ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีชาเลนจ์สนุกๆ เกิดขึ้นในโลกทวิตเตอร์ผ่านแฮชแท็ก #CuratorBattle และ #CreepiestObject หากใครที่ได้เข้าไปดูจะพบไอเทมหน้าตาประหลาดและเมื่ออ่านเรื่องราวก็จะขนลุกเบาๆ
ชาเลนจ์นี้เริ่มขึ้นในวันที่ 17 เมษายน เมื่อพิพิธภัณฑ์ยอร์กไชร์แห่งประเทศอังกฤษ แชร์ภาพก้อนผมจากศพผู้หญิงสมัยจักรวรรดิโรมัน และเขียนแคปชั่นเชิญชวนพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่ล้วนแต่ต้องปิดทำการในช่วงโควิด-19 ให้มาโชว์ของผ่านแฮชแท็ก #CuratorBattle พร้อมโยนธีมแรกของแบทเทิลนี้ออกมาท้าทาย นั่นก็คือ #CreepiestObject โดยชวนให้พิพิธภัณฑ์ทั้งหลายคัดเลือกของในคอลเลกชั่นที่คิดว่าน่าขนลุกที่สุดของตัวเองออกมาโชว์
หลังจากนั้นความบันเทิงปนสยองขวัญก็เริ่มขึ้น
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เยอรมัน (Deutsches Historisches Museum) นำเสนอ ‘Plague Mask’ หรือหน้ากากป้องกันกาฬโรคของหมอจากศตวรรษที่ 16 ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดป้องกันไว้ให้หมอในยุโรปสวมใส่ระหว่างรักษาคนไข้ โดยของชิ้นที่พิพิธภัณฑ์นำมาโชว์นี้เป็นดีไซน์แรกสุดของหน้ากาก ก่อนที่หน้าตาของมันจะดูดีขึ้นในปีต่อๆ มา ส่วนสาเหตุที่ต้องมีปากนกยืดยาวออกมาไม่ใช่เพื่อความเซอร์เรียล แต่เพราะเป็นพื้นที่สำหรับบรรจุสมุนไพรหอม (ส่วนใหญ่ใช้ลาเวนเดอร์) เพื่อป้องกันกลิ่นอันร้ายกาจจากผู้ป่วยและผู้ตาย
ทางด้านพิพิธภัณฑ์ของเล่น เพนเชิร์สต์ เพลซ (Toy Museum of Penshurst Place) ก็ส่งตุ๊กตาหมีดื่มน้ำเข้าประกวด ของเล่นชิ้นนี้เมื่อหยอดเหรียญ 2 เพนนีลงไป มันจะยกแก้วขึ้นดื่ม แต่ดูแล้วกลับไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
พิพิธภัณฑ์ยอร์กแคสเซิล (York Castle Museum) นำเสนองานฟิกเกอร์แฮนด์เมดเป็นรูปคนสองคนนั่งเล่นไพ่ด้วยกัน แต่หน้าตาของมันดึงดูดใจเมื่อตัวของพวกเขาทำขึ้นจากก้ามปูและขาปู (มีคนหนึ่งคาบไปป์อีกต่างหาก)
พิพิธภัณฑ์นอร์วิชแคสเซิล (Norwich Castle) นำเสนอหมอนปักเข็มสำหรับหญิงผู้รักการเย็บปักถักร้อย แต่หน้าตาของมันก็คือถั่วลันเตา (?) ที่มีหัวเด็กเล็กๆ น่ารักโผล่ออกมารอให้เข็มปัก
เครือพิพิธภัณฑ์พีอีไอ ที่เป็นการรวมตัวกันของ 7 พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในเกาะพรินซ์ เอ็ดวาร์ด ประเทศแคนาดา ก็หยิบของเล่นชิ้นจิ๋วออกมาโชว์ พวกเขาเรียกมันว่าของเล่นต้องคำสาปชื่อเจ้าวีลลี่ (Wheelie) ได้มาจากแมนชั่นเก่า 155 ปี เป็นตุ๊กตารูปแกะหรือหมาหรืออะไรก็ไม่ทราบบนล้อเลื่อน ที่ดูไปดูมาหน้าตาก็น่าเอ็นดูอยู่ แต่ทางพิพิธภัณฑ์เล่าว่าวีลลี่สามารถเลื่อนได้เอง เพราะพวกเขาเก็บมันไว้ในที่หนึ่ง แต่กลับไปเจอมันอีกครั้งในอีกที่หนึ่ง
พิพิธภัณฑ์เบล (Bell Museum) พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติในรัฐมินนิโซตา ก็หยิบมัมมี่นกพิราบออกมาเล่นด้วย ซากนี้ฝังอยู่ในกำแพงตึกแห่งหนึ่ง โดยเป็นซากนกพิราบที่สมบูรณ์ที่สุดซากหนึ่งที่ยังมีขนอยู่แทบจะครบถ้วน
พิพิธภัณฑ์สัตววิทยาแกรนท์ (Grant Museum of Zoology) ก็นำเสนอศพแมวดอง ที่ดูด้านหนึ่งก็เหมือนแมวในน้ำธรรมดาๆ แต่อีกด้านพบว่ามันถูกผ่าครึ่งให้เห็นภายในท้องที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
หรือ แกลเลอรีอาร์ตออฟคูริโอโลจี (Art of Kuriology) แห่งคอร์นวอลประเทศอังกฤษ ที่ปกติก็จะหยิบไอเทมวินเทจมาดัดแปลงเป็นของเล่น-ของสะสมส่งขายทางอีเบย์อยู่แล้ว ก็นับว่ายิ่งเข้าทางเขา นำของในคอลเลกชั่นมาโชว์กันเป็นเซ็ตๆ และมีหน้าตาประหลาดได้โล่ จนมีคนคอมเมนต์ว่าอย่างกับของในคอลเลกชั่นของทิมเบอร์ตันอย่างไรอย่างนั้น
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราขอหยิบมาเล่า และไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่คนทั่วไปก็หยิบเอาของที่ไม่เคยเห็นและไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นมาโชว์กันอีกมากมาย
อย่างเช่นแรทคิง (Rat King) หรือปรากฏการณ์ที่ฝูงหนูเอาหางมาพันกันจนเป็นก้อนใหญ่และแห้งตายไปด้วยกัน หรือ หัวใจแกะที่ถูกปักด้วยตะปูจากต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเชื่อว่าเอาไว้ทำลายคำสาปของปีศาจ ซากสัตว์หรือสัตว์สตัฟฟ์หน้าตาพิลึก รวมถึงบรรดาตุ๊กตาวินเทจหน้าตาดูคุกคาม ฯลฯ ใครที่สนใจสามารถไปขนลุกกันต่อได้ที่แฮชแท็ก #CreepiestObject
อ้างอิง:
https://edition.cnn.com/travel/article/museums-creepiest-objects-twitter/index.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Plague_doctor_costume
https://twitter.com/search?q=%23CreepiestObject&src=typeahead_click
Tags: พิพิธภัณฑ์, CreepiestObject