นับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา การเมืองการปกครองไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน ตลอดระยะเวลาเกือบ 90 ปีที่ไทยเรียกตัวเองเป็นประเทศ ‘ประชาธิปไตย’ เราผ่านมรสุมทั้งจากในและนอกประเทศ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความสัมพันธ์ของรัฐกับประชาชนจำนวนมากเป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ จากการใช้อำนาจในทางมิชอบของผู้นำ…
จิรภัทร อังศุมาลี นักเขียนเจ้าของนามปากกา ‘สิเหร่’ นั้นมีผลงานเป็นที่รู้จักมากมาย เขาบอกเล่าความรักความผูกพันต่อดนตรีแจ๊ซไว้อย่างละเมียดละไม ถือเป็นนักเขียนไทยคนแรกๆ ที่หยิบเอาดนตรีแจ๊ซมาบรรเลงเป็นถ้อยคำ นักอ่านมักจดจำเขาได้จาก Jazz Murakami รวมเรื่องสั้น วิปริต และผลงานเล่มล่าสุด หลงหายไปในฝัน อีกบทบาทหนึ่งของจิรภัทรคือศิลปินผู้ติดตามประเด็นการเมืองอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด
นิทรรศการ ‘DARK’ คือบทบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับประชาชนตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงวันนี้ ศิลปินเลือกถ่ายทอดโดยไร้ถ้อยคำหากแต่ระบายภาพอย่างสะเทือนอารมณ์ มืดมิด และเจ็บปวดเป็นที่สุด
เมื่อก้าวเข้าไปในพื้นที่จัดแสดง จะเห็นผนังทั้งสี่ด้านซึ่งพาผู้ชมย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการเมืองไทย ภาพส่วนใหญ่เขียนลงกระดาษดำ โดยเลือกใช้สีชอล์กน้ำมันร่างขึ้นจนมีมิติ เทคนิคนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบรรดาศิลปิน แต่จิรภัทรก็ได้จับมาระบายตามความถนัดจนเกิดเอกลักษณ์แปลกตา
ผนังฝั่งซ้ายคือรากเหง้าของกลียุค ศิลปินเขียนภาพเครื่องแบบหลากสีถึง 9 ชุด แต่ละชุดมีเข็มกลัด ดาว และสิ่งแสดงยศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆ หากแต่ไร้ใบหน้า
ศิลปินออกความเห็นว่า สังคมไทย ‘ไม่ไปไหน’ และ ‘วนเวียนอยู่กับที่’ ก็ด้วยเหตุว่า ‘คนในเครื่องแบบ’ ที่ควรเป็นตัวอย่างให้ประชาชนกลับใช้อำนาจในทางที่ผิด ราวกับไร้ความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง
นิทรรศการ DARK ได้ศิลปินฝีมือดี ตะวัน วัตุยา มาเป็นภัณฑารักษ์ เมื่อศิลปินสองคนมาร่วมสะท้อนความมืดมิด องค์ประกอบรวมของงานกลับมีความหวังอย่างไม่น่าเชื่อ
ศิลปินชี้ให้ดูผนังตรงกลางซึ่งเป็นภาพเขียนใบหน้าผู้มีอำนาจในหลายประเทศ ผู้ที่อยู่ตรงกลางและมีอำนาจล้นฟ้า สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน ภาพที่วางเรียงและสบตากับผู้ชมตรงๆ เหล่านี้ ทำให้อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ในชีวิตจริงพวกเขาเคยสบตาประชาชนจริงๆ ไหม
ความจริงคือปีที่ผ่านๆ มา รัฐไม่เคยสบตาประชาชนแม้สักครั้ง ประชาชนซึ่งแสดงออกโดยสันติวิธีจำนวนมากถูกเจ้าหน้าที่เข้าปราบปราม ข่มขู่ จนต้องหันมาปกป้องกันเอง ไม่กี่วันมานี้ ดาราและศิลปินหลายคนถูกดำเนินคดีจากการวิพากษ์วิจารณ์ความล้มเหลวของรัฐบาล
