เมื่อคืนนี้ (14 มีนาคม 2023) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาผ่านมติที่อาจนำไปสู่การแบน TikTok ถาวรทั่วประเทศ ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ คือ ByteDance บริษัทสัญชาติจีน ต้องเลือกขายหุ้นของบริษัทแอปพลิเคชันดังกล่าวภายใน 165 วัน หรือ 6 เดือน ซึ่งมีที่มาจากความบาดหมางเรื่องความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ByteDance เป็นบริษัทแม่ของ TikTok มีผู้ก่อตั้งคือ โจว โซ่จือ (Shou Zi Chew) นักธุรกิจชาวจีน โดยมีบริษัทระดับโลกร่วมลงทุนถึง 60% ไม่ว่าจะเป็น Blackrock, General Atlantic และ Susquehanna ขณะที่ 20% ที่เหลือคือพนักงานทั่วไปซึ่งเป็นชาวอเมริกันราว 7,000 คน

เบื้องต้น การลงคะแนนมติดังกล่าวได้รับชัยชนะถล่มทลายที่ 352 ต่อ 65 เสียง ขณะที่สถานการณ์ในวุฒิสภายังไม่แน่นอน และคาดว่าอาจมีผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป ท่ามกลางกระแสกดดันจากสภาผู้แทนราษฎร 

“นี่คือวิกฤตความมั่นคงของชาติ วุฒิสภาต้องดำเนินการต่อ และผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ดังกล่าวให้ได้” 

สตีฟ สกาลิส (Steve Scalise) ส.ส.พรรครีพับลิกัน (Republican) กล่าว ขณะที่ แครีน ฌอง ปิแอร์ (Karine Jean-Pierre) โฆษกประจำทำเนียบขาว ย้ำว่า โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เห็นดีกับกระบวนการโหวตของวุฒิสภา

ทั้งนี้ หากร่างกฎหมายผ่านและ ByteDance ไม่ทำตามเงื่อนไข คือขายหุ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด สหรัฐฯ จะดำเนินการแบน TikTok ทั้งประเทศ ผ่านการดาวน์โหลดทาง App Store ในระบบไอโอเอส (iOS) และ Google Play ในระบบแอนดรอยด์ (Android)

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐฯ (The treasury-led Committee on Foreign Investment in the United States: CFIUS) เคยมีคำสั่งให้ ByteDance ขายหุ้น TikTok ในปี 2023 ทว่าไร้ความคืบหน้าแต่อย่างใด

ท่าทีของ CEO และทางการจีนถึงการแบน TikTok

โจว โซ่จือ ซีอีโอของ TikTok แสดงความรู้สึกผิดหวังหลังได้รับข่าวคราวการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยระบุว่า การสั่งห้ามแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีนัยสำคัญว่าด้วยวิกฤต ‘เงินไหลออกกระเป๋า’ ของนักธุรกิจและธุรกิจระดับย่อย รวมถึงการตกงานของชาวอเมริกัน

นอกจากนี้ ซีอีโอชาวสิงคโปร์ยังเผยอีกว่า เขาจะหาทางแก้ไขปัญหาด้วยทุกวิธีการเท่าที่จะทำได้ พร้อมการตอบโต้ทางกฎหมายเพื่อไม่ให้รัฐบาลดำเนินการได้สำเร็จ ก่อนจะย้ำต่อว่า TikTok มีนโยบายป้องกันความปลอดภัย และไร้การแทรกแซงจากภายนอก

ก่อนหน้านี้ โจว โซ่จือออกมาเน้นย้ำในปี 2023 ว่า ByteDance ไม่ใช่หน่วยงานลับของจีนหรือชาติใดชาติหนึ่งในโลก ต่อคณะกรรมธิการรัฐสภาที่กำลังสอบสวนหาข้อเท็จจริงกับประเด็นความมั่นคงจากบริษัทของเขา

