ร้อยทั้งร้อยเชื่อว่าผู้ชายไทยน่าจะมีประสบการณ์การซื้อถุงยางในร้านสะดวกซื้อไม่ต่างกันนัก

เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อด้วยความมั่นใจและคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ซื้อถุงยางอนามัยกัน แต่แล้ว พอเดินเข้าไปในร้าน คุณเริ่มประหม่า พนักงานอยู่เต็มเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ไม่กล้าหยิบ

เอาเป็นว่า แกล้งเดินไปซื้อของอย่างอื่นก่อน แต่สายตาจับจ้องไปที่มุมขายถุงยางอนามัยอยู่ตลอดเวลา

คุณเห็นแล้ว และคิดในใจ เชี่ย…แม่งมีหลายสีว่ะ แล้วแบบไหนที่ใช้ได้วะเนี่ย

ไม่เป็นไร แบบไหนก็คงเหมือนกันหมด

 

คุณรวบรวมความกล้า เดินวนอีกรอบ สบโอกาส ตรงดิ่งไปที่มุมขายถุงยางอนามัย หยิบมั่วๆ มาหนึ่งกล่อง รีบจ่ายเงิน ออกจากร้านสะดวกซื้อโดยพลัน

แต่ปัญหาหลังจากนั้นคือ คุณซื้อมาผิดไซส์ ใส่ไม่พอดี แม้แต่ผิวสัมผัสกับรสชาติที่เพิ่มความพิเศษ เธอกลับไม่ชอบ อดเข้ากิจกรรมรักเลย

สิ่งเหล่านี้จะหมดไป ถ้าคุณเข้าใจถุงยางอนามัย

การเลือกถุงยางอนามัยที่เหมาะกับเรา ก็เหมือนกับการเลือกรองเท้าวิ่ง ถ้าน้องชายได้ใส่ถุงยางอนามัยที่พอดีและคู่รักของคุณก็ชอบมัน ยิ่งทำให้การถึงเส้นชัยเป็นเรื่องยอดเยี่ยม

“ในขณะที่ทุกคนถูกบอกว่าให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ถูกสอนว่าต้องเลือกถุงยางอนามัยอย่างไร” เมลิสซา ไวท์ (Melissa White) ซีอีโอ LuckyBloke.com และ theCondomReview.com ผู้เชี่ยวชาญเรื่องถุงยางอนามัยเคยกล่าวไว้

แน่นอน เรารู้จักถุงยางอนามัยในฐานะเครื่องมือคุมกำเนิดที่ให้ประสิทธิภาพสูง หาซื้อได้ง่าย พกพาสะดวก และปลอดภัย ที่สำคัญ ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย

ปัจจุบันจะเห็นถุงยางอนามัยวางขายตามร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และห้างสรรพสินค้า แต่เวลาที่เราเดินเข้าไปที่มุมขายถุงยางอนามัย คุณอาจจะต้องปวดหัวกับความหลากหลายของมัน มีสีเป็นสิบ ไหนจะขนาด ผิวสัมผัส และรสชาติของถุงยางอนามัยที่คุณอาจไม่ได้ลิ้มรสมัน แต่ได้กลิ่นอ่อนๆ แตะจมูก

ถุงยางอนามัยมีการพัฒนาจากอดีตมาไกล เดิมทีทำมาจากผ้าลินิน ต่อมาก็ทำด้วยลำไส้แกะ แต่มีข้อเสียว่าจะพบรูพรุนเล็กๆ ทำให้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อได้ ทำให้ต่อมา เปลี่ยนมาใช้ยางธรรมชาติ (Latex) เพราะให้ความเหนียวแน่น คงทน เก็บไว้ใช้งานได้นาน สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้

 

ปัจจัยในการเลือกถุงยางอนามัย

ขนาด

เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด บางคนคิดว่าถุงยางไซส์ไหนก็เหมือนกันหมด แค่ใส่เข้าไปได้ก็พอแล้ว ต้องบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด ในงานวิจัยของสถาบัน The Kinsey Institute ของมหาวิทยาลัยอินเดียนา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศและการสืบพันธุ์ ในปี 2010 พบว่าการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้สูญเสียการแข็งตัวของน้องชายได้ถึงสองเท่า และลดประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดด้วย

ฉะนั้น การเลือกขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยปกติถุงยางอนามัยมีถึง 13 ไซส์ ตั้งแต่ 44-56 มิลลิเมตร แต่ในบ้านเราจะพบเพียงแค่สามไซส์ ได้แก่ 49 มิลลิเมตร 52 มิลลิเมตร และ 56 มิลลิเมตร

 

วัสดุ

อย่างที่บอกว่าถุงยางอนามัยที่ใช้กันอยูู่ทั่วไปในปัจจุบันทำมาจากยางธรรมชาติ แต่สำหรับคนแพ้ยางธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ก็จะมีถุงยางชนิดพิเศษที่ผลิตมาจากสารสังเคราะห์ เช่น โพลียูรีเทน ซึ่งมีราคาแพงและหายากอยู่เสียหน่อย

 