แนวโน้มที่ภาครัฐจะตั้งตัวเป็นอริต่อประชาชนยังคงมีต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในบ้านเรา มีเรื่องราวทำนองเดียวกันเกิดที่ฮ่องกง ไต้หวัน และพม่า ภาพประชาชนไร้อาวุธประจันหน้ากระบอกปืนนับสิบท่ามกลางความมืดหาใช่ตัวแทนของคนแค่คนเดียว แต่คือประชาชนตาดำๆ ในหลายประเทศที่ต้องกัดฟันสู้อำนาจรัฐ และบ่อยครั้งถึงกับยอมเอาชีวิตเข้าแลก
Improvisation
จิรภัทรเล่าความเชื่อมโยงของกระบวนการทางศิลปะต่อดนตรีแจ๊ซที่เขาหลงใหลว่า สองสิ่งนี้มีจุดร่วมคือ ‘improvisation’ หรือการด้นสด สีชอล์กน้ำมันเป็นสีที่ผสมไม่ได้ ต้องค่อยๆ ระบายลงกระดาษ และใช้อีกสีระบายทับจนเกิดแสงเงา ถ้าลงสีผิดก็ใช้อีกสีระบายทับให้องค์ประกอบของภาพออกมาสมบูรณ์ที่สุด
ศิลปินมองเห็นดนตรีแจ๊ซในวิถีชีวิตรอบตัวแม้กระทั่งในความเงียบ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่เขาสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ เขาเล่าว่าทุกครั้งที่ทำงานศิลปะ จะไม่เปิดเพลงหรือให้เสียงใดๆ รบกวนเลย แต่ในความเงียบนี้เอง เขาหันมาใช้วิถีของแจ๊ซในการทำงาน
ความสว่าง
จิรภัทรเล่าอย่างภาคภูมิใจว่านิทรรศการนี้จัดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของกลุ่มมิตรสหายที่ร่วมงานกันมานาน มี ตะวัน วัตุยา รับหน้าที่ภัณฑารักษ์คัดเลือกผลงาน ทำความเข้าใจกับกระบวนการทางศิลปะของเขา และคอยดูแลงานอย่างใกล้ชิด
หากจะมีสิ่งใดสว่างท่ามกลางความมืดที่ผู้เขียนเห็น ก็คงจะเป็นมิตรภาพในบรรดากลุ่มศิลปิน การมีค่านิยมร่วม และให้ความสำคัญกับสิทธิพลเมือง ตลอดจนการมองเห็นความหวังร่วมกัน
ความหวังท่ามกลางกลียุค
เมื่อมองการขับเคลื่อนด้านประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ จะเห็นชัดว่าการต่อสู้ของกลุ่ม digital native ที่ใช้สื่อออนไลน์แทนอาวุธนั้นได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง โทรศัพท์มือถือนับเป็นเครื่องมือชั้นเลิศที่คนธรรมดาจะใช้ต่อกรกับความอยุติธรรมของรัฐ
เยาวชนยุคนี้ใช้มีม ตัวการ์ตูน สัญลักษณ์ที่ดูไม่จริงจังและเน้นอารมณ์ขัน ทำให้การสร้างแรงกระเพื่อม มีสีสันน่าจดจำยิ่งขึ้น ศิลปินมองการขับเคลื่อนของคนรุ่นใหม่เป็นความหวัง ความหวังนี้เฉิดฉายอยู่บนพื้นหลังสีขาว เป็นเป็ดบู้บี้มอมแมมที่แม้โดนทำร้ายก็ยังยิ้มสู้เสมอ
ขนาดไดโนเสาร์ยังมีวันสูญพันธุ์ ศิลปินเชื่อว่าในอนาคตไม่วันใดก็วันหนึ่ง ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างแน่นอน
Fact Box
- นิทรรศการนี้จัดแสดงที่ VS Gallery สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง facebook.com/VSGalleryBangkok
- นักอ่านที่สนใจผลงานเล่มล่าสุดของศิลปิน สามารถสั่งซื้อได้ทางเพจสำนักพิมพ์จงสว่าง facebook.com/chongsawang