‘วัยสร้างสรรค์ วัยแห่งการออกไปใช้ชีวิต’ ปัจจุบันคำเหล่านี้ถือเป็นนิยามของคนรุ่นใหม่ หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วัยรุ่นไฟแรงทั้งหลาย เริ่มค้นหาตัวตนและออกแบบชีวิตให้นอกกรอบ โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่เทรนด์การเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว เริ่มทำสตาร์ทอัพเป็นของตัวเองด้วยการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่นมาพัฒนาให้สร้างสรรค์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ดังนั้น รถยนต์ในฐานะเพื่อนร่วมทางคนสำคัญที่จะพาเราออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ จึงต้องทั้ง ‘ดีและตอบโจทย์การใช้งาน’ แบบ Honda City Hatchback e:HEV ด้วยระบบขับเคลื่อน Full Hybrid ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน

โดยหากพูดถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ รถคันนี้มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน Full Hybrid เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร และมีอัตราประหยัดน้ำมัน 27.0 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งยังรับประกันแบตเตอรี่ตลอด 10 ปี สำหรับรถรุ่น e:HEV 

ในส่วนความสะดวกสบายในการใช้งานนั้น Honda City Hatchback e:HEV ก็มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางด้วยการออกแบบให้สอดคล้องกับสรีระและท่านั่งที่สบาย ที่สำคัญคือเบาะนั่งและ Cargo Space ที่ดีไซน์ให้สามารถปรับแต่งได้ โดยผู้ใช้งานสามารถปรับได้ถึง 4 รูปแบบ (Utility Mode เบาะหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง, Long Mode เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว, Tall Mode เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง และ Refresh Mode เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายที่สะดวกสบาย) ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน

ความปลอดภัยก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจ ด้วยระบบ Honda SENSING ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่ทำงานผ่านกล้องด้านหน้ารถ เพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนคนขับ และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟังก์ชันต่างๆ ได้แก่

1. ระบบเตือนการชนและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

2. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control ACC )

3. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

4. ระบบเตือน และช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

5. ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ภายในติดตั้ง ISOFIX & Child Anchor จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็กเล็ก และกล้อง Multi-Angle Rear Camera ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย 

ด้านการใช้งานก็มี Vehicle Stability Assistance (VSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยควบคุมตัวรถเมื่อต้องเบรกกระทันหัน และ Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ที่สำคัญคือมี ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง (ถุงลมคู่หน้า Dual SRS, ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags)

แน่นอนว่าการตกแต่งภายนอกก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Honda City Hatchback e:HEV มาพร้อมกับชุดแต่งสปอร์ตสไตล์ RS รอบคัน ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟตัดหมอก พร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ส่วนด้านหลังมีการติดแผงครอบกันรอยในห้องสัมภาระ สามารถขนของได้อย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้คือการดีไซน์ยกระดับให้รถดูสปอร์ตโดดเด่นแต่ก็ยังสอดคล้องกับทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ที่ขาดไม่ได้คือบริการหลังการขาย ที่ทาง Honda ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจได้ว่าในทุกการเดินทางของคุณ ฮอนด้าพร้อมดูแลอยู่เสมอ โดยบริการหลังการขายนั้นก็มีหลากหลายเช่น บริการ Quick Service ที่สามารถนำรถยนต์ เข้าเช็กระยะทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และสามารถรอรับรถกลับได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 60 90 และ 120 นาที, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (สำหรับเจ้าของรถยนต์ใหม่ ในระยะเวลา 3 ปี) รวมไปถึงบริการ Drop & Go อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการนำรถเข้าศูนย์บริการ โดยลูกค้าสามารถนัดหมายล่วงหน้าและสามารถอัปเดตสถานะการเข้ารับบริการผ่านมือถือ ทำให้การเข้ารับบริการสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้คือความพิถีพิถันที่ทาง Honda ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผ่านรถยนต์ Honda City Hatchback e:HEV ที่จะพาไปทำทุกกิจกรรมได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสู่อนาคตอย่างมั่นใจ

Tags: , , , ,