ฮอกไกโดถือได้ว่าเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน รวมถึงชาวไทย เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีอากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะในฤดูหนาว ที่เปลี่ยนสีสันของเมืองแห่งนี้ให้เต็มไปด้วยความสวยงามของหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา

ไม่ใช่แค่เรื่องราวของธรรมชาติงดงามยิ่งใหญ่ อาหารทะเลสดใหม่ และผลิตภัณฑ์จากนมเนย ที่ทำให้การท่องเที่ยวในฮอกไกโดเป็นที่พูดถึง แต่ที่นี่ยังมีเรื่องราวของประวัติศาสตร์และกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจ เพื่อเรียนรู้และสัมผัสเรื่องราวความเป็นฮอกไกโดที่มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

ภาพ: Courtesy of The Foundation for Ainu Culture

ไอนุ ชนเผ่าพื้นเมืองจากอดีตกาล

ฮอกไกโดเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวไอนุ มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ชาวไอนุมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก เช่น ภาษาไอนุที่เป็นคนละภาษากับญี่ปุ่น แต่กฎเกี่ยวกับลำดับของคำก็มีส่วนที่คล้ายกับภาษาญี่ปุ่น และส่วนที่แตกต่างในเชิงไวยากรณ์อยู่มากมาย, ความเชื่อด้านจิตวิญญาณที่เชื่อว่ามีวิญญาณสิงสถิตอยู่ในสรรพสิ่งของโลกธรรมชาติ, การร่ายรำแบบดั้งเดิมที่จะแสดงในเทศกาลหรือครัวเรือน หรือศิลปหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์และงดงาม

เรื่องราวของชนเผ่าไอนุจึงเสมือนเป็นรากฐานที่ทำให้เราเข้าใจฮอกไกโดได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถทำความรู้จักชนเผ่าพื้นเมืองแห่งอดีตนี้ได้ คือ อุโปะโปย (พิพิธภัณฑ์และสวนไอนุแห่งชาติ) เมืองชิราโออิ เมืองที่ตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งตอนกลางใต้ของฮอกไกโด และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับ ‘เนื้อวัว’ อย่างมาก

ภาพ: Courtesy of The Foundation for Ainu Culture

สัมผัสชีวิตชาวไอนุที่อุโปะโปย 

อุโปะโปย เป็นภาษาของไอนุ หมายถึงการร้องเพลงร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ โดยที่อุโปะโปยนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ ประกอบไปด้วยสถานที่น่าสนใจหลายจุด อาทิ พิพิธภัณฑ์ไอนุแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เพื่อถ่ายทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไอนุซึ่งเป็นชนพื้นเมืองให้กับผู้คนจำนวนมาก รวมถึงเชื่อมโยงวัฒนธรรมไอนุไปสู่อนาคต 

โดยภายในจะมีห้องนิทรรศการที่จัดในมุมมองของชนเผ่าไอนุและเล่าเรื่องราวในมุมมองของชนเผ่าไอนุ แบ่งเป็น 6 หัวข้อ ได้แก่ ‘ภาษาของเรา’ ‘โลกของเรา’ ‘การดำเนินชีวิตของเรา’ ‘ประวัติศาสตร์ของเรา’ ‘งานของเรา’ และ ‘การแลกเปลี่ยนของเรา’ รวมถึงห้องสมุด มิวเซียมช็อป หรือเธียเตอร์ที่นำเสนอวัฒนธรรมชาวไอนุแบบสั้นๆ 

สำหรับค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ราคาผู้ใหญ่ อายุ 19 ปีขึ้นไป 1,200 เยน (ประมาณ 300 บาท) ราคาเด็กมัธยมปลาย อายุ 16-18 ปี 600 เยน (ประมาณ 150 บาท) แต่หากเป็นเด็กเล็กจนถึงอายุ 15 ปี หรือต่ำกว่า สามารถเข้าได้ฟรี

