เหล่าแฟนบอยของแฟรนไชส์หนัง Alien ยุคก่อน ที่ไม่ค่อยชอบใจ Prometheus (ริดลีย์ สก็อตต์, 2012) เรื่องราวปฐมบทของการรีบูทจักรวาลเอเลี่ยน ที่เน้นเล่าความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของมนุษย์กับเอเลี่ยน มากกว่าฉากไล่ล่าเลือดสาดตามสไตล์แฟรนไชส์เอเลี่ยนแบบเดิมๆ น่าจะใจชื้นขึ้นมาบ้างกับ Alien: Covenant ที่ครั้งนี้ ริดลีย์ สก็อตต์เริ่มนำรสออริจินัลแบบเอเลี่ยนยุคเก่าเข้ามาใส่ไว้ในจักรวาลเอเลี่ยนยุคใหม่บ้างแล้ว
แต่ถ้าพูดถึงความโหดเลือดสาดแบบเอเลี่ยน เอเลี่ยน โคเวแนนท์ก็ยังแรงไม่เท่าแฟรนไชส์เอเลี่ยนยุคคลาสสิก เพราะดูเหมือนริดลีย์ สก็อตต์ จะต้องการให้เอเลี่ยน โคเวแนนท์เป็นจุดพลิกไปสู่จักรวาลหนังเอเลี่ยนยุคใหม่ เขาเลยต้องกั๊กความโหดและปริมาณเลือดในหนังไว้ก่อน แล้วหันไปเน้นเล่าจุดกำเนิดของ Xenomorph (สายพันธุ์เอเลี่ยนในเรื่อง) ว่ามีที่มาที่ไปยังไง ทำไมมันจึงเป็นเอเลี่ยนที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมปานนั้น
เหตุการณ์ในเอเลี่ยน โคเวแนนท์เกิดขึ้นหลังยาน Prometheus ขาดการติดต่อจากโลกไปประมาณ 10 ปี โดยการเดินทางของยานโคเวแนนท์ครั้งนี้ มีภารกิจเพื่ออพยพมนุษย์โลก 2,000 คน ไปตั้งอาณานิคมใหม่ในดาวดวงอื่น แต่ระหว่างทางดันเกิดเหตุขัดข้องขึ้นกับยาน ก่อนบังเอิญตรวจจับสัญญาณชีพได้จากดาวเคราะห์ในละแวกข้างเคียง ลูกเรือโคเวแนนท์จึงตัดสินใจเปลี่ยนแผน หันหางเสือยานไปยังดาวเคราะห์ดังกล่าว และพบว่าดาวดวงนี้มีสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับโลก และเหมาะกับการตั้งอาณานิคมมากๆ เว้นเสียแต่ว่าบนดาวดวงนี้มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าพิสมัยอย่าง Xenomorph อาศัยอยู่
ก่อนพบกับหายนะจากเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟบนดาวเคราะห์ดังกล่าว เหล่าลูกเรือจากยานโคเวแนนท์ นำโดย คริสโตเฟอร์ โอราม (บิลลี ครูดัพ) แดเนียลส์ (แคทเธอรีน วอเตอร์สตัน) เท็นเนสซี (แดนนี แมคไบรด์) เซอร์เจียนท์โลป (เดเมียน บิเชอร์) และ วอลเตอร์ (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ได้สำรวจพบยานประหลาดที่มีหลักฐานของเอลิซาเบธ ชอว์ (นูมิ ราเพช) ลูกเรือยานโพรมีธีอุส ที่นำไปสู่ความลับน่าสะพรึงกลัวของดาวเคราะห์แห่งนี้
