วันนี้ (23 กันยายน 2568) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พาดพิงเรื่องแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมกรณี ‘เขากระโดง’ พร้อมระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้กลัว และยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย

ทั้งนี้หากภูมิธรรมดำเนินการตามกฎหมายได้จริง ก็เชื่อว่าคงดำเนินการไปแล้ว เพราะตนเองออกมาจากกระทรวงมหาดไทยนานกว่า 3 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีใครทำอะไรเลย ได้แต่พูด และพอทำไม่ได้ก็มาโทษคนอื่น

“เขาหาว่า ผมเข้ามาแล้วทุกอย่างก็เลยหยุด ผมยังไม่ได้เข้ากระทรวงเลย แล้วเรื่องยาเสพติดก็ทำตามผมทั้งนั้น จับนู่นจับนี่ก็เดินตามผม ทีมผมก็ตั้งทั้งนั้น อยากเป็นฮีโร่ทางหน้าจอทั้งนั้น กล้าไปเหมือนผมหรือเปล่า ลงพื้นที่แบบผม ลงชายแดนแบบผม จับยาเสพติด ไปเสี่ยงตอนยืนแถลงข่าว เสี่ยงกระสุน เสี่ยงลูกปืน ทำแบบผมไหม คือปากก็ได้แต่พูดไป วาทกรรมไปเรื่อย”

อนุทินยังระบุด้วยว่า ภูมิธรรมต้องดิสเครดิตตนเองอยู่แล้ว และทำมาโดยตลอด

“ก็เขาอยากเข้าไปเป็น มท.1 จำได้ไหม ตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาก็ดิสเครดิตผมมาโดยตลอด เข้าไป จากคนที่เคยรักกันมา ครั้งล่าสุดที่ผมเจอคุณภูมิธรรม ผมจำได้ ยังกอดกันอยู่เลย แต่พอเข้าไปก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ก็ไม่เป็นไร
เขาก็ประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จไป 2 เดือนกว่า”

นายกฯ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ทำอะไร ยังไม่ได้ติดต่อใคร พร้อมกับบอกว่า ตอนตนเองไม่มีอำนาจ ไม่อยู่ที่กระทรวง คนก็หายหมด มีแต่วันนี้ไปไหนก็มีแต่คนดักรอ

“แต่ผมไม่คิดถือโทษโกรธใคร ผมไม่เหมือนคุณภูมิธรรม เข้ามาก็ฟาดเละหมดเลย ผมมีแต่คำว่าให้อภัย แล้วก็ลืม เหมือนเบิร์ดกะฮาร์ท ร้องเพลงลืม”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่ายร้าวแล้วหรือไม่ อนุทินระบุว่า “มันไม่ได้ร้าว มันแตกหมดแล้ว”

ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร จะร่วมกันได้หรือไม่ อนุทินระบุว่า เป็นเรื่องการเมือง หากแรงมา แล้วตนเองแรงกลับก็ไม่จบ

“ผมก็โดนเขาทำจนขนาดนี้แล้ว วันนี้ผมกลับเข้ามาแล้ว ยังไม่คิดจะทำไรเลย คิดทำงานอย่างเดียวให้กับประชาชน ไอ้เช็กบิล เช็กบัญชี ผมไม่ทำแบบเขาหรอก ไม่ใช้กลไกทางการเมือง เราต้องแข่งทำความดี สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ไม่ใช้กฎหมาย ผมจะไม่ใช้กลไกของรัฐที่ตัวเองรับผิดชอบป้ายสีคนอื่นอย่างที่รัฐบาลที่แล้วทำ”