‘ชีวิตดี’ ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน

เรานิยามความหมายของ ‘ชีวิตดี’ ไม่เท่ากัน

บางคนมันคือการทำงานหนักตลอดชีวิต เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว และมีเงินเก็บสะสมไว้ใช้ตอนเกษียณอายุ

บางคนให้ค่าของคำว่า ‘ชีวิตดี’ คือการมีความสุขในทุกวัน เห็นคนรอบข้างมีความสุขสบาย ได้ทำตามใจตัวเอง อยากกินก็ได้กิน อยากนอนก็ได้นอน หรืออยากเที่ยวก็ได้เที่ยว

แต่สำหรับคนที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งเวลา หน้าที่การงาน และทุนทรัพย์ คนกลุ่มนี้อาจเรียกได้ว่ามีความมั่งคั่งมาตั้งแต่เกิด หรือประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย พอมาถึงจุดหนึ่งในวัยที่เป็นผู้ใหญ่ มีความนิ่ง สุขุม และเลือกการใช้ชีวิตได้ พวกเขามักทำในสิ่งที่ตัวเองรัก หรือทำตาม Passion ที่มีอยู่ในตัว ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำอีกต่อไป แต่หาเวลาที่จะคืนสมดุลให้ชีวิตด้วยการพักผ่อนหรือมีชีวิตด้านอื่นที่สร้างสุขให้พวกเขาได้เช่นกัน

ในหนังสือเรื่อง The 4-Hour Workweek ของนักเขียน Timothy Ferris บัญญัติไว้ว่าแทนที่คนเราจะทำงานหนักแล้วรอพักยาวทีเดียวในช่วงเกษียณ ทำไมถึงไม่ลองเบรกจากงานเป็นช่วงๆ แล้วใช้ชีวิตให้คุ้มตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ?

ไม่ว่าหนังสือเล่มนี้จะบอกกับคนอ่านสำหรับกลุ่มคนแบบไหนก็ตาม แต่มันได้ให้ความหมายในแง่ของ ‘Work-Life Balance’ ได้ดีที่สุด เพราะหากคุณประสบความสำเร็จแล้ว เพียบพร้อมอยู่แล้ว เท่ากับว่าคุณก็มีเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบ หรือมีไลฟ์สไตล์ในแบบที่อยากเป็น

ชีวิตดีของคนกลุ่มนี้คืออยู่ดี กินดี หาประสบการณ์ใหม่ๆ โดยลงทุนกับอาหารระดับมิชลินสตาร์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิตของตัวเอง หรือเลือกเดินทางท่องเที่ยวในทุกช่วงวันหยุดสัปดาห์ แม้กระทั่งทริปหยุดยาวๆ พร้อมปักหมุดไปในประเทศที่ไม่เคยไป

การอยู่ดีก็ต้องเริ่มต้นจากที่อยู่อาศัย ที่ได้รางวัล Best Residential Award การลงทุนกับคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ สร้างความสุขทั้งร่างกายและจิตใจจึงเป็นเรื่องจำเป็น ยิ่งปัจจุบันความยุ่งเหยิงในเมืองทั้งปัญหารถติด มลภาวะต่างๆ อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความเครียดได้

แล้วคอนโดมิเนียมแบบไหนที่ควรค่าแก่การลงทุน ก็ต้องบอกว่าสำหรับคนที่พร้อมจะจ่าย คอนโดมิเนียมแบบให้ความเป็นส่วนตัวน่าจะเป็นคำตอบที่ดี คอนโดมิเนียมแบบโลไรซ์ ที่อยู่ใจกลางเมือง ในบรรยากาศที่เหมือนกับได้พักผ่อนอยู่ตามรีสอร์ทหรูหรือโรงแรมระดับห้าดาวที่คุณเคยไป

ยกตัวอย่าง The Reserve 61 Hideaway เป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยคอนเซ็ปต์โครงการแบบ Luxury Hideaway Residence คือสะดวกสบาย สงบเงียบ และหรูหรา อย่างแรกในเรื่องความสะดวกสบายแค่ทำเลก็ถือว่าเป็นทำเลทองแล้ว ตัวโครงการเข้าออกได้จากทั้งสุขุมวิท 61 และเอกมัยซอย 1 แถมใกล้ BTS ทองหล่อและเอกมัย รวมทั้งแหล่งช้อปปิ้งห้างสรรพสินค้า Emquartier และ Emporium

ขณะที่ความสงบเงียบจากสวน Hideaway Garden ร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจี มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนอยู่รีสอร์ทหรู ดีต่อร่างกายและจิตใจ อย่างสระว่ายน้ำแบบ Infinite Pool ความยาวถึง 141 เมตร มี Private Salon & Spa, Wellness Retreat  & Onsen และ Fitness Suite พร้อม Concierge by The Reserve, Reception ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน พร้อมรีเซพชั่นที่สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นไว้คอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ชีวิตกลางเมืองใหญ่ดูง่ายและเอื้อต่อการผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

ส่วนความหรูหราอยู่ที่รายละเอียดอย่างการใช้พื้นไม้จริงปูลายก้างปลาตามแบบพระราชวังแวร์ซายส์การเลือกผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เช่น สุขภัณฑ์ Villeroy & Boch แบรนด์เก่าแก่กว่าสองร้อยปีจากเยอรมนี ชุดครัว Gorenje ที่ออกแบบโดยฟิลิปป์ สตาร์ค ซึ่งไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ฟังก์ชั่นก็ใช้งานได้จริง การมีเครื่องบดเศษอาหารไว้เพื่อลดปัญหาการอุดตันของท่อน้ำทิ้ง ประตูหน้าห้องมีสองบาน แยกบานเล็กให้มีใหมีกล่องไปรษณีย์ในตัว

เรื่องของเทคโนโลยีก็ขาดไม่ได้ เพราะมี Smart Locker ไว้สำหรับลูกบ้านที่ช้อปปิ้งออนไลน์ โดยคุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าต้องกลับมาให้ทันรับพัสดุจากนิติบุคคล  

นับเป็นหนึ่งในที่ดินแปลงใหญ่ผืนสุดท้ายในย่านสุขุมวิท ซึ่งแน่นอนว่ามูลค่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในอนาคต ซึ่งการลงทุนใน The Reserve 61 Hideaway จึงเป็นทั้งการลงทุนให้กับความสุขและคุณภาพชีวิตของตนเองและการลงทุนทางการเงินในระยะยาว

Fact Box

The Reserve 61 Hideaway คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์สุดหรูจากพฤกษา เรียลเอสเตท ภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Hideaway Residence โดดเด่นในซอยสุขุมวิท 61 เพียง 3 นาที จากทองหล่อ และเพียง 2 นาทีจาก BTS เอกมัย และ 5 นาที จาก BTS ทองหล่อ เพียง 2 สถานี BTS จากห้างสรรพสินค้า Emquartier และ Emporium ในราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก http://bit.ly/2DMEcVN