มันอาจเป็นการตอบโต้จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกดทับมาตั้งแต่นมเพิ่งตั้งเต้า โดยครอบครัว โดยครูบาอาจารย์ โดยผู้ชายที่เอาด้วย โดยเมียของผู้ชายที่เอาด้วย โดยหมัดหรือแรงกระทืบของคนเคยรักกัน ฯลฯ มันอาจเป็นเช่นนั้น ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดดูจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างยิ่ง และเผอิญเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่อินกับสังคมการเมืองควบคู่ไปกับการเสพรับความโหยหา โดยวิธีเล่าเรื่อง Black Cherry จึงมีรสชาติสมชื่อ หวานเข้มหลอนลิ้น มันอาจเป็นลูกที่สุกจัดจนแทบรู้สึกถึงรสแอลกอฮอล์ แต่ขณะเดียวกันเนื้อหนังของมันก็แน่นหนึบท้าทายลิ้นและฟัน ไม่ได้แค่เอาไว้กินเล่นๆ 

ผู้เล่าดูจะเปียกปอนอยู่เกือบทั้งเล่ม ถ้าไม่ฝนตกก็เป็นตรงนั้นที่ฉ่ำแฉะ สารภาพว่าระหว่างอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเราไม่อาจสลัดภาพของ ลูกแก้ว โชติรส ผู้เขียน ออกจากหัวได้เลย (ขอโทษลูกแก้ว) ในบางเรื่องคล้ายจะเห็นโชติรสนอนตะแคงส่งสายตาอยู่ตรงหน้า และเราก็ได้แต่คิดในใจว่าแม่เจ้าโว้ย ทำไมมันแซบแบบนี้ นังตัวดี 

สิ่งที่เราได้รับโดยตรงจากการอ่านงานของเธอคือ ลูกแก้วซื่อสัตย์กับตัวเองมากพอที่จะไม่พยายามสร้างตัวละครแบบอื่นขึ้นมาเล่าปากคำหรือความนึกคิดของตนเอง ไม่พยายามฉีกคาแรกเตอร์บางอย่างเพื่อนำผู้อ่านไปสู่ผู้หญิงแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่เธอ แน่นอนว่าโดยรูปแบบแล้วมันสามารถเป็นเรื่องแต่ง เรื่องจริง ความเรียง หรืออะไรก็ได้ แต่ลูกแก้วเลือกเล่าอย่างเป็นธรรมชาติ เคลือบชั้น แต่งเติม แต่เพียงบางๆ บางเรื่องคล้ายเป็นแถลงการณ์จุดยืนของเธอที่มีต่อเซ็กซ์และสังคมด้วยซ้ำ 

จุดยืนที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าพื้นที่อันคับแคบนี้มันกดทับแรงเงี่ยนอันเป็นสามัญของมนุษย์อย่างไรบ้าง แล้วหนำซ้ำสังคมชายเป็นใหญ่ยังทำให้ผู้หญิงเป็นเหยื่อของศีลธรรมเหล่านี้ได้ง่ายดายกว่า อาจมีเถรตรงไปบ้างในบางบทบางตอน จนทำให้ไม่แน่ใจว่ามันจะสื่อสารไปถึงคนหมู่มากในห้วงแห่งศีลธรรมได้มากน้อยแค่ไหน หรือเพียงแต่เป็นการชักชวนให้คนที่มีความคิดคล้ายๆ กันอยู่แล้ว พยักหน้าหงึกหงักไปด้วยกันอย่างสาแก่ใจแล้วก็จบกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั่น นั่นก็ไม่ได้ทำให้รสชาติของเชอร์รี่ลูกนี้เฝื่อนลงไปมากมาย 

ทั้งหมดในเล่มไม่ใช่ประสบการณ์ตรง 100% แน่ๆ หากแต่มันเซ็กซี่ที่การยั่วล้อระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งที่ลูกแก้วเองหยิบมาเล่นกับบางเรื่องในเล่ม หญิงสาวผู้เล่าในแต่ละเรื่อง บางทีคล้ายจะเป็นคนเดียวกันอย่างหมดจด แต่ผู้เล่าในบางเรื่องก็ดูจะพยศน้อยหน่อย บางเรื่องก็ดูเปราะบางเหลือเกิน บางเรื่องก็เป็นนังตัวดีที่อยากจับมาหยิกแล้วต่อด้วยกอดแรงๆ แต่นั่นแหละ ลูกแก้วถ่ายทอดมิติต่างๆ ในคนคนหนึ่งออกมาได้อย่างงดงามและทั้งหมดกลายเป็นนิยามของคำว่า ‘มนุษย์’ คำที่เธอไม่เหนื่อยจะอธิบาย หากได้สนทนากับผู้ชายที่ทั้งตลก กวนตีน ฉลาด มองคนเป็นคน หรือมีสักสองข้อที่ว่ามาอยู่ในตัวเอง

