นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา เจ้าของร้านกาแฟ Bottomless ร้านที่จัดจ้านที่สุดในนนทบุรี

 “เครื่องชงกาแฟใช้งานง่าย ฟังก์ชันครบ เราสามารถปรับสัดส่วนกาแฟ นม น้ำ ได้ง่าย อย่างเช่น ปรับเพิ่มลดปริมาณช็อตเอสเปรสโซได้ที่หน้าเครื่องเลย แล้วรสชาติที่ชงออกมาก็ดี นมที่ทำออกมาก็ได้อุณหภูมิดี ใกล้เคียงกับเครื่องชงกาแฟใหญ่ๆ เลย”

จากร้านกาแฟในบ้านย่านสนามบินน้ำ นนทบุรี ที่อยู่ในซอยลึกจากถนนใหญ่เป็นกิโลเมตร แต่ก็มีคนดั้งด้นไปกินอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่สมัย 16 ปีที่แล้ว เรียกได้ว่าถ้ายุคนี้คือ ‘คาเฟ่ลับ’ ของ ‘หมู’ – นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา เจ้าของร้านกาแฟ Bottomless สู่สาขาแฟลกชิปสโตร์สุดเท่แนวโมเดิร์นบนถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี

หลังเรียนจบด้านการตลาด เขาก็เหมือนคนอื่นที่ต้องกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว นั่นคือการขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน เขาก็ชงกาแฟเป็นงานอดิเรกไปด้วย ศึกษาทุกอย่างเกี่ยวกับกาแฟด้วยตัวเอง ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ วิธีการชง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ลงทุนซื้อหามาด้วยตัวเอง

“เรามองว่ากาแฟก็เหมือนงานอดิเรกของเรา ทำแล้วมันสนุก การชงกาแฟกินเองไม่เหมือนกิจกรรมอื่น เพราะการชงกาแฟในทุกแก้วเหมือนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน

“พอถึงจุดหนึ่งเราตัดสินใจเล่นให้สุดไปเลย เราซื้อเครื่องชงและเครื่องบดกาแฟตัวท็อปของโลกมาใช้ก่อนเปิดเป็นร้านด้วยซ้ำ เราโฟกัสที่การทำเอสเปรสโซ ลาเต้อาร์ต ทำอยู่เป็นสิบปี แล้วก็ขยับออกจากบ้านมาทำเป็นร้าน ซึ่งก็อยู่ติดกันบ้านเดิมที่อยู่ในซอยลึกๆ ขับรถเข้ามาจากปากซอยเป็นกิโล แค่ทาวน์เฮาส์หนึ่งห้องที่เหลือมาทำบาร์กาแฟ แล้วไม่ได้เป็นร้านจริงจังมากนัก เป็นบาร์ในบ้าน ป้ายชื่อร้านยังไม่มีเลย น่าจะประมาณสิบปีที่แล้วได้”

จากบาร์กาแฟในบ้านก็ถึงเวลาที่จะมีร้านที่ดูจริงจังมากขึ้น จนเมื่อปลายปี 2019 เขาตัดสินใจเปิดร้านกาแฟ Bottomless ที่เป็นแฟลกชิปสโตร์บนถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ย่านสนามบินน้ำ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบาร์กาแฟเดิม แต่ร้านใหม่มีความโมเดิร์นจากสไตล์การตกแต่งในโทนสีดำ ตรงกลางเป็นเหมือนเวทีโชว์การทำกาแฟของบาริสต้า ล้อมรอบไปด้วยที่นั่ง คล้ายอยู่ในห้องออดิทอเรียมหรือเวทีคอนเสิร์ตสักงาน

“เราเคยลองมาหลายโมเดลมาก ก่อนจะมาเป็น Bottomless เราเคยเปลี่ยนชื่อเพื่อทดลองบางอย่าง คือถ้าเราอยากรู้ต้องทำ แต่บางทีไปถามใครไม่ได้ โดยเฉพาะในวงการกาแฟ แล้วเราอยู่ในวงการนี้มานาน เราก็ต้องไปลองผิดถูกเพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไร

