สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เสื่อมถอยลงอีกขั้น ปักกิ่งขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้รัฐบาลทรัมป์ เตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัทที่ระงับธุรกิจกับหัวเว่ย พร้อมกับยืนยันที่จะไม่ยอมถอยในการเจรจาการค้า
เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ต้นเดือนมิถุนายน จีนเดินหมากตอบโต้ในสงครามการค้าอย่างน่าจับตา ทั้งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ออกเอกสารนโยบายประกาศจุดยืนไม่ประนีประนอม แถมพ่วงด้วยประเด็นความมั่นคง โดยเตือนให้อเมริกาหยุดแทรกแซงในกรณีไต้หวัน
นักสังเกตการณ์กำลังจับตาว่า ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดยิ่งขึ้น ผู้นำของสองมหาอำนาจโลก สีจิ้นผิงกับโดนัลด์ ทรัมป์ จะตกลงพบหารือกันในช่วงการประชุมกลุ่มจี-20 ในช่วงปลายเดือนนี้หรือไม่ และการพูดคุยจะส่งผลต่อสงครามการค้าในทิศทางใด
จ่อแบนซัพพลายเออร์
เมื่อวันเสาร์ (1 มิ.ย.) คำประกาศของรัฐบาลจีนเมื่อ 13 พฤษภาคม ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ โดยจีนจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 20-25 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้ากว่าครึ่งของจำนวนรายการทั้งหมด 5,140 รายการที่อยู่ในบัญชีที่จะเก็บเพิ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้จีนได้ขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มนี้มาแล้วรอบหนึ่งในอัตรา 5-10 เปอร์เซ็นต์
การขึ้นภาษีรอบใหม่นี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ โดยเพิ่มอัตราจัดเก็บเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่การเจรจาการค้ารอบหลังสุดได้ยุติลงโดยไม่มีข้อสรุป
จนถึงขณะนี้ ประเทศทั้งสองขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้กัน ครอบคลุมสินค้ามูลค่ารวม 360,000 ล้านดอลลาร์ฯ แล้ว ซึ่งรัฐบาลของทรัมป์กำลังชงมาตรการที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนให้ครบหมดทุกรายการ
ในคำประกาศเมื่อวันเสาร์ จีนบอกด้วยว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จีนจะขึ้นบัญชีดำบรรดาบริษัทที่หยุดขายวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชิพประมวลผล ให้แก่หัวเว่ย ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ และผู้นำด้านเทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารระบบ 5G ของจีน
คำสั่งแบนซัพพลายเออร์ของหัวเว่ยดังกล่าวเป็นมาตรการตอบโต้หลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศเมื่อ 16 พฤษภาคม ที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทอเมริกันที่ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้หัวเว่ย
สหรัฐฯ อ้างเหตุผลในการสั่งแบนดังกล่าวว่า ไม่ต้องการให้หัวเว่ยเข้าถึงเทคโนโลยีอเมริกัน เนื่องจากหัวเว่ยมีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน เกรงว่าจีนจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ในทางการทหาร
ผู้รู้ในวงการบอกว่า บริษัทที่เข้าข่ายถูกจีนขึ้นบัญชีดำ ก็คือ Intel, Qualcomm และ ARM ขณะเดียวกัน บริษัทในยุโรป เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ก็อาจเจอหางเลขด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าศึกหัวเว่ยบานปลาย บรรดาบริษัทนอกสหรัฐฯ อาจถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่างตลาดสหรัฐฯ กับตลาดจีน
‘จีนพร้อมสู้ศึกการค้า’
