ชัดเจนแล้วว่าในจังหวะชุลมุน ฝุ่นตลบ พรรคประชาชนเดินหน้า ‘เลือกข้าง’ สีน้ำเงิน ดัน อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ สภาผู้แทนราษฎรน่าจะเทเสียงสนับสนุนให้อนุทินเป็นนายกฯ คนใหม่ด้วยเสียงเกิน 280 เสียง
แม้การเทเสียงสนับสนุนจะเป็นการเทเสียงภายใต้เงื่อนไขว่า ด้วยการให้อนุทินเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต้องเร่งยุบสภาฯ ในเงื่อนเวลา 4 เดือน และต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่พรรคประชาชนไม่เข้าไปร่วมรัฐบาล แต่ก็ต้องนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ทั้งสร้างความเสียหาย และ ‘เสี่ยง’ กับพรรคประชาชน พรรคที่อยู่บนสนามการเมืองด้วย ‘อุดมการณ์’ มาโดยตลอด
สร้างความเสียหายก็เพราะอนุทินเป็นหัวหน้าพรรคอันดับ 3 มีเสียง สส.สนับสนุนเพียง 69 เสียง ซ้ำยังเป็นพรรคที่ ‘เขี้ยวลากดิน’
หากจำกันได้ ในวันที่ต้องเลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ก็เป็นเสียงจากพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศชัดว่า ไม่เอาพรรคก้าวไกล สส.หลายคนของพรรคภูมิใจไทย เหยียบพรรคก้าวไกลเสียจมดิน จนทำให้พิธาไปไม่ถึงฝั่งฝัน
สร้างความเสียหายก็เพราะพรรคภูมิใจไทยยังมีชนักติดหลังเรื่องการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภาด้วยวิธีพิสดาร จนทำให้ได้ สว.แบบ ‘สั่งได้’ มากว่า 160 คน สร้างระบบการเมืองแบบถอยหลังลงคลอง และยังส่งต่อถึงตำแหน่ง ‘องค์กรอิสระ’ ที่ว่างลง เพราะว่ากันว่า สว.ชุดนี้ยกมือเฉพาะคนที่โน้มเอียงเข้ากับฝั่ง ‘สั่งได้’ เท่านั้น
ยังไม่นับรวมความผิดปกติเรื่องที่ดินเขากระโดง ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่นับความผิดปกติของบรรดาองคาพยพที่สนับสนุนอนุทินอย่าง สุชาติ ชมกลิ่น กับกรณีอาคาร SKYY9 Centre และสำนักงานประกันสังคม แห่งกลุ่ม 18 จากพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือความผิดปกติของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคกล้าธรรม และสารพัดบ้านใหญ่ที่อยู่ข้างหลังที่เป็น ‘พลังดูด’ รวบรวมบรรดา สส.จากพรรคต่างๆ มาสนับสนุนอนุทิน จนเงินสะพัดทั่วอาคารรัฐสภา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากรัฐบาลนี้ตั้งได้จริง รัฐบาลเสียงข้างน้อยชุดนี้ จะเป็นรัฐบาลที่ถูก ‘ยี้’ มากที่สุด โดยมี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และพรรคประชาชนเป็นผู้สนับสนุน
ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกเขามีสิทธิยื้อเวลาออกไป และมีสิทธิเลือกที่จะไม่สนับสนุนใครเลย แต่พวกเขากลับเลือกเส้นทางนี้ ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นนัก
ด้วยเหตุนี้การเลือกสนับสนุนอนุทินและพวก จึงเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งในการต่ออายุ ต่อลมหายใจ ให้กับอนุทิน และบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดิน นักการเมืองประเภท ‘สีเทา’ ทั้งหลาย ในการเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อทำทุนเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่