“ตั้งแต่เปิดร้านในบ้าน ทุกคนบอกว่าให้ย้ายร้านได้แล้ว ตอนนั้นเรามีเป้าหมายอยากจะทำให้การเปิดบาร์กาแฟในบ้านประสบความสำเร็จให้ได้เนื่องจากมีคนปรามาสไว้เยอะ เพราะบาร์กาแฟในบ้านของเรามันอยู่ในซอยลึก แถมอยู่ในจังหวัดนนทบุรีอีก ซึ่งที่ผ่านมาเราว่ามันประสบความสำเร็จแล้วนะ ถ้าเอาตัวเลขยอดขายมาคุยกันมันพิสูจน์ได้แล้ว”

อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านกาแฟ Bottomless คือ การมีโรงคั่วเป็นของตัวเอง ทำให้มีกาแฟให้ลูกค้าเลือกกินได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกกลุ่มที่เข้ามาในร้าน โดยมีกาแฟถึง 8 เบลนด์ กับอีก 20 ซิงเกิลออริจิน ภายใต้คาแรกเตอร์กาแฟแบบ Bottomless ที่บอดี้ต้องหนักแน่นแต่ขมน้อย ติดหวานบ้าง เปรี้ยวได้แต่ต้องเป็นเปรี้ยวที่ดี

“พวกเมล็ดกาแฟ สูตรกาแฟ เราคิดล่วงหน้าไปอีกขั้น แต่เวลาเสิร์ฟจริงก็เอากลับมาคิดถึงลูกค้าเป็นหลัก เข้าใจว่าเขาอยากได้ของที่คุ้มค่าคุ้มราคา ก็ต้องปรับจูนให้เข้ากับลูกค้ากลุ่มใหญ่ สมัยก่อนเราไม่มีแม้แต่ชื่อเมนูด้วยซ้ำ อยากกินแบบไหน อย่างไร สั่งได้เลย พอมาเป็น Bottomless สาขาตรงนี้ก็ต้องมีเมนูคลาสสิกทั่วไปอย่างอเมริกาโน ลาเต้ด้วยเช่นกัน”

Yuzu Crème Brulee คือเมนูที่เมื่อไปร้านนี้ต้องสั่ง เป็นความแปลกที่ลงตัว โดยเป็นเอาช็อตกาแฟเอสเปรสโซ ส้มยูซุ และนม ผสมเข้าด้วยกัน ตกแต่งด้วยแผ่นน้ำตาลคาราเมลที่เผาบนเลมอนให้กลิ่นซิตรัสอ่อนๆ เวลากินให้เคาะแผ่นน้ำตาลคาราเมลลงไปก่อน ช่วยให้รสชาติกาแฟมีความหวานเพิ่มมากขึ้น

นพพลมองว่าร้านกาแฟทุกวันนี้เปิดกันง่าย แต่อยู่ให้นานนั้นอยู่ยาก เขาแนะนำว่าต้องใช้ความอดทนอย่างมาก

“เราพูดเสมอกับวงการกาแฟคือ พยายามและอดทน มันเป็นงานที่ทำทุกวัน ทิ้งไม่ได้ เหมือนเล่นกีฬาเลย ต้องซ้อมทุกวัน แต่ตอนนี้ง่ายกว่าเดิมเยอะ เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เอื้อมากขึ้น สูตรสำเร็จในการเปิดร้านก็มีแล้วว่าไม่เจ๊งทำอย่างไร แต่รวยหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง”

พฤติกรรมคนดื่มกาแฟเปลี่ยนไป หันมากินกาแฟในบ้านมากขึ้น พร้อมกับมีอุปกรณ์ที่ทำกาแฟในบ้านที่เอื้อให้ทำได้ง่ายมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องชงกาแฟแบบ Home Use ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้เราสามารถชงกาแฟได้เหมือนบาริสต้ามืออาชีพ อย่างเครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติเต็มรูปแบบ Philips 5400 LatteGo ที่มีให้เลือกชงเมนูกาแฟได้มากถึง 12 แบบ

