เพียงวันเดียวหลังจากที่ เจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอของแอมะซอนกล่าวในงานประชุมของนิตยสาร Wired ว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทก้าวมาเป็นผู้นำของธุรกิจ คือการตัดสินใจทำในสิ่งที่คนอื่นไม่นิยมทำ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พนักงานแอมะซอนคนหนึ่งก็เขียนบล็อกลงในเว็บไซต์ Medium ว่า ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พนักงานของบริษัท 450 คนร่วมลงชื่อในจดหมาย แสดงความกังวลต่ออุปกรณ์จดจำใบหน้าของแอมะซอน

พนักงานแอมะซอน 450 คนลงชื่อเรียกร้องเจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอของบริษัทและผู้บริหารคนอื่นๆ แบนบริษัท Palantir จากเว็บไซต์แอมะซอน  Palantir เป็นบริษัทขายซอฟต์แวร์ที่ใช้ในหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและโปรแกรมติดตามตัว ในจดหมายระบุว่า กังวลว่าตอนนี้แอมะซอนกำลังออกแบบ ทำการตลาด และขายระบบเพื่อสอดส่องประชาชน

เรื่องโปรแกรมจดจำใบหน้า เป็นประเด็นร้อนแรงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว พนักงานกลุ่มนี้ยังขอให้ซีอีโอฟังเสียงของพนักงานที่ตั้งคำถามในประเด็นจริยธรรมของบริษัท

ในบล็อกดังกล่าว เขียนโดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า พนักงานคนหนึ่งของแอมะซอน (An Amazon Employee) บอกว่า “บนเวที เบโซส์รับรู้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทไอทีขนาดใหญ่จะถูกใช้แบบผิดๆ หรือถูกนำไปใช้กดขี่โดยผู้มีอำนาจ แต่แทนที่เขาจะอธิบายว่าแอมะซอนจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด เบโซส์กลับแนะนำให้เรารอการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันของสังคม”

“เว็บไซต์แอมะซอนโอ้อวดความสามารถของระบบในการเก็บและค้นหาใบหน้าได้ 10 ล้านคนได้ในเวลาเดียวกัน” พนักงานอีกคนหนึ่งโพสต์ในเว็บ Medium “หน่วยงานด้านทหาร ตำรวจ หรือกองตรวจคนเข้าเมือง (Law enforcement) เริ่มใช้เครื่องมือจดจำใบหน้าแล้ว โดยไม่มีการถกเถียงกันของสาธารณะหรือมีข้อห้ามในการใช้งานจากแอมะซอน”

หน่วยงานราชการในออร์แลนโด ฟลอริดา เริ่มใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าที่ชื่อ Rekognition แล้วเพื่อเปรียบเทียบรูปถ่ายกับฐานข้อมูลภาพถ่ายอาชญากร แอมะซอนแนะนำให้ใช้ซอฟต์แวร์นี้กับกล้องของเจ้าหน้าที่

ในเดือนกรกฎาคม สหภาพเสรีภาพพลเมืองชาวอเมริกันหรือเอซีแอลยู (American Civil Liberties Union – ACLU) ทดสอบการใช้ Rekognition ด้วยการอัปโหลดภาพถ่ายอาชญากรเข้าไป 10,000 ภาพ แล้วเปรียบเทียบกับรูปถ่ายของสมาชิกสภาคองเกรส ผลปรากฏว่า การจับคู่ผิดพลาด 28 รูป ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องสีผิว

“ผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังขายอยู่นี้เป็นเทคโนโลยีที่บกพร่องและเพิ่มอคติที่มีอยู่แล้ว อคติที่อยู่ในสังคมและระบบยุติธรรมของเราเอง การใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าเป็นแค่การผลิตซ้ำและส่งเสริมระบบแห่งการกดทับให้ขยายใหญ่ขึ้น” พนักงานนิรนามรายนี้ระบุ

นอกจากนี้พนักงานคนอื่นๆ ยังรู้สึก “ผิดหวัง” เมื่อเทเรซา คาร์ลสัน (Teresa Carlson) รองประธานของแอมะซอน เว็บ เซอร์วิส กล่าวว่า “บริษัทมุ่งมั่นสนับสนุนลูกค้าที่เป็นทหาร ตำรวจ หน่วยงานกลาโหมและหน่วยข่าวกรอง แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาใช้เครื่องมือไปทำอะไร”

พนักงานที่โพสต์ข้อความทิ้งท้ายไว้ว่า “แอมะซอนพูดเรื่องคุณค่าของภาวะผู้นำมากมาย ถ้าเราต้องการเป็นผู้นำ เราก็ต้องเลือกระหว่างประชาชนและกำไร เราขายระบบสอดส่องประชาชนที่อันตรายให้กับตำรวจ หรือเราจะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เราทำทั้งสองอย่างไม่ได้”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พนักงานของบริษัทที่ขายเทคโนโลยีให้กับหน่วยงานของรัฐเขียนจดหมายลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้ พนักงานของกูเกิลและไมโครซอฟท์ก็เขียนจดหมายประท้วงการที่บริษัททำสัญญาจัดหาเอไอและระบบคลาวด์คอมพิวติ้งให้กับกระทรวงกลาโหม

ขณะที่เมื่อวันอังคารที่ 16 ต.ค.  เบโซส์ไม่ตอบจดหมาย แต่ปกป้องการตัดสินใจของบริษัทในการทำงานร่วมกับรัฐบาล และไม่ตอบคำถามกับสื่อเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของพนักงาน

 

 

ที่มา:

ที่มาภาพ: https://aws.amazon.com/th/blogs/aws/amazon-rekognition-update-celebrity-recognition/