นอกจากเอเลี่ยน โคเวแนนท์จะบอกเล่าเรื่องราวและจุดกำเนิดของเหล่าเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟแล้ว สิ่งที่หนังเอเลี่ยนยุคใหม่เน้นย้ำมาตั้งแต่ปฐมบทโพรมีธีอุส ก็คือความเป็นมนุษย์ และความคิดท้าทายเรื่องพระผู้สร้าง ผ่านตัวละคร ‘เดวิด’ (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) หุ่นสังเคราะห์รุ่นแรก ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความคิดและความรู้สึกเป็นของตัวเอง เมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับคนบนยานโพรมีธีอุส เขาก็ยิ่งซึมซับความเป็นมนุษย์ทั้งด้านมืดและสว่างเข้ามามากขึ้น และนั่นก็เป็นที่มาของการกระทำอันเลวร้ายของเขาในหนังโพรมีธีอุส
ยิ่งเมื่อเดวิดมาปรากฏตัวต่อหน้า ‘วอลเตอร์’ หุ่นสังเคราะห์รุ่นใหม่ที่ตัวเขาเป็นต้นแบบ เขาก็พยายามชักจูงใจให้วอลเตอร์คล้อยตาม โดยมอบความเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกนึกคิดให้ ทั้งอธิบายว่าการแสดงออกของวอลเตอร์ที่มีต่อแดเนียลส์นั้น ไม่ใช่การทำไปตามหน้าที่ แต่มันเกิดจากความรักที่หุ่นสังเคราะห์มีต่อมนุษย์ เหมือนกับที่เขาเกิดความรักต่อเอลิซาเบธ ชอว์ในโพรมีธีอุส
แม้ว่าเดวิดจะพยายามชักจูงวอลเตอร์ ให้ทลายหลุดความเป็นจักรกลมาเป็นมนุษย์ แต่ทัศนะของเดวิดที่มีต่อมนุษย์กลับย้อนแย้งอย่างที่สุด เมื่อเขามองว่าตนเองเป็นผลผลิตจากมนุษย์ ที่มีทั้งสติปัญญา ความแข็งแกร่ง ไม่มีวันป่วยหรือแก่ตาย ขณะที่มนุษย์ผู้สร้างเขาขึ้นมา เป็นสิ่งมีชีวิตแสนอ่อนแอ และสมควรสูญพันธุ์ไปตามกฎธรรมชาติ
ดังนั้น เมื่อถึงจุดที่คิดว่าตนฉลาดและแข็งแกร่งเพียงพอ เดวิดจึงเดินตามรอยมนุษย์ กระทำการท้าทายพระเจ้าด้วยการสร้างหุ่นสังเคราะห์ที่ไม่ต่างไปจากมนุษย์ขึ้นมา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ เดวิดไม่รู้จักเส้นแบ่งทางศีลธรรม ท้ายที่สุด สิ่งต่างๆ ที่เขาลงมือทำจึงนำความหายนะมาสู่ลูกเรือโพรมีธีอุส และโคเวแนนท์
ในภาพรวม ต้องถือว่าเอเลี่ยน โคเวแนนท์ทำได้ดี หรืออาจดีกว่าปฐมบทโพรมีธีอุสเสียด้วยซ้ำ จะมีจุดค้างคาใจให้เสียดาวอยู่บ้างก็ตรงตัวละครแดเนียลส์ ซึ่งแม้จะเป็นมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่มีความคิดและสติตลอดทั้งเรื่อง แต่เมื่อดูรวมกับตัวละครอื่นๆ ก็ดันกลืนเกลี่ยจนเสียน้ำหนัก หนำซ้ำบทของเดวิดและวอลเตอร์ก็ออกจะเด่นเกินหน้า
ทำให้เอเลี่ยน โคเวแนนท์ดูผิดแผกไปจากจักรวาลหนังเอเลี่ยนเรื่องก่อนๆ ที่มักมีตัวละครหญิงแกร่งโดดเด้งออกมาเสมอ
Tags: Alien Covenant, ริดลีย์ สก็อตต์, บิลลี่ ครูดัพ, แคทเธอรีน วอเตอร์สตัน, เอเลี่ยน, ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์