ความหนาบาง

ความหนาบางมีผลต่อสภาพจิตใจและความรู้สึกขณะสอดใส่ที่ใกล้ชิด โดยปกติ ความหนาของถุงยางอนามัยมีตั้งแต่ 0.05-0.07 มิลลิเมตร แต่ก็มีถุงยางที่บางเป็นพิเศษ เพียง 0.02-0.01 มิลลิเมตร ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกแนบชิดราวกับไม่สวมถุงยางอนามัยเลยทีเดียว

พื้นผิว

ผิวสัมผัสของถุงยางอนามัยเป็นตัวช่วยที่เพิ่มสีสันในกิจกรรมรัก ทั่วไปที่เราเห็นจะมีสองแบบ ได้แก่ พื้นผิวเรียบและพื้นผิวขรุขระ โดยแบบหลังนั้น จะเป็นตัวเพิ่มความแปลกในยามสอดใส่ได้เป็นอย่างดี

 

รสชาติ

ถุงยางอนามัยบางแบบมีกลิ่นมีรสชาติ มันถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ชอบออรัลเซ็กซ์ ที่อยากได้รสสัมผัสที่แตกต่าง มีทั้งกลิ่นผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี มะนาว ส้ม หรือกลิ่นน้ำหอมและโคโลญจ์ก็มีแล้วเช่นกัน

 

สารควบคุมการหลั่ง

บางรุ่นจะระบุว่าใส่สารชะลอการหลั่ง เป็นเรื่องที่ดีและเหมาะกับผู้ที่ไม่มั่นใจและมักหลั่งเร็ว การเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่มีสารชะลอการหลั่งจะทำให้กิจกรรมรักของคุณยืนยาวขึ้น

 

ถุงยางอนามัยที่ใช่

การวัดขนาดถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง ถ้าเอาแบบคร่าวๆ เราอาจวัดจากความสูงของผู้ใช้งานก็ได้ ถ้าคุณสูงไม่เกิน 160 ซม. ควรใช้ขนาดไซส์ 49 มิลลิเมตร แต่ถ้ามีความสูงเกิน 160 ซม. ก็ใช้ขนาดไซส์ 52 มิลลิเมตร แต่ถ้าอยากวัดแบบละเอียดกว่านี้ ก็ต้องวัดจากน้องชายเลย
ก่อนจะวัด ต้องกระตุ้นในวิธีการใดก็ได้ให้น้องชายแข็งตัวเต็มที่ แล้ววัดขนาดของเส้นรอบวงว่ามีกี่มิลลิเมตร จากนั้นจับมาหารสอง ก็จะเป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่ควรใช้ แต่มีหลายคนวัดไซส์ผิด ไปวัดตามความยาวของน้องชายแทน

จากการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มาตรฐานของน้องชายไทยอยู่ที่ 52 มิลลิเมตร รองลงมาคือ 49 มิลลิเมตร ส่วนคนที่มีขนาดเกินมาตรฐาน จะมีขนาด 54 มิลลิเมตร และขนาด 56 มิลลิเมตร แสดงว่าที่ผู้หญิงหลายคนเชื่อว่าน้องชายไทยโดยมากจะเล็กนั้น ก็คงไม่จริง

 

ใส่ได้ก็ต้องถอดเป็น

เมื่อรู้ไซส์ของถุงยางอนามัยที่เหมาะสมแล้ว จะมาตกม้าตายตอนใส่กับตอนถอดก็กระไรอยู่ วิธีการใส่คือ เมื่อน้องชายแข็งตัวเต็มที่ ก็รีบแกะถุงยางอนามัยออกจากซอง แต่กระทำด้วยความระมัดระวัง อย่าฉีกซองไปโดนตัวถุงยางอนามัย เพราะเดี๋ยวจะฉีกขาดได้ จากนั้น ให้สังเกตรอยม้วนตรงขอบถุงยางอนามัยให้อยู่ด้านนอก แล้วค่อยๆ วางลงบนน้องชาย ใช้มือหนึ่งดึงปลายถุงยาง อีกมือก็จับตรงขอบถุงยางอนามัย แล้วค่อยๆ รูดลงจนสุด ลองสังเกตว่าถ้ารูดลงไม่สุด หรือมีการติดขัดแสดงว่าใส่ถุงยางอนามัยกลับด้าน

ส่วนวิธีการถอดถุงยางอนามัย เมื่อหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ควรรีบเอาน้องชายออกมาจากช่องคลอดก่อนจะหดตัว ใช้มือจับตรงขอบถุงยางอนามัย แล้วรูดขึ้นจนหลุดออกจากน้องชาย รีบผูกมัดปากถุงยางอนามัย เป็นการระวังน้ำอสุจิไหลออกจากถุงยางอนามัย เดี๋ยวจะหยดลงเตียงนอน กลายเป็นคราบจนต้องเปลี่ยนผ้าปูกันใหม่

เดินเข้าร้านสะดวกซื้อครั้งหน้า จะได้เลือกซื้อถุงยางอนามัยอย่างมั่นใจ ไม่ต้องอายพนักงาน และทำให้กิจกรรมรักของคุณสนุกอย่างยิ่งขึ้น

 

 

ภาพประกอบบทความโดย ปรางวลัย พูลทวี

Tags: , , ,