หลังจากสวดมนต์ขอบคุณบรรดาสัตว์ต่างๆ ที่ยินยอมให้เขาล่า เด็กหนุ่มเคี้ยวอาหารไปคำหนึ่งระหว่างอยู่บนเรือ รสชาติมันค่อนข้างจืด แต่ก็ยังได้กลิ่นคล้ายสาหร่ายทะเล

อะกรากิก ‘คริส’ อพาสซินก็อก (Agragiiq ‘Chris’ Apassingok) ชอบชั่วขณะที่มีเนื้ออยู่ในปาก และมีเสียงชื่นชมของชายในเรือลำอื่นๆ ให้ได้ยิน เขานึกไปถึงผู้คนในหมู่บ้านที่จะร่วมฉลองกับเขา ไม่ได้คิดถึงผู้คนในโลกข้างนอก

เขาไม่มีโอกาสล่วงรู้เลยว่า ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกมีความสุขสุดขีดนั้น ในเวลาต่อมา จะกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์เศร้าได้

คริส อพาสซินก็อก ล่าวาฬหัวคันศรได้ตัวหนึ่ง

ตัวมันใหญ่มาก มีขนาดลำตัวยาวถึง 18 เมตร คริสเพิ่งอายุแค่ 16 ปี แม้แต่พวกผู้ใหญ่เองก็จำแทบไม่ได้แล้วว่า เคยมีใครล่าวาฬได้ตอนอายุเท่าคริสบ้าง เรื่องนี้จะกลายเป็นตำนานเล่าขานกันต่อไปในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอลาสกา
หากเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อน ตำนานวีรบุรุษของคริส นักล่าวาฬคงมีให้เล่าขานกันแค่เพียงบนเกาะในช่วงคืนฤดูหนาว ทุกวันนี้ เรื่องราวกลับถูกเล่าในโซเซียลมีเดีย และส่งต่อผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังที่ต่างๆ เพียงไม่กี่วินาที แม้จากแกมเบลล์ หมู่บ้านเล็กๆ บนเกาะเซนต์ ลอว์เรนซ์ที่อยู่กลางมหาสมุทรห่างไกล 80 กิโลเมตรถึงรัสเซีย และ 280 กิโลเมตรถึงแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาไปยังที่ต่างๆ ของโลก

วันนี้ เด็กหนุ่มวัย 16 ล่าวาฬได้สำเร็จ และคนทั้งโลกพากันตื่นตระหนก

คริสเพิ่งอายุแค่ 16 ปี แม้แต่พวกผู้ใหญ่เองก็จำแทบไม่ได้แล้วว่า เคยมีใครล่าวาฬได้ตอนอายุเท่าคริสบ้าง

แกมเบลล์เป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยซากกระดูก ทั้งวาฬ แมวน้ำ สิงโตทะเล และนก กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนชายหาดและบริเวณพื้นที่โล่งใกล้บ้านกระท่อม ประชากร 700 คนล้วนเป็นชนเผ่ายูปิค พื้นถิ่นดั้งเดิม หมู่บ้านนี้มีสนามบินขนาดเล็ก ที่ชาวบ้านแทบไม่มีเงินพอจะซื้อตั๋วเพื่อเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่

หลังจากเกิดเหตุการณ์รุมด่า ข่มขู่ เกลียดชังจากโลกภายนอกในสื่อโซเซียล คริสไม่กล้าไปโรงเรียนอีกเลยนานเป็นสัปดาห์

อาคาพาค (Aakapak หรือชื่อตะวันตกว่า ซูซาน) ผู้เป็นแม่แทบไม่ได้ยินคำพูดใดๆ หลุดจากปากเขา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมชายชราอย่างพอล วัตสัน (Paul Watson) นักอนุรักษ์สัตว์ผู้โด่งดัง ถึงคิดเล่นงานลูกชายของเธออย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้