“เครื่องชงกาแฟใช้งานง่าย ฟังก์ชันครบ เราสามารถปรับสัดส่วนกาแฟ นม น้ำได้ง่าย สามารถปรับเพิ่มลดปริมาณช็อตเอสเปรสโซได้ที่หน้าเครื่องเลย แล้วรสชาติที่ชงออกมาก็ดี นมที่ทำออกมาก็ได้อุณหภูมิดี ใกล้เคียงกับเครื่องชงกาแฟใหญ่ๆ เลย”

นพพลเลือกใช้กาแฟคั่วเข้มในการทำเมนูเอสเปรสโซ ซึ่งเหมาะกับเครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติที่สกัดช็อตเอสเปรสโซได้ดีพอสมควร ดื่มง่าย ไม่ขมอย่างที่คิด

ส่วนเมนูลาเต้ก็ทำง่ายแค่กดโปรแกรมบนหน้าจอ แต่เขาเลือกที่จะแยกนมกับกาแฟโดยสตรีมนมก่อน จากนั้นก็สกัดช็อตเอสเปรสโซออกมา แล้วทำเป็นลาเต้

“ผมชอบฟังก์ชันฟองนม LatteGO นะ ฟองเนียน ตัวเครื่องก็ดีไซน์ดี ดูทันสมัย ทำความสะอาดง่าย รสชาติดี ใช้ในบ้านได้สบายๆ ใครมีทักษะหน่อย ก็แยกองค์ประกอบของกาแฟแล้วมาผสมกันก็สนุกดี”

 

วรุตม์ ตั้งสุริยาไพศาล เจ้าของร้านกาแฟ Roast Runner ดีกรีแชมป์ชิมกาแฟประเทศไทย

“สะดวกสบายมากเลยนะ เราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟอะไรก็ได้ใส่บดในเครื่องได้เลย บางทีถ้าเราอยากชงดื่มที่บ้านเองต้องมีเครื่องบดกาแฟแยก แต่เครื่องนี้มีทั้งหมด มีปุ่มฟังก์ชันปรับน้ำเยอะน้ำน้อยได้ จะเพิ่มช็อตเอสเปรสโซก็ได้ โฟมนมเยอะหรือน้อยก็ได้ เราตั้งค่าเอาไว้ให้คนในบ้านที่อาจไม่ได้มีทักษะการชงกาแฟให้ใช้เองได้เลย”

‘แชมป์’ – วรุตม์ ตั้งสุริยาไพศาล เจ้าของร้านโรงคั่วกาแฟ Roast Runner ย่านพุทธมณฑล คือหนึ่งในนักชิมกาแฟระดับมือรางวัล โดยเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์ Thailand National Cup Taster และยังไปคว้าตำแหน่งผู้ชนะอันดับ 4 จากรายการชิมกาแฟระดับโลกอย่าง World Cup Tasters

เขาก่อตั้งโรงคั่วกาแฟ Roast Runner กับเพื่อนอีกสองคนในปี 2016 โดยวรุตร์รับหน้าที่เป็นบาริสต้าและนักชิมกาแฟ ‘แท๊ป’ – ธนทัต สมบัติพานิช ผู้ควบคุมด้านการคั่วกาแฟ และ ‘กร’ – ปกรณ์ สุนทรญาณกิจ ที่ดูแลทางด้านการผลิต

ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยมด้วยความชอบในกาแฟที่คล้ายกัน และหลังเรียนจบต่างแยกย้ายกันไปทำงาน โดยวรุตม์ไปเป็นบาริสต้าอยู่ 2-3 ปี ทำให้มีความรู้เรื่องเมล็ดกาแฟพอสมควร แต่ระหว่างนั้นก็คุยกับธนทัตและปกรณ์มาโดยตลอด ในเรื่องการนำเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศเข้ามาขายในรูปแบบ Specialty Coffee จึงเป็นที่มาของ Roast Runner โรงคั่วกาแฟของเด็กหนุ่มทั้งสามคน

“ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะเปิดเป็นร้านกาแฟธรรมดาดีไหม แต่คิดว่าความรู้เราน่าจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติบางอย่างเกี่ยวกับกาแฟในบ้านเราได้ เลยเปิดเป็นแบรนด์ที่คนดื่มกาแฟเอาเมล็ดกาแฟกลับไปดริปเองที่บ้านได้ เพราะความจริงแล้ว เมล็ดกาแฟมีสายพันธุ์หลากหลาย เช่น เอธิโอเปีย บราซิล คือเราเลือกแหล่งปลูกได้ เหมือนเวลาเราเลือกดื่มไวน์หรือเนื้อวัว” วรุตม์เล่าที่มาถึงร้าน Roast Runner

“เราตั้งใจอยู่แล้วว่าอยากเปิด Roast Runner เป็นโรงคั่วกาแฟโดยตรง วิ่งขายเองกับขายทางออนไลน์ ถ้ามีลูกค้ามาหน้าร้านก็เสิร์ฟกาแฟบ้าง แต่ไม่ได้ประกาศชัดๆ ว่าเราเป็นร้านกาแฟ แค่โปรโมตว่าขายเมล็ดกาแฟให้ร้านกาแฟอื่นๆ นะ เพราะเราสนใจเรื่องรสชาติกาแฟ เรื่องการค้นหาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่ดีมาให้คนไทยได้ลอง”

นักชิมกาแฟมือรางวัลมองว่าถ้าเป็นร้านกาแฟธรรมดา จุดโฟกัสจะต้องไปอยู่ที่การบริการมากกว่าเรื่องการคั่วเมล็ดกาแฟ อย่างไรก็ตาม บาร์กาแฟในร้านก็เป็นส่วนเสริมที่ทำให้คนรักกาแฟสามารถเข้ามาเมล็ดกาแฟที่ชอบ หรือทดลองชิมเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟที่สนใจอยู่

ทำให้เมนูกาแฟของ Roast Runner ไม่ได้มีเมนูที่พิศดารหรือพิเศษมากนัก เพราะใจความสำคัญอยู่ที่เมล็ดกาแฟที่เลือกใช้เมนูคลาสสิกกาแฟทั่วไป

“ส่วนใหญ่ในร้านจะเสิร์ฟกาแฟแบบเพียวๆ กาแฟดริป เอสเปรสโซช็อต อย่างมากก็ใส่นม ไม่ใส่ไซรัป ไม่ปรุงแต่ง แต่พิเศษตรงที่ลูกค้าสามารถเลือกเมล็ดกาแฟในการชงเมนูนั้นได้เอง โดยเรามีพนักงานไว้คอยแนะนำด้วยว่าเมนูนี้เหมาะกับเมล็ดกาแฟแบบไหน”

แม้จะเป็นนักชิมกาแฟมือรางวัลและเจ้าของโรงคั่วกาแฟ แต่บางครั้งเพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็ว การใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติก็ตอบโจทย์ในวันรีบๆ ได้อย่างดี เขาสาธิตเมนูกาแฟคาปูชิโน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมของทางร้าน Roast Runner ผ่านเครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติเต็มรูปแบบ Philips 5400 LatteGo โดยเจ้าตัวรู้สึกถูกใจในคุณภาพกาแฟที่ได้ ทั้งรสสัมผัสของกาแฟ ความหอม ครบทุกความต้องการ

“สะดวกสบายมากเลยนะ เราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟอะไรก็ได้ใส่บดในเครื่องได้เลย บางทีถ้าเราอยากชงดื่มที่บ้านเองต้องมีเครื่องบดกาแฟแยก แต่เครื่องนี้มีทั้งหมดเลย มีปุ่มฟังก์ชันปรับน้ำเยอะน้ำน้อย จะเพิ่มช็อตเอสเปรสโซก็ได้ ฟองนมเยอะหรือน้อยก็ได้ เราตั้งค่าเอาไว้ให้คนในบ้านที่อาจไม่ได้มีทักษะการชงกาแฟให้ใช้เองได้เลย

“ผมเซฟไว้ 4 แบบ ตามความชอบของแต่ละคนที่บ้าน Philips LatteGO เครื่องนี้ มาตรฐานดี สะดวก ดูแลง่าย เหมาะกับเอาไว้ใช้ในบ้านมากๆ นี่คือความยอดเยี่ยมของเครื่องนี้ ใช้งานง่าย แต่รสชาติแบบที่คนซีเรียสพอใจ”

