเขียนหยอดไว้ว่า ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการทีวี การต่อสู้กับกองทัพอมนุษย์ได้ใช้เวลาถ่ายทำกันนานหลายสัปดาห์ในเบลฟาสต์ของไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวแตกแขนงออกไป จนอาจจะกลายเป็นกรณีศึกษาชิ้นใหม่ก็ได้

ความนิยมคลั่งไคล้ในเรื่องราวเทพนิยายของชาวโลก ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิชาการแล้วสามารถอธิบายได้ว่า “แกนยึดของมันคือความตื่นเต้นเร้าใจ ระหว่างความเหมือนจริงกับจินตนาการ” แต่ Game of Thrones ตรงกันข้ามกับเรื่องราวแฟนตาซีทั่วไปตรงที่มันมักจะแตกต่างจากที่เราคิดเสมอ

 

อ้างอิง:

https://www.youtube.com/watch?v=qrGplnz8M78

https://injepijournal.biomedcentral.com/articles/10.1186/s40621-018-0174-7

 

 

Tags: ,