“ทำไมคุณยังเป็นสื่ออยู่นะ”

ผมเป็นบรรณาธิการบริหาร The Momentum มาแล้ว 4 ปี คำถามเดิมยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง หากจำกันได้ ปีที่แล้วผมก็ได้รับคำถามนี้ และปีนี้เป็นปีที่ท้าทายกว่าเดิม สภาพเศรษฐกิจยังคงชะงักงัน การเติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้ายภูมิภาค สภาพการเมืองยังลุ่มๆ ดอนๆ ภายใน 1 ปี มีนายกรัฐมนตรี 2 คน ภายใน 2 ปี มีนายกฯ 3 คน 

ไม่ใช่ประเทศไทยอย่างเดียวที่ท้าทาย ทั่วทุกมุมโลกเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กัน สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกาก็ถูกตั้งคำถาม เช่นเดียวกับเมื่อความเคลื่อนไหวของ Gen Z เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งในเนปาล อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ‘สื่อ’ ย่อมถูกเรียกร้องให้รายงานข่าวอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา สามารถตั้งคำถามต่อผู้มีอำนาจรัฐแทนประชาชน และสามารถเป็นกระบอกเสียงของคนทุกคนอย่างเท่าเทียม

คำถามดังๆ ยังเกิดขึ้นอีก ‘สื่อมวลชน’ ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ในวันที่ทุกคนสามารถรายงานข่าวได้เอง ‘สื่อมวลชน’ จะแข่งเอนเกจเมนต์กับบรรดาอินฟลูเอนเซอร์อย่างไร ในวันที่ยอดวิวมีผลสำคัญต่อรายได้ และต่อยอดโฆษณา ขณะเดียวกันเมื่อสื่อมวลชนต้องพึ่ง ‘แพลตฟอร์ม’ เป็นตัวกลางในการนำเสนอข่าวสาร แล้วจะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่งแพลตฟอร์ม ‘ทิ้ง’ สื่อมวลชน ไปหาคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ไปหาอินฟลูเอนเซอร์ที่หวือหวากว่า มีเนื้อหาที่น่าจูงใจกว่า เพราะดึงคนเข้าสู่แพลตฟอร์มได้มากกว่า

คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกับการคืบคลานเข้ามาของ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือ AI ก็ถูกตั้งคำถามแบบเดียวกันว่า จะเข้ามาแทนที่ ‘สื่อ’ หรือไม่ 

องค์กรสื่อหลายแห่งใช้ AI ตรวจปรู๊ฟแทนมนุษย์ ใช้ AI รายงานข่าวแทน หนักข้อขึ้นถึงขั้นใช้ผู้ประกาศ AI ใช้ AI เจเนอเรตรูปภาพ แทนที่จะใช้แผนกกราฟิกทำงาน บางองค์กรใช้ AI แปลข่าวต่างประเทศเข้ามาทั้งดุ้น ทั้งหมดนี้ไม่รวมถึงข่าวประชาสัมพันธ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อย วันนี้หากป้อนบรีฟเข้าไปใส่ Creative Idea ใส่เรื่องที่ต้องการเขียน ต้องยอมรับว่า AI ทำงานได้ดีกว่ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกันในวงการข้างเคียง วงการนักเขียน ‘ค่าเรื่อง’ และ ‘ค่าความคิดสร้างสรรค์’ ในการผลิตงานจึงต่ำเตี้ยลงกว่าเดิม วงการ ‘เอเจนซี’ ก็เกิดเดือดเนื้อร้อนตัวเช่นกัน Agency Fee เคยชาร์จลูกค้าได้แพงๆ แต่วันนี้เมื่อลูกค้าสามารถจบงานได้ด้วย ChatGPT หรือ Gemini เอเจนซีในฐานะ ‘ตัวกลาง’ สื่อสารเรื่องราวจากลูกค้าไปยังสื่อมวลชน ยังจำเป็นอยู่หรือไม่

คำถามเดียวกัน เกิดขึ้นในวงการศาลประเทศไทย ผู้พิพากษา อัยการ ใช้วิธีสอบด้วยการ ‘ท่อง’ ฎีกาเก่าๆ คำพิพากษา คำวินิจฉัยของศาล เกิดขึ้นด้วยการใช้ตัวบทกฎหมาย ใช้บรรทัดฐานเดิมจากคดีเก่าๆ ที่เคยทำมา นักคิดหัวก้าวหน้า ตั้งคำถามในแบบเดียวกันว่า ถ้าเรื่องมันง่ายแค่นี้ แล้วใช้ AI ตัดสินคดีความจะ ‘แม่น’ กว่าใช้มนุษย์ขี้เหม็น เป็นผู้ตัดสินคดีความหรือไม่

