สำนักพิมพ์เอดิซิยองส์ ดิดิเยร์ มิลเยต์ หรือ อีดีเอ็ม บุ๊คส์ เปิดตัวหนังสือ ‘Anand Panyarachun and the Making of Modern Thailand’ หนังสือชีวประวัติอานันท์ ปันยารชุน ในฐานะบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย เขาเป็นทั้งนักการทูต ผู้นำธุรกิจ นายกรัฐมนตรี และนักเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ โดมินิค ฟอลเดอร์ นักหนังสือพิมพ์ซึ่งเล่าย้อนเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของอานันท์ตั้งแต่ช่วงชีวิตในวัยเด็กในกรุงเทพฯ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปจนถึงการสิ้นสุดลงของอาชีพข้าราชการการทูต จนมาถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแบบเหนือความคาดหมายที่มาจากการแต่งตั้งสองสมัย เขายังมีบทบาทในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 รวมถึงเหตุการณ์สำคัญอื่นอีกมากมาย

ฟอลเดอร์ ใช้เวลาค้นคว้าข้อมูลวิจัยเชิงลึกเป็นเวลายาวนานถึง 6 ปี ผ่านการสัมภาษณ์บุคคลทั้งจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ต่างๆ และบุคคลที่เคยพบปะหรือทำงานใกล้ชิดกับอานันท์ เช่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เอส อาร์ นาธาน อดีตประธานาธิบดีของสิงคโปร์ผู้ล่วงลับ สุลักษณ์  ศิวรักษ์ นักวิจารณ์สังคม ยสุรี จุติกุล นักต่อสู้เพื่อสิทธิเด็กและสตรี อัมมาร สยามวาลา นักเศรษฐศาสตร์ อำนวย วีรวรรณ เสนาะ อูนากูล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา และปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน

ด้วยความที่อานันท์ ปันยารชุน ทำงานสำคัญในหลากหลายแวดวง หนังสือรวมชีวประวัติเล่มนี้จึงไม่เพียงเล่าถึงชีวิตของคนคนหนึ่ง แต่ยังย้อนรอยประวัติศาสตร์การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ของประเทศไทยและภูมิภาคด้วย เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามและการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากภูมิภาค ความสัมพันธ์ไทย-จีน และสถานการณ์ยุ่งเหยิงทางการเมืองของไทย ในหนังสือยังรวมถึงข้อคิดจากประวัติศาสตร์ที่อาจสะท้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน โดยการกล่าวถึงปัญหาที่เป็นความท้าทายทางการเมืองและสังคม ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันด้วย

หนังสือเล่มนี้สอดแทรกเรื่องเล่าจากความทรงจำของนายอานันท์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตั้งแต่ชีวิตนักศึกษาหลังสงครามในประเทศอังกฤษ ไปจนถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยสองสมัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคิดของบุคคลที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน

ตัวอย่างบางตอนจากหนังสือ เช่น

“จากนั้นนายอานันท์ได้วางเงื่อนไขในการทำงานกับคณะทหาร 3 ข้อ ซึ่งจะต้องยึดถือกันตลอดช่วงเวลาของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอานันท์ ‘ข้อหนึ่ง อะไรที่ผมทำในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมจะพยายามอธิบายให้คุณฟัง ข้อสอง ผมจะไม่แทงคุณข้างหลัง และผมก็คาดหวังว่าคุณจะไม่แทงผมข้างหลังเช่นกัน และข้อสาม ผมคือนายกรัฐมนตรี”

ผมไม่คิดว่าพวกเขาเคยพบใครที่เหมือนกับผมมาก่อน” นายอานันท์รำลึกถึงวันที่ถูกผู้นำคณะรัฐประหารเชิญไปพบ นี่คืออดีตข้าราชการประจำที่กลายมาเป็นนักธุรกิจซึ่งขณะนั้นอยู่ในชุดสูท กำลังเผชิญหน้ากับเหล่า     นายพลที่สวมเครื่องแบบทหารเรียบกริบ และประกาศเจตนารมณ์ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และจะเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” – จากบทที่ 9 หัวข้อ A Tale of Two Coups (1991)

“เราไม่ใช้สติตระหนักถึงความหลากหลายของประเทศเราเอง คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ของตัวเองว่าเมื่อ 800 ปีก่อน เราก็เหมือนกับรัฐมหาราชาที่มีเจ้าปกครองแยกกันเป็นแคว้นๆ แบบในอิตาลีหรือเยอรมันในตอนนั้น เราไม่มีราชอาณาจักรสยาม แต่อยู่ๆ เรากลับมาหมกมุ่นอยู่กับมโนทัศน์ผิดๆ เกี่ยวกับความเป็นไทย และความเป็นประเทศไทยในฐานะรัฐเดี่ยวแบบที่ไม่มีความหลากหลาย ความหมกมุ่นแบบนี้ ผมเห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของราชอาณาจักร” – จากบทที่ 20 หัวข้อ Representing Thailand

หนังสือเล่มนี้ มีความยาว 608 หน้า ราคาเล่มละ 1,250 บาท จะมีกำหนดเปิดตัวหนังสืออย่างเป็นทางการ ในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561

สำหรับโดมินิค ฟอลเดอร์ เป็นผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการซึ่งทำงานประจำอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1980 เคยทำงานให้กับหนังสือและสำนักข่าวหลายแห่ง เช่น เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษให้กับนิตยสารรายสัปดาห์เอเชียวีคของฮ่องกง ทำข่าวในพม่าและกัมพูชาในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 และเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์นิคเกอิ เอเชียน รีวิว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557

 

 

Tags: ,