ในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา รายการ bholder LIVE ทาง The Momentum ชวน จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยถึงแนวทางการ ‘ยกเครื่อง’ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมาอยู่ในจุดที่ได้รับความนิยมจากประชาชนอีกครั้ง 

จักรภพอธิบายตอนหนึ่งว่า อันดับแรกของการยกเครื่องเพื่อไทย ต้องขยาย Workforce หรือบุคลากรที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมเพิ่มระบบการดึงคนเก่งจากภายนอก ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่มาจากระบบการเมืองหรือข้าราชการเข้ามาช่วย เพื่อให้สอดคล้องกับคณะการทำงานที่มีมากในการเมือง 

“ผมเคยคิดจะเสนอพรรคว่า ให้รัฐมนตรีแต่ละคนทำงานในระบบคณะทำงานดีไหม เอาคนมาทำงานกันทีละ 2-3 เดือน แก้กันไปในแต่ละปัญหา ไม่ต้องอยู่นาน ไม่ต้องแย่งตำแหน่งใคร แต่มาช่วยทำงานเฉพาะบางเวลาอาจทำให้เรามองข้างนอกได้ไกลมากขึ้น”

อันดับที่ 2 คือการหาจุดลงตัวของทักษิณ ชินวัตร ในช่วงเส้นทางการเมืองตั้งแต่การริเริ่มพรรคไทยรักไทย จนมาถึงพรรคเพื่อไทย จุดลงตัวระหว่างความดีและปัญหาในสมัยของ ทักษิณ ชินวัตร คืออะไร เมื่อรู้คำตอบนี้พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นหนึ่งในพรรคที่มีประสบการณ์มาก จากเส้นทางการเมืองที่อยู่มายาวนาน อีกทั้งจักรภพยังกล่าวชื่นชมพรรคเพื่อไทยถึงความพยายามและความตั้งใจของ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าคนใหม่ของพรรคเพื่อไทย และหวังว่าการยกเครื่องเพื่อไทยครั้งนี้จะสามารถพาเพื่อไทยกลับมาอยู่ในจุดที่ได้รับความนิยมเหมือนในอดีต

จักรภพยังชี้ว่า ในสมัยของ ทักษิณ ชินวัตร คำที่นำพาพรรคไทยรักไทยไปสู่ความสำเร็จได้ คือ ความกล้า แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษวิจารณ์แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องนำมาใส่ใจ ถึงแม้ในบางเวลาการทำงานจะต้องมีความประณีต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือ ‘ความกล้า’ เพราะความกล้าที่จะทำเช่นนี้เป็นเหมือนทุนทางการเมืองและกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ของการทำประโยชน์ให้แก่ประชาชน

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นคำถามสังคมเมื่อได้มีการตั้งคำถามถึงการผูกมัดระหว่างทักษิณ หรือตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเอง ว่ามีการผูกมัดกันมากเกินไปจนกลายเป็นภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยและต้องการที่จะลบล้างภาพลักษณ์นี้ออกไปหรือไม่ โดยทางจักรภพกล่าวว่า การถอดบทเรียนทางการเมืองมาใช้ให้เป็นประโยชน์ มีประโยชน์มากกว่าการตั้งคำถามถึงการล้างภาพลักษณ์ของพรรคการเมือง  

“เราควรเอาคุณทักษิณมาเป็นบทเรียนดีกว่า เพื่อที่จะได้รู้ถึงภาพสะท้อนและนำส่วนนี้มาใช้ ผมเชื่อว่านั่นยังมีประโยชน์กว่า เพราะยังมีความเชื่อมั่นอยู่ว่าทุกยุคมีประโยชน์ต่อเนื่องกัน”

ขณะเดียวกัน จักรภพยังเล่าตอนหนึ่งถึงช่วงการเมืองที่ได้รับการทาบทามจากทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือพรรคในตำแหน่งโฆษกรัฐบาล แต่ข้อเสนอนี้กลับสร้างความขัดแย้งภายในพรรคด้วยเหตุผลที่ว่า การดำรงตำแหน่งนี้จะเหมือนการเปิดทางให้ผู้สูงอายุมามีอำนาจอีกครั้งและอาจทำให้เกิดเป็นข้อพิพาทกันได้

ทั้งนี้ จักรภพกล่าวว่า การให้ความสนใจต่อคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ควรจะมีการจัดการเกี่ยวกับเรื่องผู้สูงอายุที่มาดำรงตำแหน่งด้วยเช่นเดียวกัน 

“คิดว่าตรงนี้เป็นศิลปะที่เราน่าจะลองทำดู เพราะว่าคนแก่ก็มีข้อดีหลายข้อ เช่น การทำความเข้าใจในคน คนรุ่นหลังเข้าใจเครื่อง ถ้ามารวมกันก็น่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่ดี”

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้นการรู้ว่าจะต้องพูดอะไรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยจะมี 3 สิ่งสำคัญ นั่นก็คือ หนึ่ง เราคือใคร สอง เขาเดือดร้อนอะไร และสาม เราจะทำอะไรได้บ้าง การมีครบทั้ง 3 ข้อนี้ถือเป็นสามมิติที่สำคัญ พร้อมทั้งต้องมีการลงพื้นที่ เข้าไปพูดคุยกับชุมชนและประชาชนให้มาก โดยอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือต้องหยุดการพูดคนเดียว การไปลงพื้นที่แล้วพูดให้ชาวบ้านฟังฝ่ายเดียวไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แต่ควรรับฟังปัญหาของประชาชนจึงจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปแก้ไขปัญหาต่อไป

“เพื่อไทยจะต้องค้นพบตัวเองว่าสิ่งที่เราผ่านมา 20 กว่าปี อะไรคือคุณค่า อะไรคือคำอธิบายว่าคนสูงอายุคนนี้ยังมีคุณค่าพอที่จะทำงานให้กับประเทศ และคนสูงอายุคนนี้จะเข้าใจรุ่นลูกได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราควรทำเพิ่ม ซึ่งผมคิดว่าเรายังมีเวลาที่จะทำ”

โดยจักรภพสรุปถึงบทเรียนบนเส้นทางการเมืองมากกว่า 20 ปี ว่าบทเรียนที่ใหญ่ที่สุด คือ ‘การยังไม่พ้นมนุษย์’ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่ แต่เป็นสังคมและผู้คนที่อารมณ์การเมืองแรง จนนำไปสู่ความขัดแย้ง หากเราสามารถบริหารอารมณ์ของอีกฝั่งหนึ่งได้ ก็สามารถทำได้ทุกอย่างและยกระดับความสำเร็จของพรรคการเมืองและประเทศไทยต่อไป

ชมรายการ bholder LIVE: ถอดบทเรียน ‘เพื่อไทย’ ในฐานะรัฐบาล กับ จักรภพ เพ็ญแข ย้อนหลังได้ทาง

Facebook: https://www.facebook.com/share/v/1Qjanoj6Za/

YouTube: https://www.youtube.com/live/cNv1K5Xjsgg

Tags: , , , , , ,