ถึงวันนี้รัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล จัดตั้งขึ้นโดยสมบูรณ์ เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยรัฐบาลแรกของประเทศไทย โดยมีพรรคประชาชนยกมือสนับสนุนทั้งสิ้น 143 เสียง และร่วมรัฐบาลท่ามกลางการรวมตัวกันของ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้าธรรม บางซีกของพรรครวมไทยสร้างชาติ บางซีกของพรรคเพื่อไทย และบางซีกของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล 168 เสียง
หากเป็นห้วงเวลาปกติ รัฐบาลเช่นนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้ แต่นี่คือสถานการณ์พิเศษ พิเศษตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกลุ่ม สุชาติ ชมกลิ่น จากพรรครวมไทยสร้างชาติปรากฏตัวที่พรรคภูมิใจไทยทันที ตามมาด้วยพรรคกล้าธรรมที่กระโดดชิ่ง ไม่แถลงร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยต่อ
แน่นอนว่านี่คือรัฐบาลที่เต็มไปด้วยลึกลับ และเต็มไปด้วย ‘ข่าวลือ’ ถึงผู้สนับสนุน ที่มา และเบื้องหลัง
The Momentum สรุปข่าวลือที่ปกคลุมภายใต้ดีลนี้ให้เห็นว่า มีตัวละครใดบ้างที่อยู่ในเกม ปริศนาใดบ้างที่ยังไม่คลี่คลาย และอาจไม่คลี่คลายเลยก็เป็นได้
-
ใครทำให้ธรรมนัสเปลี่ยนข้าง
ในรอบนี้ทุกคนพูดตรงกันหมดว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้รัฐบาลอนุทินตั้งขึ้นได้ ก็คือการยกขบวน สส.จากพรรคกล้าธรรมรวม 25 คน จากฟากพรรคเพื่อไทย มาสนับสนุนให้อนุทินเป็นนายกฯ
เพราะก่อนหน้านี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม คือคนที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไว้วางใจที่สุด ในหลากหลายเกม ทักษิณให้ ‘ผู้กอง’ เป็นผู้ที่ดีลให้ และผู้กองก็เป็นมือขวามาแต่โดยดี หลายคนวาดภาพฝันถึงขั้นว่า ในการเลือกตั้งรอบหน้า ‘กล้าธรรม’ จะเป็นพันธมิตรกับ ‘เพื่อไทย’ ผู้กองจะช่วยเจาะหลายพื้นที่ภาคใต้ให้ทักษิณ ทำให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้ในที่สุด
วันที่พรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล หลายเสียงระบุว่า ก็ด้วย ‘แรงยุ’ จากร้อยเอกธรรมนัส ทั้งที่เสี่ยงแสนเสี่ยง เพราะรัฐบาลกลายเป็นเสียงปริ่มน้ำ แต่ก็เป็นร้อยเอกธรรมนัสที่รับปากจะหาเสียงมาเติม ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ในระดับ 280 กว่าเสียง
ทว่าเพราะเหตุใด ‘กล้าธรรม’ จึงกลายเป็นพรรคแรกที่เปลี่ยนขั้ว…
หลายเสียงเล่าตรงกันว่า มีสายโทรศัพท์ลึกลับที่อนุทินยื่นให้ร้อยเอกธรรมนัส ขณะนัดกินข้าวเย็นกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง สุภาพบุรุษคนหนึ่งที่มากด้วยบารมีนั้นเป็นที่รู้กันว่า มีความสนิทสนมกับอนุทิน และร้อยเอกธรรมนัสก็รู้อยู่แล้ว ทว่าสุภาพสตรีปลายสายโทรศัพท์เป็นเสียงที่ทำให้ร้อยเอกธรรมนัสเกิดเปลี่ยนใจทันที
“พูดไม่ได้ครับ” คือคำตอบที่ร้อยเอกธรรมนัสตอบสื่อมวลชนในวันที่อนุทินลงนามใน MOA กับพรรคประชาชน เมื่อถูกถามถึง ‘สาเหตุ’ ที่เปลี่ยนข้าง และคำปรารภของทักษิณที่ระบุว่าไว้ใจคนมากเกินไป
ทั้งหมดตามมาซึ่งปริศนาข้อที่ 2
-
ทักษิณกำลัง ‘สู้’ อยู่กับอะไร
