ข้อมูลที่น่าตกใจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้สูงอายุกว่า 38.4% มีเงินออมน้อยกว่า 5 หมื่นบาท, 25.4% มีเงินออม 5 หมื่น-1 แสนบาท และ 24.6% มีเงินออมอยู่ในช่วง 1 แสน-4 แสนบาท โดยมีเพียง 11.4% เท่านั้นที่มีเงินออมเกิน 4 แสนบาทขึ้นไป
นั่นแปลว่า หากตัวเลขปัจจุบัน ผู้สูงอายุทั่วประเทศอยู่ที่ 13 ล้านคน มีผู้สูงอายุเพียง 1 ล้านคนเศษเท่านั้น ที่มีเงินออมเกิน 4 แสนบาท พอที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้
อย่างไรก็ตามที่น่ากังวลกว่านั้นคือ จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่วัยทำงานก็น้อยลงเรื่อยๆ ระบบสวัสดิการของประเทศจะต้อง ‘แบก’ หนักกว่านี้ เพราะยิ่งคนแก่มากเท่าไร ค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยผู้สูงอายุ ก็มากขึ้นตามไปด้วย หากผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลตัวเองได้
เป็นปัญหาโลกแตกที่ทุกประเทศต้องเผชิญ เสียแต่เพียงว่าประเทศนี้คนที่ ‘แก่ก่อนรวย’ อยู่ในก้อนใหญ่ และมีจำนวนมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
คำถามก็คือ ทำอย่างไรให้คนออมเงินมากขึ้นในวัยที่ยังออมได้ ทำอย่างไรให้คนประเทศนี้รู้จักเก็บเงินส่วนหนึ่งในช่วงเวลาที่ยังมีรายได้เพื่อออมไว้ใช้ยามเกษียณ
อันที่จริงรัฐมีโครงสร้างที่เรียกว่า ‘กองทุนการออมแห่งชาติ’ (กอช.) มานานเกินทศวรรษ โดยช่วยให้ประชาชนมีเงินออมในระยะยาว และรัฐช่วยสมทบเงินออมด้วย
อย่างไรก็ตามด้วยโครงสร้างที่กำหนดไว้ อาจยังไม่จูงใจให้มีผู้เข้าร่วม กอช.มากพอ โดยปัจจุบัน หากอายุต่ำกว่า 30 ปี รัฐสมทบอยู่ที่สูงสุดเพียง 600 บาทต่อปี อายุ 30-50 ปีขึ้นไป รัฐสมทบสูงสุดอยู่ที่ 960 บาทต่อปี ส่วนอายุ 50-60 ปี รัฐสมทบ 100% สูงสุด 1,200 บาทต่อปี
ผลตอบแทนที่ ‘ไม่หวือหวา’ ทำให้หลายคนที่พอมีเงิน เลือกที่จะไปลงทุนในกองทุนรวม หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล กระทั่งสลากออมสิน สลาก ธกส. ขณะที่อีกหลายคนที่รู้สึกไม่จูงใจ ก็เลือกที่จะไม่ออม ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต
ในอีกด้าน สลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นรัฐวิสาหกิจที่รายได้รวมมหาศาล แต่ละปีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้จากการจำหน่ายรวม 1.69 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีข้อมูลพบว่า ตลาดสลากกินแบ่งรัฐบาลมีเงินหมุนเวียนรวมต่อปีอยู่ที่ราว 1.4 แสนล้านบาท
ทั้งหมดยังไม่นับรวมหวยใต้ดิน หวยลาว หวยฮานอย พนันบอล พนันมวย พนันออนไลน์ พนันทุกอย่างเท่าที่จะพนันได้ หมุนเวียนรวมกันหลายแสนล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้ย่อมสะท้อนว่าคนไทยชอบเสี่ยงโชคมากเพียงใด
คำถามใหญ่จึงมี 2 คำถาม ทำอย่างไรให้ในวัยเกษียณ มีเงินออมมากพอที่จะใช้ชีวิตยามบั้นปลาย และคำถามคือจะดีกว่าไหม ให้เงินออม และการเสี่ยงโชคเป็นเรื่องเดียวกัน
คอนเซปต์ ‘หวยเกษียณ’ ออมได้ ได้ลุ้นด้วย จึงเกิดขึ้น ขยายฐานจาก ‘สลากกินแบ่งรัฐบาล’ มาเป็นนวัตกรรมใหม่ ให้คนในวัยทำงานได้ออม พร้อมกับลุ้นโชคไปด้วย โดยเริ่มต้นจากพรรคเพื่อไทย
อันที่จริงพรรคเพื่อไทยมีนโยบาย ‘หวยเกษียณ’ นับตั้งแต่เลือกตั้งใหญ่ปี 2562 เป็นเซอร์ไพรส์วันท้ายๆ ก่อนวันเลือกตั้ง และในครั้งเลือกตั้งใหญ่ 2566 นโยบายดังกล่าวก็ปัดฝุ่นขึ้นมาใหม่ โดยรอบนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี และคุมกระทรวงการคลังเอง ‘หวยเกษียณ’ จึงพร้อมเดินเครื่อง อยู่ในร่างคำแถลงนโยบายของทั้งนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน และนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร
จนในที่สุดคอนเซปต์ของหวยเกษียณก็เป็นรูปเป็นร่าง ผ่านการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อให้ กอช.มีหน้าที่ออกและจำหน่ายสลากออมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพ
ข้อที่น่าสนใจก็คือ ร่างแก้ไขกฎหมาย กอช.เปิดทางหวยเกษียณนั้นได้รับการขานรับเป็นอย่างดีจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นกฎหมายเพียงไม่กี่ฉบับที่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา เห็นตรงกันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
แน่นอนว่าหลักการที่ไม่มีใครแย้งได้คือ หวยเกษียณจะแก้ Pain Point เรื่องเงินออมคนไทย ให้คนไทยเข้าถึงการออมเงินได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น และที่สำคัญ หวยเกษียณต่างจากการเสี่ยงโชคหรือการพนันรูปแบบอื่น กล่าวคือ ‘เงินต้น’ ไม่ได้หายไปไหน และยิ่งออมเยอะ ก็ได้ลุ้นมากขึ้น
เมื่อหลักการเป็นเช่นนี้ ข้อสำคัญคือหลักปฏิบัติ รัฐบาลตั้งตัวเลข ‘รางวัล’ ไว้ที่เท่าไร ผู้ที่มีส่วนร่วมเป็นใครได้บ้าง และเมื่อครบกำหนด ผู้ที่เก็บออมผ่านหวยเกษียณจนอายุครบ 60 ปีแล้ว จะได้รับเงินออมพร้อมดอกผลอย่างไรให้จูงใจที่สุด
ติดตามตอนที่ 2 ในวันพรุ่งนี้
Tags: กองทุนการออมแห่งชาติ, เพื่อไทย, Branded Content, หวยเกษียณ