และขณะที่เซ็กซ์เป็นจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ ลูกแก้วก็ไม่ได้ให้เซ็กซ์เป็นกุญแจล้ำค่าของความสัมพันธ์ ไม่ได้โรแมนติไซส์มันจนหยาดเยิ้ม เธอทำให้มันสามัญอย่างที่มันเป็น มีสุขสมแทบสำลักบ้าง จืดชืดบ้าง ตื่นเต้นบ้าง ห่วยแตกบ้าง ฯลฯ แต่ในทุกๆ ฉากเซ็กซ์ สิ่งที่เรารู้สึกถึงอย่างชัดเจนคือ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ จะว่าระหว่างหญิง-ชาย ก็ไม่เชิง แต่หมายถึงระหว่างเธอคนที่มีลักษณะอย่างนี้ๆๆ กับเขาเหล่านั้นที่มีลักษณะนั้นๆ มากกว่า เราจึงสนุกกับการได้เห็นผู้เล่าเรื่องของลูกแก้วเป็นผู้คุมเกมโดยตรงบ้างหรือสลับไปเป็นผู้เล่นตามเกมบ้าง ตอบรับอย่างกระเหี้ยนกระหือรือบ้าง ปฏิเสธบ้าง และที่สุดแล้วมันจะเป็นเซ็กซ์ที่ชวนจดจำเสมอเมื่อทั้งคู่สื่อสารกันอย่างตรงจุดมากพอ ส่วนจะสื่อสารอย่างไรนั้นก็คงแล้วแต่ชั้นเชิงของคนทั้งคู่

ไม่ว่าใครจะตีความหนังสือเล่มนี้เป็นเฟมินิสต์หรือไม่ หรือว่าเป็นในระดับไหน เราคงไม่บังอาจแตะต้องเรื่องนั้น เราเคารพในการเสนอภาพตัวละครเพศชายทั้งหลายของเธอ เธอไม่ได้หยิบผู้ชายมาปั่นหัวเล่น หรือเหยียบด้วยส้นเข็มให้ป่นปี้แล้วถุยน้ำลายรด เธอเห็นคนเป็นคนอย่างที่ตัวละครหนึ่งเชื่อมั่น เพียงแต่คนเราก็คงมีที่ห่วยมากห่วยน้อยต่างกันออกไป และเธอผู้เล่าก็เล่ามันออกมาอย่างเท่าที่ได้สัมผัส ผู้ชายไม่ได้ถูกจัดให้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตขี้เอา พวกเขายังได้รับอนุญาตให้มีมิติอื่นๆ ในเรื่องเล่า บางคนถูกโหยหาแทบตายด้วยซ้ำ ขณะที่บางคนปรากฏตัวขึ้นมาเพียงเพื่อจะเสียวซ่านแล้วก็หายไปจากเรื่องเล่า 

ผู้ชายบางคนอ่านเล่มนี้จบแล้วอาจรู้สึกวูบวาบ ไม่ใช่เพียงเพราะถูกกระตุ้นเร้า แต่เป็นเพราะถูกหยิบเอาก้อนความรู้สึกหรือความทรงจำบางชิ้นออกมาขยี้เล่น ใช่ว่าผู้ขยี้ไม่เจ็บไม่ปวดไม่รู้สึกรู้สา แต่เธอยอมแลกกันอย่างแฟร์ๆ ใครเจ็บก็คงต้องเจ็บไปพร้อมๆ กันกับเธอผู้เล่าในเรื่องนั้นๆ ด้วย 

และในฐานะผู้อ่านเพศหญิง เราก็ได้ถือโอกาสทบทวนความรู้สึก ความสัมพันธ์ (ทั้งในเชิงโรแมนติกและเชิงอำนาจ) จนถึงมุมมองต่อเซ็กซ์ของตัวเองไปพร้อมๆ กัน การชะโงกหน้าเข้าไปในเรื่องเล่าส่วนตัวของลูกแก้ว ทำให้ไม่เพียงแต่ได้เห็นฉากร่วมรักชวนหวามไหวที่จัดเต็มมาให้ในสองสามเรื่องแรก จากนั้นเธอพาเราท่องเข้าไปในประเด็นยิบย่อยต่างๆ ที่ชวนหยิบไปคิดต่ออีกหลายต่อหลายข้อ

“ฉันไม่เคยมีปัญหากับความเป็นเมียน้อย เมียเก็บ กิ๊ก มือที่สาม หรืออะไรก็ตามทำนองนั้น ไม่เคยมีปัญหาแม้ตอนที่ยังไม่รู้จักคำว่าเฟมินิสต์ สิทธิ ทางเลือก เรือนร่าง โมโนกามี หรือโพลีกามีก็ตาม ฉันยืดมั่นถือมั่นกับ ‘ความรัก’ มากกว่าทุกคำข้างบนนั้น” 