เมื่อวันที่ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศ ทุกคนอึ้งกันหมดว่าทักษิณกำลัง ‘หนี’ อะไร และที่ผ่านมาทักษิณก็ต่อสู้อย่างหนัก ทุ่มทั้งแรงกายและทุนทรัพย์มาโดยตลอดกว่าจะเดินทางกลับเข้าประเทศได้ หลังจากผ่านไป 16 ปี
ถึงจุดนี้ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่แพทองธารเป็นนายกฯ ข่าวที่แพร่สะพัดก็คือบรรดา ‘รัฐพันลึก’ เริ่มไม่โอเคกับทักษิณ ด้วย 2-3 โจทย์ ไม่ว่าจะเป็นการที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ พรรคเพื่อไทยไม่สามารถลดกำลังของพรรคส้มได้ รวมถึงทักษิณเริ่มขยายอำนาจ สยายปีกจนใหญ่โตเกินเหตุ
กลายเป็นว่าทักษิณเดินเหยียบเท้าทั้งนายทุน ทั้งชนชั้นนำ และที่สำคัญ ไม่เป็นที่พอใจของบรรดา Deep State ในเรื่องความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่ทำให้เรื่องใหญ่เกินกว่าที่ควรจะเป็น
เมื่อนั้น Deep State จึงเริ่มเดินเกมตั้งรัฐบาลใหม่อยู่หลังฉาก วางข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้เบื้องหลังอนุทิน หากรัฐบาลแพทองธารฉบับก่อนหน้านี้ อยู่ได้ด้วย สส.ที่มี ‘ทุน’ หนุนหลัก Deep State กลุ่มนี้ก็เจรจากับกลุ่มทุนให้เรียบร้อยให้ สส.เปลี่ยนฝั่ง โดยที่ทักษิณก็รู้ เพียงแต่ยังคิดว่าคอนเนกชันฝั่งตัวเองแน่นหนา แบ็กของตัวเอง ซึ่งเป็นหนึ่งใน Deep State เช่นเดียวกัน จะพอช่วยอะไรได้
แน่นอนว่าทักษิณเริ่มรู้ตัวว่า อำนาจค่อยๆ สิ้นสูญลงภายหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 สิงหาคม
-
นายทุน อยู่ข้างไหน
สิ่งที่ประจักษ์ชัดก็คือ ‘นายทุน’ นั้นอยู่เบื้องหลัง 16 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่มสุชาติและธนกร วังบุญคงชนะ และนายทุนกลุ่มนี้ไม่เอาด้วยกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างแน่นอน ถึงขั้นเตรียมทำอย่างไรก็ได้ ให้พีระพันธุ์ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
แต่ในรัฐบาลแพทองธารยุคหลังคลิปเสียง นายทุนไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเอาพีระพันธุ์ออก เสียงที่ปริ่มอยู่แล้วก็ยิ่งปริ่มไปอีก สิ่งที่นายทุนผูกขาดผู้นี้ทำได้ ก็คือทำได้เพียงสนับสนุน สส. 16 คนนั้นต่อไป และส่งตัวตายตัวแทนไปนั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอกระทรวงอื่นก็เท่านั้น
ก่อนหน้าการตั้งรัฐบาลไม่นาน ปรากฏภาพอนุทินนั่งกินข้าวกับนายทุนใหญ่ ผู้ชี้เป็นชี้ตายความเป็นไปของรัฐบาลทุกยุค ตั้งแต่รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา, รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน, รัฐบาลแพทองธาร จนถึงรัฐบาลอนุทิน
มีแนวโน้มว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายทุนกลุ่มนี้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัมปทานรัฐ จะลงทุนมากขึ้นกับพรรคการเมืองเกิดใหม่ ไม่จำเป็นต้อง ‘ฝากเลี้ยง’ สส.ไว้ตามพรรคต่างๆ อีกต่อไปแล้ว
-
ดีล ‘ประยุทธ์’ มีจริงไหม