เรื่องราวก่อนที่ คริส อพาสซินก็อก จะกลายเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งโลก เกิดจากวันหนึ่งที่พวกเขาแล่นเรือออกไปในทะเล ทั้งหมดมีห้าลำ แดเนียล (Daniel) พ่อของเขานั่งอยู่ในเรือลำหนึ่ง ลำที่เหลือมีญาติๆ ของเขา และคริส มีลมจากตะวันออกความเร็ว 15 น็อต ที่เส้นขอบฟ้าเบื้องหน้ามองเห็นทิวเขาในระยะไกลของรัสเซีย

พวกเขามุ่งหน้าไปล่าวาฬ

เรือแล่นไปราว 30 ไมล์ทะเล ผ่านก้อนน้ำแข็งเข้าสู่เส้นทางสัญจรของวาฬ ซึ่งเป็นที่มักคุ้นกันมาตั้งแต่ชนรุ่นบรรพบุรุษ และบอกต่อชี้นำกันจากรุ่นสู่รุ่น ทุกปี พวกเขาต้องแล่นเรือออกมาเพื่อตามหาวาฬ แต่ผู้เป็นพ่อเชื่อว่า คงเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนไป ทำให้การดำรงชีวิตบนเกาะลำบากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสี่ปีก่อน จำนวนสิงโตทะเล แมวน้ำ และวาฬเริ่มมีจำนวนลดลง

ลมเริ่มพัดแรงขึ้นจนถึงระดับพายุ คลื่นน้ำกระแทกเข้ากับเรืออลูมิเนียม ผู้เป็นพ่อเริ่มกังวล ตะโกนบอกให้ทุกคนหันเรือกลับ ญาติคนหนึ่งของคริสร้องทักขึ้นเมื่อมองเห็นครีบหางวาฬแต่ไกล

การล่าวาฬครั้งนี้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางกลับบ้าน

ทีแรกคริสและพ่อของเขาไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อส่องกล้องทางไกลแล้วเห็นจริง มันคือวาฬหัวคันศร พวกเขาจึงรีบแล่นเรือไปยังจุดหมาย วาฬตัวนั้นโผล่ขึ้นให้เห็นที่เหนือน้ำอีกครั้งหลังจากเรือแล่นมาประมาณ 700 เมตร มันว่ายไปทางทิศตะวันตก

วาฬหัวคันศรถือเป็นราชาแห่งสัตว์ ปากของมันสามารถอ้าได้กว้างถึง 5 เมตร สามารถพ่นน้ำทางโพรงจมูกได้สูงถึง 4 เมตร คริสกระชับฉมวกแทงวาฬในมือ พ่อของเขาวิทยุรายงานกลับไปยังหมู่บ้านชายฝั่งว่า พวกเขาพบวาฬแล้ว และต้องการเรือเพิ่ม

คริสยืนสงบนิ่งบนเรือ ค่อยๆ ยกฉมวกในมือที่หนัก เล็งไปที่เป้าหมาย สวดขอพรพระเจ้า ขอให้จับมันได้สำเร็จ ก่อนเหนี่ยวยิงฉมวกออกไป

ช่วงเวลานั้น ผู้เป็นแม่ยืนพิงขอบหน้าต่างบ้านกระท่อม เพ่งสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลออกไปที่ท้องทะเล ถ้าไม่ออกไปล่าสัตว์ในทะเล เราก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ นางบอก ข้าวของตามร้านค้าในหมู่บ้านราคาสูงพอๆ กับบนแผ่นดินใหญ่ น้ำส้มขวดละ 12 ดอลลาร์ มันฝรั่งชิปถุงละ 11 ดอลลาร์ น้ำยาซักผ้าขวดละ 20 ดอลลาร์ บางครั้งขนมปังก็หมดไปจากชั้นวางนานเป็นสัปดาห์ สิงโตทะเลหรือแมวน้ำจึงเป็นสิ่งมีค่าสำหรับเรา และยิ่งเป็นวาฬด้วยแล้ว แทบตีค่าไม่ได้เลย