 

วรพล ถือความสัตย์ บาริสต้าหนุ่มแห่ง Factory Coffee เจ้าของสโลแกน ‘พญาไท ใครก็ได้’

 “เราเป็นบาริสต้า วันๆ หนึ่ง เราชงกาแฟออกมารสชาติยังไม่ค่อยเหมือนกันทุกแก้วเลย แต่เครื่องชงกาแฟฟิลลิปส์มีข้อดีทำให้กาแฟทุกแก้วออกมามีรสชาติใกล้เคียงไม่ผิดเพี้ยน มีออพชันปรับอุณหภูมิได้ ปรับความเข้ม ระดับน้ำ ถ้าอย่างเป็นเมนูอเมริกาโน ก็เพิ่มระดับน้ำ เพิ่มช็อตกาแฟได้ ซึ่งเรายังไม่เคยเจอมาก่อน”

Factory Coffee น่าจะเป็นร้านกาแฟที่รวมบาริสต้ามือรางวัลเอาไว้มากที่สุดร้านหนึ่ง ‘เพฟ’ – ณัฐพงศ์ นภาพิพัฒน์ คว้าอันดับ 3 จาก CP Meiji Latte Art 2015 ในปีถัดมา ‘แมน’ – อธิป อาชาเลิศตระกูล คว้าตำแหน่งชนะเลิศ Thailand Indy Barista Champion 2016 ‘สมาร์ท’ – วรพล ถือความสัตย์ คว้าตำแหน่งชนะเลิศ Thailand Indy Barista Champion 2017 ตามด้วย ‘บิว’ – เศรษฐการ วีรกุลเทวัญ ที่คว้า National Thailand Barista Champion 2017 ก่อนที่อธิป  จะกลับมาคว้าแชมป์ National Thailand Barista Champion 2018 ได้อีกครั้ง โดยมีทีมหนุนอย่าง ‘นิค’ – นฤพนธ์ วุฒิภาพภิญโญ หุ้นส่วนร้านอีกคนที่ช่วยสนันสนุนทีมในการแข่งขัน

‘สมาร์ท’ – วรพล ถือความสัตย์ บาริสต้าหนุ่มและหนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน Factory Coffee บอกว่า พวกเขาตั้งรกรากที่พญาไทมาได้นานสองปีแล้ว ร้านค่อยๆ เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักของคนแถวนี้ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เมล็ดกาแฟพันธุ์พญาไท ที่เราถึงกับขอให้เขาอธิบายเพิ่มว่ามันเป็นอย่างไร

เขาหยิบซองเมล็ดกาแฟสีขาวขึ้นมา ก่อนจะเผยให้เห็นถึงฉลากด้านหน้า พลางเริ่มอธิบายว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคือเมล็ดกาแฟสายพันธุ์พญาไท ที่มาใช้เบลนด์กับเมนูซิกเนเจอร์ต่างๆ โดยเมล็ดกาแฟที่ว่ามีแหล่งเพาะปลูกอยู่ที่หมู่บ้านแม่จันใต้ อำเภอแม่สวย จังหวัดเชียงราย โดยทางร้านพิถีพิถันกับการคัดเลือกเมล็ดตั้งแต่แหล่งเพาะปลูก จนส่งต่อถึงโรงคั่วเมล็ดที่อยู่หลังร้าน ก่อนนำมาใช้ภายในร้าน รวมถึงบรรจุวางขายแยกอยู่หน้าร้าน


