ในช่วงปลายทศวรรษ 1960s ที่คนทั่วอเมริกากำลังตื่นเต้นกับภารกิจของยานอวกาศ Apollo 10 ที่นักบินอวกาศจะต้องรับภาระหน้าที่ยิ่งใหญ่ในการโคจรรอบดวงจันทร์ พร้อมทดสอบทุกอย่างที่จำเป็นต่อการลองจอดของดวงจันทร์ในภารกิจต่อไป
หนึ่งในคนที่ติดตามเรื่องนี้และถ่ายทอดความตื่นเต้นของเขาออกมาในผลงานของตัวเองก็คือ Charles Schulz เจ้าของผลงานการ์ตูนเรื่อง Peanuts ที่โด่งดังในยุคนั้น Schulz เลือกให้ ‘Snoopy’ เจ้าหมาบีเกิลของเขาสวมชุดอวกาศ และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการ Apollo 10 จนกลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนอเมริกันได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ และส่งผลให้ในปี 1968 เมื่อ ‘องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA’ เริ่มโครงการ Watchdog เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องความปลอดภัย Snoopy ก็ได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของโครงการ เพราะเชื่อว่า Snoopy จะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียดเกินไป นอกเหนือไปจากการสื่อสารถึงความสำเร็จของภารกิจ
(Snoopy ตัวกาตูนร์หมาบีเกิ้ลชื่อดังกับการเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบนอวกาศ)
ความผูกพันระหว่างคาแรกเตอร์หมาบีเกิลตัวนี้กับ NASA ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะนักบินอวกาศของ Apollo 10 ยังตั้งชื่อให้ยานลูน่าโมดูลว่า Snoopy และเรียกยานส่วนควบคุมว่า Charlie Brown ซึ่งเป็นชื่อเจ้าของของ Snoopy นั่นเอง
ในปีเดียวกันนี้เอง NASA ยังเปิดตัวรางวัล ‘Silver Snoopy’ ที่ NASA จะมอบให้กับนักบินอวกาศ พนักงานของ NASA หรือผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จของภารกิจการบินอวกาศแบบมีมนุษย์ ซึ่งนับถึงตอนนี้ มีเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเท่านั้นที่ได้รับรางวัลนี้
หนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ในปี 1970 ก็คือ ‘OMEGA’ แบรนด์นาฬิกาที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ Apollo 13 และความเที่ยงตรงของกลไกลในการทำงานของนาฬิกา OMEGA ก็มีส่วนทำให้ภารกิจนี้จบลงด้วยความปลอดภัย
การเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ เริ่มต้นจากที่ OMEGA เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่ผ่
James Lovell นักบินอวกาศในภารกิจนั้นยังจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ชัด แม้เวลาจะผ่านมาถึง 50 ปีแล้ว เมื่อถังออกซิเจนบนยาน Apollo 13 ระเบิดทั้งที่เพิ่งทะยานสู่อวกาศเพียง 2 วัน ทำให้นักบินอวกาศทั้งหมดต้องไปรวมตัวอยู่ในยานลูน่าโมดูล ซึ่งเป็นยานขนส่งขนาดเล็กสำหรับลงจอดบนดวงจันทร์ ทรัพยากรและพลังงานในนั้นไม่เพียงพอที่จะรองรับนักบินอวกาศทั้งหมด นักบินอวกาศจึงต้องปิดระบบทั้งหมดรวมถึงนาฬิกาดิจิตัล เพื่อเก็บพลังงานไว้สำหรับการติดต่อสื่อสารกลับสู่โลกเท่านั้น
และในช่วงเวลานั้นเองที่ความเที่ยงตรงของนาฬิกา ‘OMEGA Speedmaster’ ได้เป็นส่วนสำคัญในภารกิจที่จะต้องปฏิบัติภายในเวลาที่เคร่งครัด นักบินอวกาศมีเวลาเพียง 14 วินาทีในการเปิดเครื่องยนต์ ซึ่งหากพลาดแม้เพียงนิดเดียว อาจหมายถึงสถานการณ์ที่ยานอวกาศอาจถูกเหวี่ยงให้เคว้งคว้างอยู่ในอวกาศได้
”ผมยังจำวินาทีที่เกิดระเบิดบนยานกับช่วงที่เราลงจอดได้สำเร็จ เมื่อนาฬิกาประจำยานดับลง ตอนนั้นเองที่เราต้องการ Speedmaster เพราะพอขาดอุปกรณ์นำร่อง เราต้องใช้โลกเป็นจุดอ้างอิง จากนั้นเราต้องเปิดการทำงานของเครื่องยนต์เพียง 14 วินาที แล้วค่อยดับมัน ตอนนั้นเราใช้นาฬิกา OMEGA ที่ Jack Swigert นักบินอวกาศอีกคนใส่เป็นตัวจับเวลา
“ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรื่องของ Apollo13 ยังคงเป็นเรื่องเตือนถึงความสามัคคี โดยเฉพาะระหว่างศูนย์ควบคุมและลูกเรือ” อดีตนักบินอวกาศรุ่นเก๋าเล่าถึงเรื่องราวและความรู้สึกของเขาที่มีต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้น