ภาพ: Courtesy of The Foundation for Ainu Culture

นอกจากนี้ หน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอนุยังมีลานจิคิซานิ สามารถรับชมการร่ายรำและเสื้อผ้าดั้งเดิม เช่น การร่ายรำแบบดั้งเดิมของไอนุ และการแสดงของมุคคุริ (เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่ใช้ปากเป่า) ซึ่งยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พร้อมทั้งชมทิวทัศน์ของทะเลสาบโปโรโต พร้อมทั้งชมความสวยงามทิวทิศน์ของทะเลสาบโปโรโตได้ทั้ง 4 ฤดู

ภาพ: Courtesy of The Foundation for Ainu Culture

ที่อุโปะโปยยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ ชมการร่ายรำแบบดั้งเดิมและการแสดงของมุคคุริที่อาคารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เล่นเครื่องดนตรี ทำอาหาร และชมวิดีโอที่อาคารเรียนรู้ประสบการณ์ หรือชมสาธิตการประดิษฐ์หัตถกรรมพื้นเมืองโดยเจ้าหน้าที่ในอาคารเวิร์กช็อป ความน่าสนใจของที่อุโปะโปยนี้คือ เราสามารถเดินตามแผนที่ผ่านแต่ละอาคารเพื่อเข้าไปทำความรู้จักกับเรื่องราวต่างๆ ได้ โดยระหว่างทางจะเต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมายกว่า 40 ชนิด ที่ให้ความร่มรื่นและสวยงาม

ภาพ: Courtesy of The Foundation for Ainu Culture

ชิมอาหารดั้งเดิมสไตล์ชาวไอนุ

นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชาวไอนุที่สะท้อนผ่านวัฒนธรรมในแง่ต่างๆ หนึ่งสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือเรื่องราวของวัฒนธรรม ‘อาหาร’ ซึ่งที่อุโปะโปยก็มีร้านอาหาร ฟู้ดคอร์ท และคาเฟ่มากมาย สำหรับใครที่อยากลองกินอาหารต้นตำรับของชาวไอนุ ขอแนะนำร้านอาหารฮารุรันนะ (HARU RANNA) ที่เสิร์ฟอาหารแบบดั้งเดิมของชาวไอนุให้ได้ลองชิม โดยคำว่า ‘ฮารุรันนะ’ แปลว่า อาหารตกลงมาจากฟ้าแล้ว ซึ่งเป็นพิธีการเฉลิมฉลองแสดงความยินดีและดีใจที่มีอาหาร โดยชาวไอนุเชื่อว่าเวลามนุษย์รับประทานอาหารจะมีเทพเจ้าหรือที่เรียกว่า ‘คามุย’ มาด้วย สะท้อนความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณของชาวไอนุได้เป็นอย่างดี

ภายในร้านอาหารกว้างขวาง ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก และใช้สีแบบเอิร์ธโทน ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น โดยเฉพาะในหน้าหนาว เมนูแนะนำของที่นี่คือเนื้อกวางเอโสะ ที่มีอยู่เฉพาะในฮอกไกโด เสิร์ฟมาบนถาดไม้พร้อมผักสลัด หอมย่าง เนื้อกวางนุ่มและฉ่ำ ไม่มีกลิ่น 

นอกจากนี้ยังมีเมนูโจ๊กผสมข้าวต้มและซุปผัก มีกลิ่นนวลๆ ของธัญพืช เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ส่วนเมนูของหวานเป็นเค้กช็อกโกแลตและไอศกรีม ช็อกโกแลตเข้มข้น ไม่ขม หวานกำลังดี และไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีที่มีความเปรี้ยวก็ตัดกับความหวานได้พอดี นอกจากนี้ยังมีกาแฟที่เสิร์ฟมาในแก้วลวดลายของชาวไอนุ ที่จิบร้อนๆ สามารถเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี

ภาพ: Courtesy of The Foundation for Ainu Culture

เยี่ยมชม ‘โคะตัน’ หมู่บ้านไอนุโบราณ

อีกโซนของอุโปะโปยที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เรื่องราวของชาวไอนุได้ดีที่สุดคือโซน ‘โคะตัน’ หรือหมู่บ้านไอนุโบราณ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสร้างหมู่บ้าน ‘จิเสะ’ หรือที่อยู่อาศัยของไอนุขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์การดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม นอกจากเปิดให้ชมภายในห้องแล้ว ยังมีโปรแกรมที่อธิบายความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของไอนุอีกด้วย