“มิสซิสโคลด์ (Mrs. Cold) ใช้เมล็ดกาแฟพญาไทมาทำเมนูนี้ โดยรวมแล้วรสชาติก็จะคล้ายๆ กับลาเต้เย็น จุดที่ต่างออกไปคือทางเราจะไม่ใส่น้ำแข็ง แต่จะใช้นมและแก้วที่อุณหภูมิเย็นจัดแทนเพื่อไม่ให้ตัวรสชาติเสียไป ราดด้านบนด้วยช็อตเอสเปรสโซ เวลาดื่มเราจะได้รสสัมผัสที่หลากหลาย กินง่าย ไม่เข้มเกิน ไม่หวานเกิน” ต้องบอกว่าความกลมกล่อมของกาแฟลาเต้แก้วนี้ช่างละมุนลิ้นเป็นอย่างยิ่ง ถูกใจคอกาแฟนมแน่นอน กลิ่นหอมจากเมล็ดกาแฟโดดเด่นตัดกับรสหวานนิดๆ ของนมเข้ากันดีเยี่ยม

อีกเมนูซิกเนเจอร์ที่อยากแนะนำคือ มอคค่า ซีซอลต์ (Mocha Sea Salt) เป็นเมนูมอคค่าที่มีความพิเศษคือด้านบนจะเป็นครีมช็อกโกแลตเย็นโรยหน้าด้วยเกลือ รสเค็มจากเกลือจะตัดกับความหวานของตัวครีมช็อกทำให้รสชาติไม่เลี่ยนจนเกินไป แถมได้เนื้อสัมผัสอุ่นๆ ของตัวมอคค่าและสัมผัสเย็นจากครีมช็อกเย็น

แค่สองเมนูเราก็ได้สัมผัสกับรสชาติอันยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือถึงดีกรีรางวัลระดับประเทศของร้าน Factory Coffee คราวนี้เราเลยลองเพิ่มความท้าทายให้กับบาริสต้าหนุ่มลองทำเมนูมิสซิสโคลด์ ด้วยเครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติเต็มรูปแบบ Philips 5400 LatteGo ว่าผลลัพธ์คุณภาพที่ได้จะออกมาเหมือนทางร้านทำหรือไม่

เขาเลือกเมล็ดกาแฟแม่จันใต้ ก่อนจะเปิดซองเทเมล็ดกาแฟลงไปในเครื่อง แล้วใส่นมลงยังช่องด้านข้าง เลือกทำอุณหภูมินมให้อุ่นก่อน ตามด้วยช็อตเอสเปรสโซ โดยหลังจากที่ลองชิมแล้ว เขาบอกว่าคุณภาพของกาแฟแก้วนี้ที่มาจากเครื่องชงกาแฟ Philips LatteGo ให้รสชาติที่ดีไม่น้อย

“พอลองใช้ก็พบว่า จุดเด่นจริงๆ ของเครื่องชงกาแฟเครื่องนี้คือการทำงานที่ง่าย เราเป็นบาริสต้า วันๆ หนึ่ง เราชงกาแฟออกมารสชาติยังไม่ค่อยเหมือนกันทุกแก้วเลย แต่เครื่องชงกาแฟฟิลลิปส์มีข้อดีทำให้กาแฟทุกแก้วออกมามีรสชาติใกล้เคียงไม่ผิดเพี้ยน มีออพชันปรับอุณหภูมิได้ ปรับความเข้ม ระดับน้ำ ถ้าอย่างเป็นเมนูอเมริกาโน ก็เพิ่มระดับน้ำ เพิ่มช็อตกาแฟได้ ซึ่งเรายังไม่เคยเจอมาก่อน”

“ที่สำคัญ พอลองใช้งานแล้วพบว่า เครื่องยังปรับเบอร์บดเมล็ดกาแฟได้ด้วย ถือว่าเป็นข้อดีมากๆ เพราะการปรับเบอร์บดเมล็ดกาแฟ หรือปรับอุณหภูมิได้ ซึ่งจะช่วยให้รสชาติของตัวกาแฟดียิ่งขึ้น หากเทียบกับเครื่องชงแบบแคปซูลแล้วถือว่าดีกว่ามากทั้งความสดใหม่ แถมเลือกได้อีก 12 เมนู ยิ่งถ้าเราเล่น ปรับโน่นนี่ไปเรื่อยๆ มันทำได้มากกว่านั้นอีก” วรพลกล่าวถึงข้อดีของเครื่องชงกาแฟ Philips LatteGo