ปลายแหลมของฉมวกพุ่งกระทบเป้า ทว่ามันไม่ปักทิ่มติดตัววาฬ ต้องมีฉมวกจากเรือลำอื่นช่วยเสริม สัตว์น้ำตัวใหญ่จึงสิ้นฤทธิ์ ลำตัวใหญ่ยักษ์ของมันค่อยๆ พลิกหงาย มันคือวาฬของคริส นักล่าทุกคนบนเรือลงความเห็น เพราะคริสเป็นคนยิงคนแรก

พวกเขาใช้เวลาราวสองชั่วโมงลากวาฬกลับเข้าฝั่ง จากนั้นใช้รถแทรกเตอร์สองคันลากขึ้นบก และใช้เวลา 4 วันกว่าพวกเขาจะชำแหละมันแล้วเสร็จ

“ถ้าไม่ออกไปล่าสัตว์ในทะเล เราก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้”

ผู้เป็นปู่คอยดูแลจัดการร่วมกับผู้สูงวัยคนอื่นๆ ให้การแบ่งปันวาฬที่ล่ามาได้สำหรับทุกคนในหมู่บ้าน หลังจากนั้นตู้แช่ของทุกบ้านแทบไม่มีพื้นที่ว่างอีก และในแกมเบลล์ก็จะไม่มีหัวข้อสนทนาใดอื่นอีกนอกจากวีรกรรมของคริส

อาคาพาคถ่ายรูปลูกชายกับวาฬที่ล่ามาได้ และโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของนาง กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งนำภาพและเรื่องราวไปเขียนเป็นบทความ และนำไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต

พอล วัตสันไม่เคยรู้จักหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว เนื่องจากเขาพักอาศัยอยู่ในเวอร์มอนต์ ห่างจากแหล่งข่าวนั้นกว่า 6,000 กิโลเมตร แต่เขารับรู้เรื่องราวทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในโลกได้จากเฟซบุ๊กและโซเซียลมีเดียอื่นๆ ข่าวเกี่ยวกับคริสก็เช่นกัน

นักอนุรักษ์ผู้ก่อตั้งองค์กร Sea Shepherd ซึ่งมีชื่อเสียงจากการสู้รบปรบมือกับนักล่าวาฬในญี่ปุ่น ยังจำความโกรธแค้นของตัวเองได้เมื่อครั้งที่อ่านเรื่องราวและเห็นภาพเด็กหนุ่มที่โพสท่าอย่างผู้มีชัยที่ด้านหน้าศพวาฬ มันชวนให้เขาอดรนทนไม่ไหว ที่จะต้องโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา

‘ระยำเอ๊ย มึงอายุแค่ 16 ไอ้ฆาตกรตัวกะเปี๊ยก! เด็กอายุ 16 บางคนกลายเป็นฮีโรเพราะได้ปลิดชีพสิ่งมีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เฉลียวฉลาด ชอบสังคม และมีความรู้สึกนึกคิดอย่างนั้นหรือ แต่มันก็โอเคนะ ถ้าการฆ่าวาฬเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเขา ประเพณีของเขา ผมไม่สนใจที่จะพล่ามทัศนคติที่ถูกต้องทางการเมืองสำหรับใครบางกลุ่มที่อ้างสิทธิในการฆ่าวาฬ’

พอล วัตสันบอกว่า เขายืนยันในคำพูดของเขา เขาพร้อมจะตัดสินมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ที่ฆ่าวาฬ ไม่ว่าใครคนนั้นจะอายุเท่าไหร่หรือเป็นใครมาจากไหน และเขาจะทำอย่างนี้ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ วาฬที่คริสฆ่าไปนั้นใช้ชีวิตอิสระอยู่ในท้องทะเลมานานแสนนานแล้ว และไม่มีใครควรอ้างวัฒนธรรมประเพณีใดๆ ในการทรมานหรือสังหารมัน