เพราะในระบบ AI คุณแค่ Prompt ข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน คุณก็สามารถวิเคราะห์มูลเหตุ เหตุการณ์ และพิพากษาได้ครบถ้วน และหลายครั้งอาจตัดสินได้แม่นยำกว่าผู้พิพากษาที่เป็นมนุษย์เสียอีก เพราะ AI มีข้อมูลครบถ้วน สามารถย้อนอดีตกลับไปได้ ในแง่ความรู้สึก AI ไม่มีธง มีใจเป็นกลาง ไม่มีอคติ เพียงแต่ต้องตรวจสอบ ตรวจทานข้อมูลเท่านั้น

ชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา เพิ่งออกประกาศมาเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาว่า ให้ใช้ AI เสริมงานคดีได้ แต่ห้ามชี้ขาดคดีโดยเด็ดขาด

เช่นนั้นแล้ว การคืบคลานของ AI และความกลัวว่าวันหนึ่ง AI จะครองโลก จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป หากเป็นเรื่องที่หนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ และดำเนินขึ้นอยู่ท่ามกลางความหวาดวิตกว่า ถึงแม้ AI จะไม่แทนที่มนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ AI จะทำให้ความสำคัญของมนุษย์ลดน้อยถอยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในที่สุด

การคืบคลานของ AI จึงไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องที่เอาไว้โชว์ภูมิในวงข้าวหรือวงเหล้า แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ควรเรียนรู้และต้องเรียนรู้ เพื่อป้องกันการถูก ‘แทนที่’

ในโอกาสครบรอบ 9 ปี ของ The Momentum เราได้จัดงาน ‘AI บนทางสองแพร่ง ความหวังหรือความน่าสะพรึง Ultimate Opportunity or Opponent’ ขึ้นที่โรงแรม Hilton Grand Asoke ในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่จะถึงนี้ โดยมี เรซา ซาดรี (Reza Sadri) อาจารย์จาก CalTech มาช่วยสังเคราะห์ AI พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติมากมาย ทั้งจากแวดวงนักธุรกิจ แวดวงการเมือง และแวดวงประชาสังคม

จุดมุ่งหมายหลักของเราก็คือ หาคำตอบว่า ในวันที่ AI กลายเป็น Buzzword ที่ใครๆ ก็พูดถึง มนุษย์ควร ‘กลัว’ มากแค่ไหน มีแง่มุมใดบ้างที่ควรกลัว และร่วมกันประเมินทิศทางว่า วันหนึ่ง AI จะแทนที่มนุษย์ได้สมบูรณ์แบบหรือไม่

นั่นคือการวาดความหวาดกลัว เหมือนกับพูดว่า ‘อวสาน’ บ่อยๆ แต่ในอีกมุม AI ก็คือความหวัง

ในมุมธุรกิจขนาดเล็ก AI สามารถลดจำนวนคน ร่นเวลาการทำงาน และช่วยทำงานเชิงความคิด เพื่อให้ไอเดียแหลมคมมากยิ่งขึ้น ดึงข้อมูลประกอบเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจได้ดีขึ้น หากประชาชนเข้าถึง AI ภายใต้ความรู้เท่าทัน

ในมุมประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วม AI จะพาเราเปิดโลกใหม่ ผ่านทั้งการย่อยข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลอันซับซ้อน ทำให้ประชาชนตัดสินใจโดยมีข้อมูลได้มากขึ้น ยิ่งการทำงาน Data Journalism จากเดิมที่ต้องอาศัยเวลา อาศัยผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หลายชั่วโมง หลายวัน การมี AI ที่ Prompt ได้ถูกต้อง ดีดนิ้วเพียงแค่ครั้งเดียว เราก็สามารถได้คำตอบในเรื่องยากๆ

“ทำไมคุณยังเป็นสื่ออยู่นะ”

การเป็นสื่อในโลกแห่งความผันผวนนั้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่การมี AI เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ ถ่วงดุล และช่วยให้รายงานข่าว ช่วยนักข่าวทำข่าว ในอีกแง่มุมก็เป็นเรื่องสนุกมากขึ้นตามไปด้วย

คำถามว่า ‘ทำไมคุณยังเป็นสื่ออยู่นะ’ อาจไม่ใช่คำถามที่โยนให้ The Momentum เพียงฝ่ายเดียว แต่คือคำถามที่สังคมต้องตอบร่วมกัน หากสังคมยังต้องการพื้นที่ให้ความจริงได้เปล่งเสียง ต้องการการตรวจสอบอำนาจ และต้องการบทสนทนาที่มีคุณภาพ 

คำตอบก็คือ สื่อยังจำเป็น และเราจะยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้

ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมทางกันมา และยังยืนอยู่เคียงข้าง ทุกเสียงติ เสียงชม เสียงด่า คือสิ่งที่ทำให้พวกเรามีความตั้งใจในการเป็นสื่อ ‘น้ำดี’ ให้กับสังคมต่อไป ทั้งยุคก่อน AI และนับจากวันนี้ที่ AI จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ

เราหวังว่าจะได้พบทุกท่านในวันที่ 20 ตุลาคมนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา 

หากไม่ติดอะไร อย่าลืมแวะเข้ามาทักทายกันนะครับ



Tags: , , , , ,