ก่อนจะจากกันเขาแอบกระซิบว่า ทางร้านนอกจากเมล็ดกาแฟพญาไทแล้วยังมีอีกสองชนิดที่อยากให้ลองกัน คือเมล็ดกาแฟแม่จันใต้ และเมล็ดกาแฟเอคโค ที่เหมาะแก่การซื้อกลับไปชงที่บ้าน แนะนำว่าอยากกินแนวไหนลองให้ทางร้านแนะนำก่อนก็ได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ Factory Coffee สามารถมานั่งกินกาแฟที่ร้านได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00–18.00 น. ร้านหาไม่ยาก สังเกตดีๆ จะอยู่ติดกับแอร์พอร์ตลิงก์พญาไท โดยทางร้านมีมาตรการป้องกันโควิดแน่นหนา ปลอดภัยหายห่วง

 

สิรณัฏฐ์ ลือเวศพาณิช เจ้าของ RIVA Floating Café ผู้บุกเบิกร้านกาแฟลอยน้ำ

“เครื่องนี้เราว่าเล่นง่ายกับฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอ ได้ความสะดวกสบาย ใช้ง่ายและไม่ต้องดูแลเยอะ
รสชาติอย่างอเมริกาโนก็ดี เหมาะกับมีไว้ในบ้านหรือออฟฟิศ แทนเครื่องชงกาแฟสดได้ดี แล้วก็มีเมนูครอบคลุมทุกกาแฟแล้ว”

RIVA Floating Café น่าจะเป็นร้านกาแฟที่อยู่ในใจใครหลายคน แม้จะเปิดมานานหลายปี แต่ด้วยบรรยากาศติดแม่น้ำนครชัยศรีที่ยังเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่พายเรือกันไปมา พร้อมกับความร่มรื่นของต้นไม้ ซึ่งอยู่ภายใต้ปานเทวี ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ก็ยังรู้สึกสงบและสบายใจทุกครั้ง

‘ปาว’ – สิรณัฏฐ์ ลือเวศพาณิช อดีตมัณฑนากรที่กล้าออกจากบ้านประจำมาเปิดคาเฟ่ในชื่อ RIVA Floating Cafe เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว แถมยังอยู่ไกลถึงพุทธมณฑลสาย 7 ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ ต้องขับรถเหมือนเข้าไปในสวนของใครสักคน

แต่ RIVA Floating Café ก็มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นร้านกาแฟลอยน้ำเจ้าแรกๆ ในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ บวกกับวิวแม่น้ำนครชัยศรีอันกว้างใหญ่ รสชาติกาแฟที่ยังคงรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลาย กาลเวลาก็พิสูจน์แล้วว่าต่อให้ทำเลยากเย็นแค่ไหน แต่ถ้าเครื่องดื่มมีคุณภาพและการบริการที่ดี ร้านกาแฟก็อยู่ได้

“ตอนเรียนจบ เราไปทำงานบริษัทเป็นพนักงานประจำได้สามปี แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ทางของเรา เราต้องอดหลับอดนอน แก้งานลูกค้า คือเราชอบร้านกาแฟมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชอบไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟ ก็เลยคิดว่าอยากลองเปิดดู สมัยสิบปีที่แล้วยังไม่มีคาเฟ่เยอะเหมือนทุกวันนี้

“ตรงนี้เป็นรีสอร์ทของพ่อ เราเห็นว่ามีริมน้ำที่ยังว่างอยู่ แล้วร้านกาแฟสมัยนั้นก็ยังไม่ใช่แบบทุกวันนี้ เราเรียนออกแบบมา ก็เลยคิดคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟลอยน้ำ ใช้ความเป็นไทยจากตัวรีสอร์ทที่เป็นสไตล์ล้านนา เพิ่มความอบอุ่นด้วยโทนสีไม้และขาว บวกกับวิถีชีวิตของคนริมแม่น้ำ ที่เราจะเห็นว่าเขายังพายเรือขายของกันอยู่”

หากย้อนไปเกือบสิบปีที่แล้ว ยังไม่ค่อยมีคลาสเรียนทำกาแฟ วงการกาแฟไทยก็ยังไม่คึกคักเหมือนทุกวันนี้ เขาใช้เวลาก่อนเปิดร้านฝึกฝนการชงกาแฟนานนับปี