ขณะเดียวกันพรรคประชาชนแทบไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่า ถึงที่สุด อนุทินจะเป็นนายกฯ ที่ทำตามข้อตกลง จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นพรรคของอนุทินเอง รวมถึงองคาพยพ สว.ที่มีความใกล้ชิดกับพรรคภูมิใจไทย
หากไม่ทำตามสัญญา อนุทินแทบจะไม่เสียอะไรเลย เพราะ ‘ต้นทุน’ ของอนุทินและรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้สูงมากนักอยู่แล้ว กลับกลายเป็นต้นทุนของพรรคประชาชนมากกว่าที่จะเสียหาย เพราะกลายเป็นการสนับสนุนให้ระบบการเมืองผิดเพี้ยน ด้วยการให้พรรคภูมิใจไทย ให้พรรคกล้าธรรม ไปดำเนินการ ‘ดูด’ สส.เพื่อให้บรรดาบ้านใหญ่ได้เป็นรัฐมนตรีสักครึ่งหนึ่งในชีวิต
ต้องไม่ลืมว่า ภาพของพรรคประชาชนตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นภาพของ ‘การเมืองใหม่’ ที่ก้าวหน้า เป็นภาพทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรม และแน่นอนว่า ไม่มีใครคิดว่าวันหนึ่ง เส้นเวลาจะทำให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนต้องเดินทางมาบรรจบกัน
ถึงวันนี้ไม่มีใครรู้ว่า ภาพการเมืองไทยจะเป็นอย่างไรต่อ รัฐบาล ‘อนุทิน 1’ จะฟอร์มได้หรือไม่ ในเวลาเดียวกับที่ ภูมิธรรม เวชยชัย ทูลเกล้าฯ ยุบสภาฯ ไปล่วงหน้าแล้ว 1 วัน แต่ที่รู้ๆ ในเกมนี้ พรรคประชาชนเลือกรับ ‘ความเสี่ยง’ ทั้งหมดไว้เต็มไหล่
เพราะแม้ว่าสุดท้าย พรรคประชาชนจะยอมรับเป็นฝ่ายค้าน แต่พวกเขาคือคนที่มีบทบาทสำคัญ เป็น Kingmaker พาอนุทินเข้าสู่อำนาจ พาร้อยเอกธรรมนัสเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพาให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งควรจะหมดชีวิตทางการเมืองไปแล้ว ให้กลับมาเป็นใหญ่ คุมกระทรวงกลาโหมได้อีกครั้ง
แต่ทั้งหมดเป็นเส้นทางที่พวกเขาเลือก เป็นเส้นทางสุดอันตรายที่รับ ‘ความเสี่ยง’ ไว้เต็มบ่าของพรรคในการต่ออายุให้การเมืองบ้านใหญ่และการเมืองของ ‘ชนชั้นนำ’ ได้มีลมหายใจต่อไป โดยที่ประชาชน รวมถึงโหวตเตอร์ไม่มีใครรู้ว่า มีอะไรอยู่ข้างหลังบ้าง และไม่มีใครรู้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ระบบการเมืองจะเกิดขึ้นได้จริงไหม มีเพียงการฝากความหวังต่อไปให้กับอนุทินเท่านั้น
แน่นอนว่าความเสี่ยงนี้จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า และทำให้มุมมองที่หลายคนเคยให้ความไว้ใจต่อพรรคส้มอาจเปลี่ยนไป
แน่นอนว่าพวกเขาต้องทำงานอย่างหนักในการบอกว่า ณ วันนี้ พวกเขายังเป็นพรรคอุดมการณ์ และพวกเขาแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่อยู่ในสนาม อันเป็นสิ่งที่พวกเขาพยายามวาดภาพตนเองไว้ตลอดนับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่
แต่เมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้ว นับจากวันนี้จะเป็นภาระหนักของณัฐพงษ์และ สส.ทุกคนของพรรคที่จะตอบคำถามนี้ต่อไป ณ วันที่อนุทินนั่งเป็นนายกฯ
Tags: พรรคภูมิใจไทย, Analysis, อนุทิน, The Momentum ANALYSIS, พรรคประชาชน, ยุบสภา