หลายคนสงสัยว่าลงทุนใน ‘บิตคอยน์’ ตอนนี้ยังทันหรือเปล่า ด้วยราคาในปัจจุบันที่สูงลิ่วจนเกือบถึง 2 ล้านบาทไทย ที่นอกจากจะทำให้เหล่านักลงทุนหันมาจับตามองการเคลื่อนไหวของวงการสกุลเงินดิจิทัลแล้ว ยังตั้งคำถามอยู่ในใจด้วยว่า ด้วยราคาของบิตคอยน์ที่ทะยานขึ้นสูงขนาดนี้ การเข้าลงทุนตอนนี้ยังคงทันเวลาอยู่หรือเปล่า

ในการตอบคำถามนี้ ต้องย้อนถามกลับว่า ‘หากจะลงทุนในบิตคอยน์ จะลงทุนด้วยวิธีใด’ เพราะการได้มาของบิตคอยน์นั้นไม่ใช่เพียงการซื้อมาเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการขุดอีกด้วย ผู้ที่สนใจที่จะลงทุนจึงควรที่จะเลือกวิธีการได้มาซึ่งบิตคอยน์ที่เหมาะสมกับตัวเองเสียก่อน เพื่อที่จะได้วางแผนการลงทุนของตัวเองให้ถูกต้อง

ในโลกสกุลเงินดิจิทัล มีวิธีการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งกำไรอย่างมากมายมหาศาล Cryptonian สัปดาห์นี้จะมาพูดถึงวิธีการลงทุนในบิตคอยน์ เนื่องจากเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงที่สุด และหลายๆ คนตั้งคำถามเกี่ยวกับราชาแห่งเหรียญคริปโตฯ ตัวนี้มากมายเสียเหลือเกิน โดยจะอธิบายวิธีการลงทุนใน 2 หัวข้อใหญ่ๆ ได้แก่ ‘การซื้อเพื่อเก็งกำไร’ และ ‘การขุดเหรียญ’

1. ซื้อบิตคอยน์เพื่อเก็งกำไรตอนนี้ยังคงทันอยู่หรือเปล่า

คำถามยอดนิยมที่หลายๆ คนยังคงตั้งข้อกังขาต่อตัวบิตคอยน์ก็คือ ราคาของบิตคอยน์ตอนนี้สูงเกินไปที่จะซื้อแล้วหรือยัง ในอนาคตราคาจะเติบโตไปได้อีกมากน้อยแค่ไหน? คำตอบก็คือ ‘ทัน’ แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนด้วย จึงต้องกลับมาพูดกันถึงเรื่องคุณสมบัติของตัวบิตคอยน์กันเสียอีกครั้งหนึ่งว่า ทำไมบิตคอยน์ถึงยังคงมีเพดานราคาที่สูงอีกมาก

ประการแรกที่ทำให้บิตคอยน์จะยังคงเติบโตได้อีก สังเกตได้จากมูลค่าของตลาด หรือ Market cap ของตัวบิตคอยน์เอง โดยคำนวนได้จากราคากลางของเหรียญบิตคอยน์คูณกับจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกนี้ 

แต่หนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้บิตคอยน์เป็นที่ต้องการของตลาดคือ ‘การมีจำนวนของเหรียญที่จำกัด’ เพราะซาโตชิ นาคาโมโตะ ผู้ที่คิดค้นเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ได้กำหนดไว้แล้วว่าจำนวนของเหรียญบิตคอยน์ทั่วโลกจะมีอยู่เพียงแค่ 21 ล้านเหรียญทั่วโลกเท่านั้น อะไรที่ยิ่งมีจำกัดยิ่งทำให้มันหายาก และทำให้มีมูลค่าเช่นเดียวกันกับทองคำ ดังนั้นเราจึงต้องมาดูกันว่า ณ ปัจจุบัน บนโลกของเราการขุดบิตคอยน์ออกมาทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว?

จากเว็บไซต์ coinmarketcap.com ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ณ วันที่บทความนี้ได้เผยแพร่ (19 มีนาคม 2564) มีจำนวนการเกิดขึ้นของบิตคอยน์อยู่ที่ 18,657,368 เหรียญบิตคอยน์ ซึ่งคิดเป็น 89% ของจำนวนบิตคอยน์ที่ซาโตชิกำหนดไว้ นั่นหมายความว่า เหลือจำนวนบิตคอยน์อีกเพียง 2,342,632 เหรียญที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา หากเป้าหมายของคุณคือการซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะยาว บิตคอยน์ยังคงมีพื้นที่ให้เติบโตอยู่อย่างแน่นอน แต่นอกเหนือไปจากจำนวนบิตคอยน์ที่จำกัดเพียงแค่ 21 ล้านเหรียญ ซาโตชิยังได้เขียนระบบที่ทำให้การได้มาของบิตคอยน์ยากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยระบบดังกล่าวคือระบบการลดลงครึ่งหนึ่งของผลตอบแทนหรือการ ‘Halving’ นั่นเอง ซึ่งจะขออธิบายเพิ่มเติมในข้อถัดไป

2. การขุดบิตคอยน์นั้นคุ้มค่าหรือเปล่า

หากจะอธิบายสั้นๆ การขุดเหรียญบิตคอยน์นั้นไม่ได้หมายถึงการขุดจริงๆ แต่คือการที่ผู้อาสายืนยันธุรกรรมของคนในเครือข่ายบนเทคโนโลยีบล็อกเชนได้รับรางวัลเป็นเหรียญบิตคอยน์ส่วนหนึ่งนั่นเอง แล้วอัตราผลตอบแทนต่อการขุดหนึ่งครั้งอยู่ที่เท่าไหร่กัน?