บริเวณนี้จะมีบ้านโบราณชาวไอนุจำนวน 5 หลัง ซึ่งไฮไลต์จะอยู่ที่จิเสะหลังสุดท้าย โคะตันหรือหมู่บ้านไอนุในช่วงหน้าหนาวจะมีการจำลองการตากปลาแซลมอน วัตถุดิบที่สำคัญของชาวไอนุด้วย โดยการตากไว้จะทำให้ลมเย็นพัดเข้ามาทำให้ปลาแห้ง เป็นการถนอมอาหารของชาวไอนุ ส่วนรสสัมผัสของปลาแซลมอนจะคล้ายกับปลาหมึกแห้งที่ยิ่งเคี้ยวรสชาติยิ่งออก หรือจะใส่ในซุปเพิ่มรสชาติก็ได้

สำหรับบ้านสุดท้ายซึ่งเป็นหลังใหญ่ที่สุด สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเล่านิทานให้กับเด็กๆ โดยภายในบ้านมีการจำลองการอยู่อาศัยของชาวไอนุ เช่น บริเวณกลางบ้านที่ก่อเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและกองไฟเสมือนฮีตเตอร์จากธรรมชาติ มีชุดประจำของเผ่าไอนุ และอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวไอนุจัดแสดง

วิธีการเดินทางไปยังอุโปะโปยก็ไม่ยาก โดยหากโดยสารโดยเครื่องบินจากโตเกียวมายังสนามบินชินจิโตะเสะ (ซัปโปโร) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที หลังจากนั้นก็สามารถเดินทางต่อไปยังอุโปะโปยเพียง 40 นาทีเท่านั้น 

รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นภาษาไทย สามารถดูได้ทางเว็บไซต์ https://ainu-upopoy.jp/th/

เรียนรู้วัฒนธรรมผ่านกิจกรรมและการท่องเที่ยวรอบอุโปะโปย

ไม่ใช่แค่ที่อุโปะโปยเท่านั้นที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวไอนุ หรือได้สำรวจสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจในฮอกไกโด แต่บริเวณรอบข้างของอุโปะโปย ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมให้ได้ค้นพบอีกมากมาย ทั้งบริเวณโซนอุโปะโปยหรือโซนอะคัง สำหรับใครที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวไอนุให้มากขึ้น ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของฮอกไกโด ครอบคลุมตั้งแต่อุทยานอะคังไปจนถึงทะเลสาบมะชู ซึ่งแต่ละจุดก็มีความน่าสนใจต่างกันไป แต่ยังคงความงดงามและยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับฮอกไกโดอย่างครบถ้วน

 

สถานที่ท่องเที่ยวโซนอุโปะโปย

ทะเลสาบโทยะ 

ทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 110,000 ปีที่แล้ว ทำให้มีลักษณะเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบชิโคะทสึ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งบนเกาะฮอกไกโด  สามารถโดยสารรถยนต์จากสถานีซัปโปโรมายังทะเลสาบโทยะได้ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที

ที่ทะเลสาบโทยะมีการจัดงานแสดงดอกไม้ไฟทุกวัน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงช่วงเดือนตุลาคม 

รวมถึงกิจกรรมมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยม เช่น เดินเล่นชมทะเลสาบ, ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ, ล่องเรือชมทิวทัศน์, ตั้งแคมป์บริเวณทะเลสาบ และ เดินเล่นชมรอบเกาะนาคะจิมะ เกาะเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบโคยะ

นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ทะเลสาบโทยะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่งทั้งรีสอร์ท ที่พักตากอากาศ โรงแรมหรู โรงแรมทั่วไป เรียวคัง และจุดตั้งแคมป์ให้ได้เลือกพัก เช่น ภูเขาไฟอุซุ, ภูเขาโชวะ ชินซัง, สวนหมีโชวะ ชินซัง, จุดชมวิว Sailo Tembodai รวมถึงหมู่บ้านออนเซ็นที่นักท่องเที่ยวสามารถแช่ออนเซ็นพร้อมชมวิวหิมะตกได้ 