อ้างอิงข้อมูลจากบลูมเบิร์ก (Bloomberg) โจวเป็นคนสิงคโปร์ ขณะที่กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำการที่สหรัฐฯ ส่วนฝ่ายที่ดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยอยู่ที่ไอร์แลนด์ และฝ่ายที่ควบคุมเนื้อหาล่อแหลม ย้ายไปอยู่ที่เท็กซัสกับบริษัทออราเคิล (Oracle) 

ขณะเดียวกัน ฟากรัฐบาลจีนตอบโต้ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย หวัง เหวินปิน (Wang Wenbin) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตำหนิว่า นี่คือการ ‘ข่มเหง’ จีน และสหรัฐฯ มักเอาเปรียบชาติอื่นในการแข่งขัน

หวัง เหวินปินเสริมต่อว่า แม้สหรัฐฯ จะไม่เคยเจอหลักฐานอย่างแน่ชัดว่า TikTok กระทบต่อความมั่นคงของชาติ แต่ก็ยังไม่หยุดระรานการมีอยู่ของแอปพลิเคชันนี้สักครั้ง ทั้งที่การกระทำเช่นนั้นอาจบั่นทอนเศรษฐกิจโลกและสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ลงทุน สุดท้ายกรรมจะตามสนองสหรัฐฯ เสียเอง

ปฏิกิริยาเดือดดาลเช่นนี้ ก็เกิดขึ้นในโลกโซเชียลฯ ของจีน เมื่อคำว่า TikTok ติดเทรนด์บนเว่ยป๋อ (Weibo) พร้อมกับข้อความว่า ‘TikTok เริ่มสู้กลับ’ โดยมียอดชมถึง 80 ล้านวิว ผู้ใช้ส่วนใหญ่แสดงพลังสนับสนุนแอปพลิเคชัน รวมถึงด่าทอสหรัฐฯ ว่า ‘เสแสร้งหลอกลวง’ และกำลังจะขโมย TikTok ไปจากพวกเขา

เบื้องหลังการแบน TikTok: ปัญหาความมั่นคง ภัยคุกคามโดยจีน และสุขภาพจิตวัยรุ่นภายใต้ ‘สำนึกความเปราะบางของสหรัฐฯ’ ในฐานะมหาอำนาจโลก

นี่ไม่ใช่การแบน มันคือการสร้างทางเลือกให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนหลีกทางออกไป หาก ByteDance ไม่ได้ควบคุม TikTok องค์กรจะยังดำเนินต่อไป โดยที่โครงสร้างพื้นฐานในการจัดการจะต้องเปลี่ยนแปลง”

นี่คือคำพูดของ ไมค์ กัลลาเกอร์ (Mike Gallagher) ส.ส.มลรัฐวิสคอนซิน (Wisconsin) พรรครีพับลิกกัน ที่แสดงให้เห็นว่า หลักใหญ่ใจความการแบน TikTok มาจากประเด็นความมั่นคงระหว่างจีน ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่เรื่องที่ทั้งฝ่ายเดโมแครตกับรีพับลิกันเห็นตรงกัน 

ข้อสังเกตสำคัญคือ ประเด็นความมั่นคงจากแอปพลิเคชัน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยคาดคิด จากเดิมที่การห่ำหั่นของสหรัฐฯ กับจีนมักเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและความมั่นคงดั้งเดิม (Traditional Security) ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องการทหารและการแผ่แสนยานุภาพในโลกระหว่างประเทศ เช่น ข้อกล่าวหาจีนจารกรรมข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ หรือเทคโนโลยีทางการทหารเครื่องบิน F-35 บอลลูนสอดแนมบนท้องฟ้า หรือแม้แต่สงครามการค้าก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ความกังวลของสหรัฐฯ ต่อ TikTok เกิดขึ้นเพราะทางการจีนขอการเข้าถึงข้อมูลจาก ByteDance ในฐานะธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยตรง เนื่องจากคนอเมริกันจำนวนมาก นิยมใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวทั่วประเทศ จนอาจกล่าวได้ว่า ‘ไม่มีใครไม่รู้จัก TikTok’

อ้างอิงจากผลการสำรวจของ Pew Research Center 2 ใน 3 ของวัยรุ่นอเมริกัน เล่น TikTok ทุกวัน ขณะที่ 16% เผยว่า เขาไถหน้าฟีดของแอปพลิเคชันดังกล่าวตลอดเวลา

ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2022 ผู้บริหารระดับสูงและ TikTok ออกมายอมรับว่า มีการเข้าถึง IP ผู้ใช้ชาวอเมริกันอย่างไม่เหมาะสม ทั้งในกลุ่มคนทั่วไปหรือแม้แต่นักข่าวที่เขียนวิจารณ์แอปพลิเคชันดังกล่าว

ขณะที่ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ (Office of the Director of National Intelligence) เปิดเผยข้อมูลในช่วงต้นปี 2024 ว่า จีนใช้ TikTok เป็นเครื่องมือบั่นทอนสหรัฐฯ โดยเพ่งเล็งไปที่แคนดิเดตประธานาธิบดีทั้ง 2 คนในการเลือกตั้งปี 2022 

นั่นหมายความว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งในปี 2024 เพราะทั้ง โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ต่างก็ใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวในการหาเสียงจากกลุ่มผู้ลงคะแนนคนรุ่นใหม่ ซึ่งสื่อต่างประเทศลงความเห็นว่า การเห็นชอบร่างมติของไบเดนครั้งนี้เต็มไปด้วยความกล้ำกลืนเช่นกัน เนื่องจากภาคการเมืองมีฉันทมติสกัดกั้นจีนเป็นที่ตั้งร่วมกัน

 นอกเหนือจากเหตุผลเรื่องความมั่นคง TikTok ยังมีประเด็นผลกระทบต่อสุขภาพจิต ทั้งอาการเสพติดและการบั่นทอนความมั่นใจของเด็กที่กำลังเจริญวัย ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมด้านรูปร่าง หน้าตา หรือพฤติกรรมแปลกของคนประเภท ‘หิวแสง’ ซึ่งอาจนำไปสู่การเลียนแบบจากความเข้าใจผิดได้

แต่ไม่ว่าอย่างไร เหตุผลทั้งหมดถูกมัดรวมในเรื่องเดียวกันหมด คือ ‘ความอ่อนแอของสหรัฐฯ’ ในฐานะมหาอำนาจที่เคยยืนเด่นหนึ่งเดียวในอดีต ก่อนฝันหวานจะถูกปลุกให้ตื่นอย่างจริงจัง ในช่วงที่พญามังกรขึ้นมามีบทบาททางการเมืองโลกไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

เหล่านี้แสดงให้เห็นจากรายงาน 2024 Annual Threat Assessment ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่เปิดเผยว่า ระเบียบโลกที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังเปราะบางลงจากความทะเยอทะยานของจีน การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซีย มหาอำนาจในระดับภูมิภาคอย่างอิหร่าน หรือแม้แต่ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (Non-state actors) เช่นกลุ่มก่อการร้าย ฯลฯ

และนั่นคงจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ หากทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และดำเนินนโยบายโดดเดี่ยวจากโลกระหว่างประเทศ (Isolationsim) อีกครั้ง ท่ามกลางความท้าทายจากทุกซอกมุมโลก ที่รอคอยให้ ‘พี่ใหญ่’ เข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้วางระเบียบและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ไม่เช่นนั้น สงครามระลอกใหม่อาจเกิดขึ้น โดยที่สหรัฐฯ ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากประวัติศาสตร์

 

อ้างอิง

https://usds.tiktok.com/who-owns-tiktoks-parent-company-bytedance/

https://www.reuters.com/technology/us-house-vote-force-bytedance-divest-tiktok-or-face-ban-2024-03-13/

https://www.theguardian.com/technology/2024/mar/13/house-passes-tiktok-bill-ban

https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-03-13/tiktok-ban-in-us-how-it-became-a-us-china-national-security-issue

https://www.nytimes.com/2024/03/13/us/politics/tiktok-ban-house-bill.html

https://www.theguardian.com/us-news/2024/mar/11/us-intelligence-china-russia

https://edition.cnn.com/2024/03/13/business/china-tiktok-ban-bullying-congress-vote-intl-hnk/index.htm

Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,