บรรดาคนวงในรู้ดีว่า ชื่อพลเอกประยุทธ์ไม่ได้เหาะมา แต่มีความพยายาม ‘เข็น’ พลเอกประยุทธ์นับตั้งแต่คลิปเสียง ฮุน เซน (Hun Sen) ประธานวุฒิสภา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดใหม่ๆ โดยหากแพทองธารไปไม่รอด ชื่อ ‘ลุงตู่’ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการพยายามรวมเสียง สส. ให้กลับมาสามัคคีกันอีกครั้ง และที่สำคัญ รัฐบาลก็ยังอยู่ในขั้วเพื่อไทยได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขั้ว โดยให้พรรคเพื่อไทยเสนอ ‘ลุงตู่’ กลับมาเป็นนายกฯ อีกคำรบหนึ่ง
เมื่อแพทองธารสิ้นสภาพ มีความพยายามอย่างจริงจังในการขอให้ลุงตู่กลับมา เพราะเชื่อว่าลุงตู่จะสามารถดึงพรรคภูมิใจไทยกลับมาได้ ดึงกลุ่ม 16 ของสุชาติกลับมาได้ ให้กลับมาเป็นรัฐบาลที่มั่นคงแข็งแรงอีกครั้ง
แม้แต่ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ก็เอ่ยขึ้นมาเองว่า ‘ผมเป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่ง’ และ ‘อาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว’ มาก็ได้ นั่นแปลว่า ดีลพลเอกประยุทธ์นั้นมีอยู่จริง แต่ในนาทีสุดท้ายนั้นไม่สำเร็จ อาจเป็นได้ทั้งพลเอกประยุทธ์ไม่อยากลาออกมาเป็นนายกฯ หรืออาจมีรายการ ‘คุณขอมา’ ไม่ให้พลเอกประยุทธ์ลงมายุ่ง
ด้วยเหตุนี้ ในนาทีสุดท้าย พรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจ ‘ยุบสภาฯ’ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน
-
‘พรรคส้ม’ รู้อะไรที่มากกว่าเรา
ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ พรรคประชาชนนั้นรู้อะไรในความผิดปกติเหล่านี้บ้าง… รู้หรือไม่ว่าการเมืองของชนชั้นนำนั้นตั้งใจ ‘เขี่ย’ ทักษิณออกจากสมการทางการเมือง รู้หรือไม่ว่าทุนใหญ่ (ที่ก็ไม่ได้ถูกกับพรรคประชาชนเท่าไรนัก) ก็ผละออกจากรัฐบาลเดิม และรู้หรือไม่ว่าภายใต้การสนับสนุนให้อนุทินนั่งเก้าอี้นายกฯ นั้น เกิดจากการ ‘ดีล’ ของ Deep State ที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่ง โดยกลุ่มชนชั้นนำตกลงกับกลุ่มทุน ตกลงกับกลุ่มนักการเมือง ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน และไม่ได้เกิดขึ้นภายหลังจากแพทองธารพ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเส้นตรงเพียงการเลือกอนุทินเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาฯ แต่สำหรับการเมืองชนชั้นนำ เป็นไปได้ว่าพวกเขาเลือกอนุทินทำภารกิจที่ใหญ่กว่านั้น อาจเป็นได้ทั้งการทุบทักษิณให้แตกสลาย อาจเป็นได้ทั้งการเตรียมอนุทินให้เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป กระทั่งช่วย Deep State ให้มีพื้นที่มากขึ้นในทางการเมือง เหนือรัฐบาลเสียงข้างน้อย
แน่นอนว่าพรรคประชาชนไม่ได้ไร้เดียงสาในทางการเมือง พวกเขายังหวังว่าจะใช้ 143 เสียง กำกับ ควบคุม อย่างน้อยก็ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้จริง และมีความคืบหน้าอยู่บ้างในอีก 4 เดือนที่เหลือ
แต่ถ้าพรรคประชาชนเดินพลาดในหมากนี้ พวกเขาจะไม่ได้อะไรเลย และยังมีโอกาสที่พวกเขาจะโดนลากเข้าไปสู่การเมืองของชนชั้นนำ เพื่อที่ในวันหนึ่งจะโดนกำจัด โดนทุบทำลาย แบบที่พรรคเพื่อไทยโดนตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
นี่จึงเป็นความเสี่ยงที่พวกเขาเลือกรับด้วยตัวเอง และไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว
Tags: พรรคภูมิใจไทย, อนุทิน ชาญวีรกูล, Analysis, อนุทิน, The Momentum ANALYSIS, พรรคประชาชน