กระเช้าขึ้นเขาอุซุ ใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาที ปีที่แล้วมี terrace เปิดใหม่ สามารถจิบกาแฟพร้อมชมวิวภูเขาโยเท ภูเขาโชวะชินซัง และทะเลสาบโทยะได้ 

รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นภาษาไทย สามารถดูได้ทางเว็บไซต์ https://usuzan.hokkaido.jp/th

ภาพ: Ministry of the Environment

หุบเขานรกโนโบริเบ็ทสึ เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ ที่นี่สามารถชื่นชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้ และเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวในเขตโนโบริเบ็ทสึออนเซ็น

รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นภาษาไทย สามารถดูได้ทางเว็บไซต์ https://www.japan.travel/th/spot/2156/

ภาพ: Hoshino Resorts

โรงแรม Hoshino Resorts KAI Poroto โรงแรมตกแต่งภายในสไตล์ไอนุที่มีออนเซ็นให้บริการ จากโรงแรมเราสามารถชมวิวทะเลสาบโปโรโตได้ และยังอยู่ใกล้กับอุโปะโปย นอกจากนักท่องเที่ยวสามารถแช่ออนเซ็นเพื่อคลายเหนื่อยได้ ยังสามารถชิมอาหารเลิศรสที่ใช้วัตถุดิบจากฮอกไกโดได้ด้วย 

หรือหากใครที่ชื่นชอบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม ที่โรงแรมก็มีกิจกรรมที่เรียกว่า KAI Cultural Discovery ให้แขกที่เข้าพักได้ทดลองทำเครื่องราง Sachet Amulet Workshop ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวไอนุที่เชื่อว่าจะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย

รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ทางเว็บไซต์ https://hoshinoresorts.com/en/hotels/kaiporoto/ และ https://hoshinoresorts.com/en/hotels/kaiporoto/activities/10747/

 

เสริมสถานที่ท่องเที่ยวโซนอะคัง สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไอนุเพิ่มเติม

ทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบที่อยู่ในส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอะคัง แหล่งของมาริโมะ หรือสาหร่ายก้อนกลม เป็นทะเลสาบน้ำตื้นที่จะกลายเป็นผืนน้ำแข็งทั้งหมดในช่วงฤดูหนาว ทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงในทุกฤดูกาลเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงตลอดทั้งปี

Anytime, Ainutime โปรแกรมทัวร์ที่พาเที่ยวโดยไกด์ชาวไอนุ สามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวไอนุผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินเล่นในธรรมชาติ ทำสินค้าหัตถการ และการแกะสลักไม้ได้

รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ https://en.anytimeainutime.jp/

หมู่บ้านไอนุเมืองอะคัง เป็นสถานที่ที่ชาวไอนุเคยอาศัยอยู่ โดยตั้งอยู่ใจกลางเมืองออนเซ็นอะคัง ใกล้ทะเลสาบอะคัง เราสามารถไปสัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวไอนุผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การร่ายรำแบบดั้งเดิม การทำศิลปหัตถการ นอกจากนี้สามารถซื้อของหัตถการและของฝากที่หลากหลายได้

รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ https://www.akanainu.jp/en/

ภาพ: ©MOMENT FACTORY

KAMUY LUMINA สถานที่เดินเล่นยามค่ำคืนพร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ โดยภายในอุทยานแห่งนี้จะมีเส้นทางเดิน 1.2 กิโลเมตร สู่ดินแดนแห่งเทพเจ้าไอนุ พร้อมดื่มด่ำทางอารมณ์ผ่านการโต้ตอบ แสง สี เสียง ทัศนียภาพ และการฉายวิดีทัศน์

หากใครสนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในฮอกไกโดเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมชาวไอนุและสถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบ สามารถรับชมวีดิโอทัวร์ออนไลน์ได้ที่คลิปนี้

บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)

Tags: , , , , ,