ท่อนนี้หยิบมาจากเรื่อง ‘เมียน้อย’ มันเกือบจะจริงใจและไม่จริงใจในเวลาเดียวกัน ด้วยการบอกว่าตัวเองยังคงเลือกทางเหล่านั้นโดยตระหนักรู้ถึงความลิเบอรัลของมันแหละ แต่เธอก็ไม่ได้แคร์มันสักหน่อย เธอทำมัน before it was cool ด้วยซ้ำ นี่เป็นอีกหนึ่งความนังตัวดี (ชม) ของลูกแก้วที่เราพบเห็นได้เกือบตลอดทั้งเรื่อง

กฎ 4 ข้อของเธอที่ใส่มาตั้งแต่ในเรื่องต้นๆ นั้นน่าสนใจ มันว่าด้วยเซ็กซ์ที่ประกอบไปด้วยความเงี่ยนของเธอ ความเงี่ยนของเขา ความสมยอมผ่านการทวนถามซ้ำ และความปลอดภัย มันคือภาพเดียวกันกับเซ็กซ์ที่พึงจะถูกเรียกว่าเป็นสไตล์คนรุ่นใหม่ กรอบเก่าๆ อย่างศีลธรรม จรรยาบรรณ ผัวเดียวเมียเดียว ฯลฯ ถูกผลักออกไปไกลตัว แต่ผู้เล่าก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นก็ยังไม่วายแผ่รังสีมากระทบทิ่มแทง แม้เธอจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แคร์กรอบเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว นั่นเพราะที่สุดเธอยังคงอยู่ในสังคมและยุคสมัยที่ชุดความคิดเก่าๆ ยังฝังรากลึก นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราต่างเผชิญอยู่พร้อมกัน 

และเลยพ้นไปจากกฎ 4 ข้อนี้ ก็ยังมีอีกด่านคือความสุขสม ลูกแก้วเสนอให้เห็นว่าการทำให้อีกฝ่ายสุขสมได้ไม่ควรต้องเป็นจุดหมายปลายทางหรือความภาคภูมิใจของใครเลย การได้แสดงว่าสุขสมก็ไม่ได้เป็นความภาคภูมิใจของใครเช่นกัน และเซ็กซ์ที่ไม่น่าจดจำนั้นก็ไม่ได้เป็นผลผลิตของฝ่ายที่กระหายการเป็นผู้พิชิต แต่มันยังเป็นผลผลิตของฝ่ายที่ปล่อยให้ศีลธรรมหรือความเหนียมอายอุดปากตัวเองด้วย 

“จุดสุดยอดยังเป็นเรื่องลึกลับของประเทศศีลธรรมสูงส่งต่อไป” เราถูกใจประโยคนี้ของลูกแก้วเสียจนคิดว่าต้องหยิบมาให้ใครต่อใครได้อ่าน

และหากเซ็กซ์คือการเดินทาง การเคยเอากับคนห่วยๆ หรือเห็นแก่ตัว ไม่ได้หมายถึงทางตัน หรือเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตอันพังทลายที่ต้องซ่อนมันไว้ให้มิดที่สุด ลูกแก้วอนุญาตให้ตัวละครของเธอเล่ามันออกมาอย่างหมดเปลือก แล้วก็เดินทางต่อเพราะเสพติดการถูกโหยหาแทบคลั่งไปเสียแล้ว การเปิดเปลือยของเธอจึงอาจเป็นไกด์ไลน์ให้ใครอีกหลายคนที่อาจอยากลองออกเดินทางผ่านเซ็กซ์บ้าง 

ท้ายที่สุด ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือบทตอนที่ลูกแก้วพาเรื่องเล่าของตัวเองไปข้องแวะกับการเมืองการปกครอง มันโผล่มาอย่างโจ่งแจ้ง ในหนังสือที่เขาคนนั้นมอบให้ในวันเลิกรา หรือการยื่นคำมั่นว่าจะไม่เอากันอีกจนกว่าประเทศจะมีประชาธิปไตย ฯลฯ นี่ได้กลายเป็นอีกจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ ที่แง่หนึ่งมันดูโผล่มาอย่างอิหลักอิเหลื่อ แต่อีกแง่หนึ่งก็ทำให้ตัวผู้เล่าเป็นจริงยิ่งขึ้น การที่สังคมมองเห็นผู้หญิงที่ชัดเจนกับความเงี่ยนของตัวเอง อาจทำให้ใครบางคนตัดสินและจดจำเธอไปแต่เพียงแง่นั้น แต่ผู้หญิงคนเดียวกันนี้เองได้ประกาศความโกรธเกรี้ยวต่อการเมืองเน่าๆ ของบ้านนี้เมืองนี้ ความอึดอัดคับข้องใจต่อเพศชายที่อยู่ในแทบทุกเฉดการเมือง ขณะเดียวกันเธอก็พร้อมจะเปิดเผยช่วงเวลาที่อ่อนแอบ้าง อยากเป็นแมวบ้าง หรืออาจโหยหาความสัมพันธ์ระยะยาวที่ไม่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าจะแง่มุมไหนก็ตาม ทั้งหมดคือตัวเธอ และเธอไม่ปฏิเสธมันเลยสักข้อเดียว