เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 ประธานาธิบดี อี แจมยอง (Lee Jae-Myung) เรียกร้องให้คณะรัฐบาลพิจารณา ‘การรักษาโรคผมร่วง’ เข้าสู่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยระบุว่า สิ่งนี้เป็น ‘เรื่องสำคัญต่อชีวิต’ ของประชาชน
อี แจมยองระบุว่า “ในอดีต การรักษาโรคผมร่วงถูกมองเป็นเรื่องความสวยความงาม แต่สำหรับปัจจุบัน นี่เป็นเรื่องสำคัญต่อการอยู่รอดในสังคมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาว”
ปัจจุบันระบบประกันสุขภาพแห่งชาติของเกาหลีใต้ ให้ความคุ้มครองโรคผมร่วงที่เกิดจากความผิดปกติทางการแพทย์เท่านั้น เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม ส่วนอาการผมร่วงซึ่งเกิดจากอายุเพิ่มขึ้น ไม่สามารถเบิกจ่ายภายใต้ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติได้
ข้อเสนอของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้รับคำชื่นชมจากประชาชนบางส่วน โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้บนโซเชียลมีเดียว่า “ประธานาธิบดีอี แจมยองคือประธานาธิบดีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์”
“ถ้าข้อเสนอนี้ได้รับความเห็นชอบ จะสามารถช่วยเหลือภาระทางการเงินของผมได้มาก” คิม สถาปนิกวัย 40 ปีผู้เข้ารับการรักษาโรคผมร่วงมานานกว่า 3 ปี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Korea Times
“สำหรับหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชายหนุ่ม การสูญเสียผมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก แต่พวกเขาต้องเผชิญกับแรงกดดันและการเลือกปฏิบัติจากสังคม เมื่อพวกเขาต้องหางานหรือออกเดต” คิมกล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของอี แจมยองกำลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่า ผู้นำประเทศกำลังจัดลำดับความสำคัญด้านการรักษาพยาบาลอย่างผิดพลาด ทั้งที่ระบบประกันสุขภาพของประเทศมีทรัพยากรและงบประมาณอย่างจำกัด
ในปีที่แล้ว ระบบประกันสุขภาพของเกาหลีใต้ประสบกับภาวะขาดดุลมากถึง 7,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.42 แสนล้านบาท) ซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุภายในประเทศกำลังเพิ่มมากขึ้น
สมาคมแพทย์เกาหลีออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า “แทนที่จะนำเงินประกันสุขภาพไปลงทุนสำหรับการรักษาโรคผมร่วง การให้ความสำคัญกับการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ ดูจะเหมาะสมกับหลักการของระบบประกันสุขภาพมากกว่า”
ขณะที่ความคิดเห็นจากโซเชียลฯ กล่าวว่า เกาหลีใต้ยังเผชิญกับปัญหาสังคมที่ใหญ่มากกว่าแค่โรคผมร่วง ไม่ว่าจะทั้งการฆ่าตัวตายหรือการเกลียดชังผู้หญิง
“ในประเทศที่ผู้คนไม่พอใจอย่างหนัก เมื่อมีการเรียกร้องผ้าอนามัยฟรี หรือการเสนอให้โรคมะเร็งเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ แต่กลับมีการพูดถึงเรื่องการคุ้มครองโรคผมร่วง ช่างเป็นเรื่องน่าตลกเสียจริง” หนึ่งในความคิดเห็นบน X
กลยุทธ์ทางการเมืองของอี แจมยอง
แท้จริงแล้วข้อเรียกร้องให้คุ้มครองการรักษาโรคผมร่วง ภายใต้ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยอี แจมยองเคยใช้ประเด็นนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงเลือกตั้งในช่วงปี 2022 มาก่อนแล้ว
บรรดานักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า นโยบายข้างต้นเป็นเพียงเรื่องฉาบฉวยที่แจมยองต้องการเรียกคะแนนเสียง จากกลุ่มชายหนุ่มที่มีอุดมการณ์อนุรักษนิยม ท่ามกลางกระแสต่อต้านสตรีนิยมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเขากลับพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับอดีตประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol)
อี แจมยองเริ่มต้นผลักดันนโยบายนี้อีกครั้ง ทันทีที่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อช่วงต้นปี 2025 โดยนักวิเคราะห์การเมืองเชื่อว่า เขาต้องการขยายฐานเสียงสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะมาถึงในปี 2026
นับตั้งแต่การขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี อี แจมยองให้ความสำคัญกับกลุ่มคนหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเขามองว่า กลุ่มคนเหล่านี้กำลังเผชิญกับความกดดันในสังคมและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากการรักษาโรคผมร่วง อี แจมยองยังเสนอให้นำยารักษาโรคอ้วนเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยให้เหตุผลว่า กลุ่มคนหนุ่มสาวกำลังถูกกีดกันออกจากระบบดังกล่าว เนื่องจากสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่
ที่มา:
– https://www.bbc.com/news/articles/c773mnpre07o
Tags: เกาหลีใต้, South Korea, อีแจมยอง