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความจากคนแปลกหน้าที่แสดงความโกรธแค้น ข่มขู่ และเกลียดชังต่อวีรกรรมของคริส อพาสซินก็อกก็กระจายไปทั่วโลกโซเซียล “ไอ้เด็กเวร ฉันขอให้แกสำลักเนื้อวาฬจนตาย แกสมควรตาย ฉันจะทำกับแกเหมือนที่แกทำกับวาฬตัวนั้น” คริสยื่นสมาร์ตโฟนที่มีข้อความของคนแปลกหน้าในโพสต์ของวัตสันให้แม่ของเขาดู นัยน์ตารื้นด้วยน้ำตา

น้องสาวของเขานับจำนวนคอมเมนต์แสดงความเคียดแค้นและข่มขู่ได้ราว 400 ข้อความก่อนล้มเลิกความคิดที่จะนับต่อ ข้อความเหล่านั้นมาจากทุกภูมิภาคของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุโรป สำหรับคริสแล้วมันมากเกินจะรับได้ เขาเคยก้าวพ้นจากอลาสกาไปเจอโลกภายนอกเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต เมื่อครั้งเดินทางไปร่วมงานเยาวชนในอินเดียนาโปลิส แต่ข้อความข่มขู่ยังไม่ยอมหยุด ข้อความสุดท้ายที่เขาอ่านบอกว่า “ฉันขอให้พวกแกตายไปทั้งหมู่บ้าน”

คริสบอกในวันนี้ เขาพยายามที่จะไม่อ่านมันอีกแล้ว ส่วนแม่ของเขาเล่าว่า ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ คริสมักมีน้ำคลอตา เขาถอยห่างจากผู้คน ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหน ไม่แม้แต่จะไปโรงเรียน

คริสเพ่งมองพื้นอย่างเลื่อนลอย เขารู้จักพอล วัตสันจากทีวี เขาบอก จากรายการ ‘Whale Wars’ วัตสันไล่ล่าชาวญี่ปุ่นที่ฆ่าวาฬเพื่อการค้า แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ทำไมวัตสันถึงมาไล่ล่าเขา ทั้งๆ ที่เขาล่าวาฬเพื่อเป็นอาหารสำหรับครอบครัวของเขาและผู้คนในหมู่บ้าน

ข้อความเหล่านั้นมาจากทุกภูมิภาคของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุโรป สำหรับคริสแล้วมันมากเกินจะรับได้ เขาเคยก้าวพ้นจากอลาสกาไปเจอโลกภายนอกเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต

คริสเดินเข้าไปในครัวหลังกลับจากโรงเรียน ผู้เป็นพ่อหั่นเนื้อส่วนที่ติดมันจากวาฬตัวที่คริสล่ามาได้ พวกเขาหมักเนื้อด้วยเกลือและซอสถั่วเหลือง คนเป็นพ่อบอกว่า เนื้อวาฬดีสำหรับหัวใจ ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน หากใครกินเนื้อวาฬ แผลที่เป็นจะหายเร็วขึ้น จากนั้นเขาพูดถึงความเกลียดชังจากอินเทอร์เน็ตทำให้คนในหมู่บ้านเกิดความกลัว สมาชิกสภาหมู่บ้านเรียกประชุมเพื่อหารือกันว่า อนาคตของผู้คนในหมู่บ้านจะเป็นอย่างไรหากมีกฎหมายห้ามล่าออกมา

ความทรงจำเก่าๆ ของผู้เฒ่าในหมู่บ้านผุดขึ้นมาให้ย้อนนึกถึงสภาพชีวิตภายใต้การกดดันของแยงกีในช่วงศตวรรษที่ 19 ที่ใช้อำนาจทางกฎหมายยึดเรือล่าวาฬของพวกเขา อีกทั้งยังพรากลูกหลานของพวกเขาไปด้วย เพราะเชื่อว่าคนพื้นถิ่นไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูเด็กๆ ได้

ถึงตอนนี้ ผู้มีอำนาจที่นอกเกาะยังจะลิดรอนส่วนหนึ่งของความเป็นตัวตนของพวกเขาอีกหรือ? อย่างน้อยความทรงจำเกี่ยวกับแยงกีก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ในรูปแบบของการข่มขู่ทางอินเทอร์เน็ต รูปแบบของข่าวสารจากบรรดานักอนุรักษ์ในเมืองใหญ่ ที่ฝักใฝ่ในธรรมชาติ แต่ไม่เคยรู้ว่าชีวิตมันหนักหนาสาหัสอย่างไรเวลาที่ไม่มีอะไรจะกิน