การขุดบิตคอยน์ต้องมี CPU และการ์ดจอคอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมของคนในเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าคุณไม่ได้เป็นนักขุดคนเดียว แต่ต้องแข่งกันยืนยันธุรกรรมจากคนทั่วโลก ดังนั้นเกมการขุดบิตคอยน์ขึ้นอยู่กับว่าใครไวกว่าคือผู้ชนะ เพราะปัจจุบันเรามีซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การยืนยันธุรกรรมสามารถทำได้อัตโนมัติ โดยที่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งอยู่หน้าคอมตลอดเวลา เมื่อขั้นตอนการขุดเป็นเช่นนี้แล้ว ต้นทุนในการลงทุนของคุณจึงประกอบไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี CPU ที่ประมวลผลได้รวดเร็ว และค่าไฟที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน

เมื่อเรารู้ต้นทุนแล้ว เราลองหันมาดูที่ผลตอบแทนของการขุดกันบ้าง ว่าหากคุณยืนยันธุรกรรมสำเร็จแล้ว ผลตอบแทนที่ได้มามีจำนวนเท่าไหร่

ย้อนไปในปีแรกที่บิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นมา ในทุก 10 นาที มีบิตคอยน์เกิดขึ้นใหม่ 50 หน่วยต่อ 1 บล็อกธุรกรรม ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนของการขุดอยู่ที่ 50 เหรียญบิตคอยน์ต่อการยืนยันธุรกรรมหนึ่งครั้ง ในตอนนั้น ภายในหนึ่งปีมีบิตคอยน์เกิดใหม่ 2.6 ล้านหน่วยเลยทีเดียว

แต่หากอัตราการเพิ่มขึ้นของบิตคอยน์ยังคงมากอยู่อย่างนี้ คงไม่ทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์ที่มี Demand มากกว่า Supply แน่ๆ ซาโตชิจึงได้คิดค้นระบบที่เรียกว่าการ Halving ที่จะทำให้ผลตอบแทนจากการขุดบิตคอยน์ลดลงครึ่งหนึ่งในทุก 4 ปี และเราได้ผ่านการ Halving มาแล้วถึง 3 ครั้ง นั่นคือในปี 2012 ที่ลดผลตอบแทนเหลือ 25 เหรียญ ปี 2016 เหลือ 12.5 เหรียญ และล่าสุดปี 2020 อยู่ที่ 6.25 เหรียญ ส่งผลให้การ Halving ครั้งต่อไป การขุดเหรียญจะให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 3.125 เหรียญเพียงเท่านั้น

อัตราการเกิดขึ้นของบิตคอยน์ที่ลดลงจึงเป็นสาเหตุทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้รางวัลของนักขุดลดลง แต่ด้วยมูลค่าต่อหน่วยเพิ่มมากขึ้นยังคงทำให้นักขุดหน้าใหม่จำนวนมากเข้ามาสู่สังเวียนเหมืองบิตคอยน์ เพราะยังคงคาดคิดว่ายังคงคุ้มค่ากับต้นทุนของการขุดอยู่ดี

สำหรับการขุดเหรียญนอกจากจะต้องแข่งขันระหว่างนักขุดด้วยกันเองว่า CPU ของใครแรงกว่ากันแล้วนั้น ยังคงมีระบบ Halving ที่จะลดผลตอบแทนในทุก 4 ปี นั่นทำให้เหล่านักขุดต้องคิดแล้วว่าด้วยต้นทุนทางด้านค่าไฟ ค่าอุปกรณ์หากเทียบกับผลตอบแทนแล้วยังคุ้มค่าอยู่จริงๆ หรือ เพราะหากอุปกรณ์ของคุณนั้นไม่แรงพอที่จะแข่งขันกับเหล่านักขุดคนอื่นๆ คุณอาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่าสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อบิตคอยน์ไม่ว่าจะเพื่อเก็งกำไรระยะยาว หรือเพราะไม่ไว้วางใจในสกุลเงินของรัฐอีกต่อไปแล้ว บิตคอยน์ยังคงมีโอกาสในการเติบโตได้อย่างมหาศาลเพราะการ Halving ยังคงเพิ่มมูลค่าให้แก่ตัวบิตคอยน์ได้ในทุกๆ 4 ปี

แต่ในส่วนของนักลงทุนที่ต้องการขุดบิตคอยน์อาจจะต้องคิดหนักเสียหน่อยว่า ต้นทุนการขุดจะคุ้มค่าต่อผลตอบแทนอยู่หรือเปล่า เพราะการที่จะให้คุณเป็นนักขุดที่สามารถแข่งขันกับนักขุดรายอื่นที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่มีอยู่อย่างมหาศาล ต้องใช้ต้นทุนที่มากอยู่พอสมควร

 

ที่มา

https://cryptointrend.com/invest-in-bitcoin/ 

https://coinman.co/2019/05/18/altcoin-btc-usd-pair/ 

https://www.finnomena.com/zipmex/crypto-long-or-short-invest/ 

https://www.moneybuffalo.in.th/business-economy/ลงทุน-bitcoin-เริ่มอย่างไร

https://www.kaiidea.com/ราคาบิตคอยน์-วันนี้/

https://siamblockchain.com/2017/06/10/bitcoin-blockchain-101/ 

https://coinmarketcap.com/currencies/bitcoin/ 

https://www.finnomena.com/zipmex/bitcoin-halving/ 

Tags: , , , ,