Thomas Stafford นักบินอวกาศในยุคนั้นและยังมีตำแหน่งเป็น Chief of the Astronaut Office ระหว่างปี 1969-1971 เป็นผู้มอบรางวัล Silver Snoopy ซึ่งเป็นเข็มกลัดเงินสเตอร์ลิง 925 พร้อมประกาศนียบัตร Manned Flight Awareness ที่ลงนามโดยสามนักบินอวกาศของ Apollo 13 นั่นคือ Jame Lovell, Jack Swigert และ Fred Haiselให้กับ OMEGA ในวันที่ 5 ตุลาคม ปีเดียวกันกับที่ Apollo 13 เดินทางกลับสู่โลกอย่างปลอดภัย
(ภาพรางวัลเข็มกลัด Silver Snoopy)
Stafford เล่าว่า นาฬิกา Speedmaster เป็นส่วนชี้เป็นชี้ตายของภารกิจนี้ และเรียกได้ว่า OMEGA มีส่วนสำคัญในการบุกเบิกอวกาศของ NASA เพราะในอวกาศ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา และสำหรับเข็มกลัด Silver Spoon นั้น ถ้าทาง NASA เลือกมอบให้ใคร ก็หมายความว่าคนคนนั้นหรือหน่วยงานนั้นมีส่วนสำคัญต่อดครงการอวกาศจริงๆ และที่ให้นักบิวอวกากาศเป็นผู้มอบให้ด้วยตัวเองก็เพราะว่าพวกเขาฝากชีวิตไว้กับผู้ที่ได้รับรางวัลนี้
เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของรางวัล Silver Snoopy ที่ได้รับจาก NASA ทาง OMEGA จึงฉลองให้กับวาระพิเศษนี้ด้วยการ OMEGA Speedmaster มาออกแบบใหม่เป็นเรือนเวลารุ่นพิเศษ Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary นาฬิกาที่บอกเล่าทั้งเรื่องราวพิเศษในอดีตมาผสมผสานกับเทคโนโลยีการผลิตของ OMEGA รวมถึงดีไซน์ที่เชื่อมโยงรายละเอียดในการออกแบบกับเหตุการณ์เมื่อ 5 ทศวรรษก่อน
ด้วยความพิเศษนี้จึงทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ Snoopy ในชุดอวกาศจะอยู่บนหน้าปัดเรือนเวลาในตำแหน่งที่ 9 นาฬิกา แบบเดียวกันกับที่ปรากฏบนเข็มกลัดเงินที่ OMEGA ได้รับจาก NASA และด้วยการออกแบบที่ใส่ใจครอบคลุมถึงฝาหลัง Snoopy จึงได้เดินทางสู่วงโคจรด้วยกลไกพิเศษที่ติดตั้งเข้ากับยานส่วนควบคุมและบริการ (CSM) สีขาวขนาดจิ๋ว เมื่อมีการใช้งานเข็มจับเวลา Snoopy ก็จะเดินทางไปยังด้านไกลของดวงจันทร์ แบบเดียวกันกับลูกเรือ Apollo 13
กระจกแซฟไฟร์ที่ใช้กับด้านหลังของเรือนนาฬิกายังออกแบบตกแต่งให้เหมือนพื้นผิวของดวงจันทร์ ด้วยกระบวนการพ่นฟอกโลกหะขนาดไมโครที่ไม่เหมือนใคร
รายละเอียดที่มาพร้อมกับเรื่องราวยังไม่หมดเท่านี้ เพราะถัดลึกเข้าไปจะเป็นโลกที่หมุนด้วยอัตรา 1 รอบต่อนาที ซึ่งเท่ากั้บรอบของเข็มวินาทีย่อย ทำหน้าที่เป็นตัวแทนการโคจรรอบตัวเองของโลก พร้อมด้วยประโยคอมตะอย่าง ‘Eyes on the Stars’ วางอยู่ในส่วนผืนอวกาศอีกด้วย
ความใส่ใจในการออกแบบยังต่อเนื่
มาตรฐาน Master Chronometer นี้เกิดจากความร่วมมือกันระหว่
เมื่อนำมาตรฐาน Master Chronometer นี้มาผนวกกับเทคโนโลยีแห่งความเที่ยงตรงของ OMEGA ที่สั่งสมมานานกว่า 170 ปี ร่วมด้วยเทคโนโลยี Co-Axial Escapement ที่ช่วยลดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในและทำให้กลไกทำงานอย่างมีเสถียรภาพ นาฬิกาฉลองวาระพิเศษเรือนนี้ จึงเป็นนาฬิกาที่บอกเล่าเรื่องราวความประทับใจที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และยังทำให้ Snoopy ตัวการ์ตูนขวัญใจคนจำนวนมากได้เดินทางสู่อวกาศ หลังจากที่มีส่วนอยู่เบื้องหลังภารกิจนอกโลกมานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูติก OMEGA
สาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซีโทร. 02-160-5959
สาขาสยามพารากอนโทร. 02-129-4878
และสาขาดิเอ็มโพเรียมโทร. 02-664-9550 หรือ LINE Official Account: @OMEGAThailand
รับชมรายละเอียดเพิ่มเติมของนาฬิกา OMEGA Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary’ ได้ที่ลิงค์วิดีโอด้านล่างนี้
Fact Box
Speedmaster ‘Silver Snoopy Award’ 50th Anniversary มาพร้อมยาน Apollo 13 จำลอง แผ่นพับ แว่นขยายเพื่อให้สามารถรั