สภาวะเปลี่ยนแปลงของโลกก็ยังซ้ำเติม ทำให้ผู้คนในแกมเบลล์รู้สึกหวาดหวั่น เกรงว่าจะต้องสูญเสียสภาพชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม ส่วนคริส เขายังหวาดหวั่นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งชีวิตของตนเอง แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ตรงกันข้ามกับพอล วัตสัน ที่ไม่รู้สึกหวาดหวั่นกับอะไรเลย แม้ว่าจะมีข้อความข่มขู่จะเอาชีวิตเขาและครอบครัวผ่านเข้ามาทางเฟซบุ๊ก เขามีผู้ติดตามเฟซบุ๊กอยู่กว่า 7 แสนคน เขารู้ว่าอินเทอร์เน็ตสามารถดึงผู้คนเข้ามาใกล้ชิดกันได้ แม้ว่าจะมีความคิดเห็นไม่เป็นแนวทางเดียวกันก็ตาม

คริสยังมีความหวังว่า เขาจะยังสามารถล่าสัตว์น้ำได้ต่อไป ยังสามารถบอกเล่าลูกหลานของเขาในอนาคตถึงสิ่งที่เขาเคยเรียน เคยรับรู้จากคนรุ่นก่อน

…ถ้าจะเป็นนักล่าที่ดีละก็ แกจะต้องนิ่ง มีความสงบในใจ และให้ความเคารพ เชื่อฟังคนที่โตกว่า เพื่อจะได้เข้าถึงวิชาความรู้

 

Fact Box:

“ถึงประชาชนของเรา วาฬหัวคันศรเป็นมากกว่าอาหาร มันทำให้ครอบครัวของเรามีความใกล้ชิดกัน มันช่วยให้ลูกหลานของเราได้ไปโรงเรียน มันทำให้ผู้เฒ่าชราของเราได้ส่งผ่านความรู้ถึงคนรุ่นหลัง มันสอนให้เรารู้จักความอดทนและการเก็บออม มันสอนให้เรารู้จักความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มันช่วยให้ชุมชนของเราแข็งแรง มันช่วยแบ่งปันความรู้และเชาว์ปัญญา มันให้ความหวัง มันคือวิถีชีวิตของเรา จิตวิญญาณของวาฬอยู่ในตัวเราทุกคน”

นั่นคือสาส์นจาก Alaska Eskimo Whaling Commission ที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก แต่ถูกพอล วัตสันลบทิ้ง และไม่กี่วันถัดมาได้ระบายความเกรี้ยวกราดอีกครั้ง พร้อมปฏิเสธที่จะขอโทษต่อการด่าว่า โจมตีเด็กหนุ่มจากแกมเบลล์

คริส อพาสซินก็อกได้รับคำปลอบใจและความช่วยเหลือจากที่ต่างๆ บิลล์ วอล์เกอร์ (Bill Walker) ผู้ว่าการรัฐอลาสกา มอบใบประกาศเกียรติคุณ ตอบแทนเขาในการทำความดีเพื่อสังคม อีกทั้งคริสยังได้รับโทรศัพท์สายตรงจากวุฒิสมาชิก ลิซา เมอร์คอฟสกี (Lisa Murkowski) ที่ให้กำลังใจ มีการระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้ทางกฎหมายกับพอล วัตสัน และการรณรงค์ทางออนไลน์เพื่อแบนพอล วัตสันจากโซเซียลมีเดีย

 

 

 

อ้างอิง:
Spiegel Online
Indiancountrymedianetwork.com
The Arctic Sounder
www.ktuu.com

ที่มาภาพ:
เฟซบุ๊กของ อาคาพาค 
http://galetkas.blogspot.com/

Tags: , , ,