“ช่วงแรกเราฝึกเอง งูๆ ปลาๆ ซื้อเครื่องทำกาแฟมาทำอยู่บ้านเกือบปี ชงให้คนที่บ้านกิน เพราะสมัยก่อนไม่ได้มีที่เรียนเหมือนปัจจุบัน แต่พอร้านเริ่มอยู่ตัว มีลูกน้อง เราก็ออกไปหาความรู้เพิ่มมากขึ้น ออกไปดอยที่เชียงใหม่ ไปหาเมล็ดกาแฟ specialty มากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงขั้น specialty แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะร้านเราใหญ่ ก็ต้องนึกถึงลูกค้าแมสด้วย แต่ทำให้คุณภาพกาแฟที่เสิร์ฟออกไปดีที่สุด”

เมนูเด่นๆ ของ RIVA Floating Café ที่มาแล้วต้องสั่ง นั่นคือ Matum In Black น้ำมะตูมโฮมเมด เพิ่มช็อตกาแฟเอสเปรสโซ ซึ่งก็จะได้อารมณ์น้ำสมุนไพรตัดกับความเข้มของกาแฟ กับเมนู UK Red Devil น้ำแดงเฮลบลูบอยผสมช็อตกาแฟเอสเปรสโซ เป็นอีกเมนูที่แปลกดีเหมือนกัน

สิรณัฏฐ์บอกว่า เมล็ดกาแฟของทางร้านจะเป็นเฮาส์เบลนด์ที่ให้พาร์ตเนอร์ที่เป็นโรงคั่วทำการคั่วให้​ โดยเน้นไปที่เมล็ดกาแฟไทย บราซิล และเคนยา คั่วในระดับกลางถึงเข้ม ทำให้ได้กาแฟที่มีความช็อกโกแลตนิดๆ เหมาะกับเมนูกาแฟใส่นม

เขาเลยสาธิตเมนูลาเต้มัคคิอาโต้ ผ่านเครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติเต็มรูปแบบ Philips 5400 LatteGo ซึ่งเมนูนี้มีเลเยอร์ของนมและกาแฟหลายชั้น

“เรารู้สึกเซอร์ไพรส์กับเมนูลาเต้มัคคิอาโต้ เครื่องทำฟองนมได้หนานุ่มเป็นเลเยอร์ได้มาตราฐานค่อนข้างดีทีเดียว กาแฟก็ออกมานวลดี มีบอดี้

“เครื่องนี้เราว่าเล่นง่ายกับฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอ ได้ความสะดวกสบาย ใช้ง่าย และไม่ต้องดูแลเยอะ รสชาติอย่างอเมริกาโนก็ดี เหมาะกับมีไว้ในบ้านหรือออฟฟิศแทนเครื่องชงกาแฟสดได้ดี แล้วก็มีเมนูครอบคลุมทุกกาแฟแล้ว หัวบดกาแฟทำจากเซรามิก ทั้งทนและเที่ยง ใช้กันได้ยาวๆ ผมว่าดีเลยครับ”

Fact Box

  • Bottomless Flagship Store ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. โทร. 06-5592-294 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb.com/bottomlessflagshipstore
  • Roast Runner ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ ทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวันเวลา 9.00-17.00 น. โทร. 09-5925-4437 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  fb.com/roastrunner
  • Factory Coffee สถานีแอร์พอร์ตลิงก์พญาไท เปิดบริการ 8.30-18.00 น. โทร.08-0958-8050 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb.com/factorybkk
  • Riva Floating Café พุทธมณฑลสาย 7 ต.หอมเกร็ด อ.สามพราน จ.นครปฐม เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb.com/RIVAfloatingcafe
  • เครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติเต็มรูปแบบ Philips 5400 LatteGo มีเมนูกาแฟมากถึง 12 เมนู พร้อมด้วยระบบ LatteGo ความเร็วสูงช่วยทำฟองนม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://bit.ly/2PL7Zo8
Tags: , , , , ,