ผู้สมัครสอบ 3.7 ล้านคน เตรียมเข้าสอบรับข้าราชการพลเรือนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลจีนประกาศขยายอายุเกษียณข้าราชการพลเรือน แม้ว่าค่าตอบแทนงานราชการจะไม่สูงมาก แต่จำนวนผู้สมัครสอบได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการตกงาน และการสร้างความมั่นคงในชีวิต

สำหรับปีนี้ ข้าราชการพลเรือนจีนมีตำแหน่งว่างรวมทั้งสิ้น 38,100 ตำแหน่ง ทั้งจากหน่วยงานกลางของรัฐและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับรัฐ แต่เมื่อนำมาเทียบกับจำนวนผู้สมัครสอบทั้งหมดแล้ว พบว่ามีผู้แข่งขันมากถึง 95 คนต่องาน 1 ตำแหน่ง

ทางการจีนระบุว่า ตำแหน่งที่เปิดรับสมัครมากที่สุดคือ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในเมืองรุ่ยลี่ เมืองทางตะวันตกของมณฑลยูนนาน 

การสอบรับราชการของจีนขึ้นชื่อเรื่องความโปร่งใสและยากมากที่สุด ซึ่งข้อสอบมักจะประกอบไปด้วยความรู้ที่เกี่ยวกับกฎหมาย ฟิสิกส์ ชีววิทยา รัฐศาสตร์ และทักษะการวิเคราะห์ นอกจากนี้บางหน่วยงานยังจัดสอบแยก เพื่อทดสอบความรู้เฉพาะทางทั้งในรูปแบบของข้อเขียนและการสัมภาษณ์

ทั้งนี้ แม้ว่าข้าราชการพลเรือนจะมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน รัฐบาลท้องถิ่นจะประสบปัญหาหนี้ ทำให้ต้องค้างจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ทว่าความต้องการในการรับราชการกลับเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชีวิตและความท้าทายด้านเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน อัตราการว่างงานภายในประเทศจีนอยู่ที่ร้อยละ 5.1 สำหรับแรงงานทั่วไป และร้อยละ 17.3 สำหรับกลุ่มคนช่วงอายุ 16-24 ปี นอกจากนี้ ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยิ่งมีแนวโน้มทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น กลุ่มคนหนุ่มสาวจึงรวมตัวกันประท้วงเงียบ สร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘การนอนนิ่ง’ เพื่อต่อต้านสังคมที่เต็มไปด้วยความกดดันจากการหางาน

เฉิน เจอไค (Chen Zhekai) บัณฑิตจบใหม่วัย 24 ปี จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติประเทศจีน ระบุว่า เขาตั้งใจที่จะเข้าสอบรับราชการ เพื่อรับใช้ชาติและสร้างประโยชน์ให้กับสังคม และมองว่า ตนเองไม่เหมาะที่จะอยู่ในสังคมและวัฒนธรรมการทำงานที่เต็มไปด้วยความกดดันและแข่งขันสูงในภาคเอกชน

เฉิน เจอไคยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า เขาตั้งใจที่จะสมัครรับราชการในจังหวัดฟู่เจี้ยนบ้านเกิดของเขา “การได้ทำงานที่บ้านเกิดคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิตผม การได้อยู่กับครอบครัว มีความเครียดน้อย และมีความทะเยอทะยานในชีวิตที่ไม่มากจนเกินไป…การมีเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้ผมใจเย็นและกดดันตัวเองน้อยลง”

ในช่วงปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ประกาศขยายอายุเกษียณข้าราชการพลเรือนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 โดยข้าราชการผู้หญิงมีการขยายอายุเพิ่มจาก 55 ปี เป็น 58 ปี และข้าราชการผู้ชายมีการขยายอายุเพิ่มจาก 60 ปี เป็น 63 ปี เนื่องมาจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องออกมาตรการการลดเงินบำนาญของข้าราชการ 

ย้อนกลับไปช่วงที่ประเทศจีนอยู่ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตง (Mao Zedong) ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน การรับราชการถูกเรียกขานอีกอย่างหนึ่งว่า งาน ‘ชามข้าวเหล็ก’ ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นภาพว่า จะมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต

แม้ว่าในช่วงที่ประเทศจีนประกาศแผนปฏิรูปและเปิดประเทศ แนวโน้มการทำงานของแรงงานส่วนใหญ่จะหันเข้าสู่ภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นสำนวนที่เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘กระโดดลงทะเล’ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาใช้สำนวน ‘ขึ้นสู่ฝั่ง’ เพื่ออธิบายถึงการกลับเข้าสู่งานราชการที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้

“มีบัณฑิตจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานจีนราว 12 ล้านคนต่อปี การรับราชการเพื่อความมั่นคงจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ” จอร์จ แม็กนัส (George Magnus) ผู้ช่วยวิจัยศูนย์จีนศึกษา มหาวิทยาลัย Oxford กล่าว

ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2025/nov/28/china-civil-service-exam-age-limit-changed

https://www.chinadaily.com.cn/a/202510/17/WS68f1959ba310f735438b5796.html

Tags: , , , , , , ,