รุ่งขึ้นวันอาทิตย์ ฝ่ายจีนประกาศผ่านเอกสารนโยบายว่า จีนจะไม่ประนีประนอมในประเด็นหลักการสำคัญหากสานต่อการเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ
การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังเจอทางตัน จีนกับสหรัฐฯ ต่างโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย สหรัฐฯ บอกว่า จีนกลับลำในประเด็นต่างๆ ที่เคยรับปากตกลงกันไปแล้ว ขณะที่จีนบอกว่า สหรัฐฯ เปลี่ยนข้อเรียกร้องไปเรื่อยๆ ในทำนองได้คืบเอาศอก
เอกสารนโยบาย หรือที่เรียกกันว่า white paper ของจีน ระบุว่า สงครามการค้าไม่ได้ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อย่างที่เป็นคำขวัญหาเสียงของทรัมป์ ตรงกันข้าม เศรษฐกิจอเมริกันจะเสียหายเอง เพราะต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ จะสูงขึ้น ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น เหล่านี้จะฉุดการเจริญเติบโตของสหรัฐฯ
ไวท์เปเปอร์ฉบับนี้ ระบุว่า จีนไม่ต้องการสงครามการค้า แต่จีนไม่กลัวที่จะทำสงครามนี้ และจะต่อสู้หากจำเป็น
‘อย่ายุ่งกับไต้หวัน’
ความมั่นคงเป็นอีกตัวแปรสำคัญในความบาดหมางระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในเวลานี้ เมื่อวันอาทิตย์ รัฐมนตรีกลาโหมของจีนบอกว่า จีนไม่หวั่นกลัวที่จะทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ พร้อมกับปรามวอชิงตันให้เลิกยุ่งเกี่ยวในประเด็นไต้หวัน
ในประเด็นการค้า รัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.เว่ยเฟิงเหอ ประกาศในวงประชุม แชงกรีลา ไดอะล็อก ที่สิงคโปร์ ว่า สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเริ่มข้อพิพาททางการค้า ถ้าสหรัฐฯ ต้องการเจรจา จีนพร้อมเปิดประตูต้อนรับ ถ้าสหรัฐฯ ต้องการทะเลาะเบาะแว้ง จีนก็พร้อม
เหตุที่นายพลจีนผู้นี้แต่งเครื่องแบบเต็มยศขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าบรรดารัฐมนตรีกลาโหมจากประเทศเอเชีย-แปซิฟิกด้วยท่าทีแบบเอาไงเอากันเช่นนี้ เป็นเพราะในระยะหลังสหรัฐฯ ได้เพิ่มบทบาททางทหารในเอเชียตะวันออก ด้วยการแล่นเรือผ่านช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นการแสดงความสนับสนุนต่อเขตปกครองอิสระที่ปักกิ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของจีนแห่งนี้ อีกทั้งยังแล่นเรือในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์
นายพลเว่ยบอกในเวทีซึ่งรักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แพทริก ชานาฮัน เข้าร่วมด้วย ว่า ปฏิบัติการทางทหารของจีนในเอเชียมีเป้าหมายเพื่อการป้องกันประเทศเท่านั้น แต่จีนจะไม่ลังเลที่จะตอบโต้หากว่าประเทศไหนโจมตีผลประโยชน์ของจีน ความพยายามที่จะแบ่งแยกประเทศจีนจะไม่มีวันสำเร็จ การแทรกแซงในปัญหาไต้หวันมีแต่จะล้มเหลว ถ้าใครกล้าแยกไต้หวันไปจากจีน กองทัพจีนก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากสู้รบ
ความเคลื่อนไหวและท่าทีของจีน ดูจะชัดและแรงพอที่สหรัฐฯ จะพินิจพิจารณาในการเดินแต้มคูกับจีนนับจากนี้ไป
สีจิ้นผิงกับโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 ที่ญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 28-29 มิถุนายน คอยดูกันว่า คนทั้งสองจะใช้โอกาสนี้พบหารือกันหรือไม่ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด และหวนกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง.
อ้างอิง:
AFP via Yahoo! News, 2 June 2019
ภาพ: REUTERS/Aly Song
Tags: สงครามการค้า, กำแพงภาษี, สีจิ้นผิง, หัวเว่ย, สหรัฐอเมริกา, โดนัลด์ ทรัมป์, จีน