พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อว่า มีประเทศที่สามขอให้ไทยและกัมพูชาเปิดด่านขนส่งสินค้า เพราะได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน และสื่อกัมพูชารายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของ เตีย เซียฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ว่าประเทศที่สามที่ขอให้เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาคือประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดน และกระทบไปยังห่วงโซ่อุปทานของโรงงานอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น
ต่อมามี ‘ชาวเน็ต’ ไทย เข้าไปแสดงความไม่เห็นด้วยใน Facebook แฟนเพจ ‘กระทรวงการต่างประเทศ’ ของประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ถึงเรื่องที่ขอให้เปิดด่าน และแสดงความคิดเห็นต่างๆ เป็นต้นว่า “ขอให้อย่าแทรกแซงการบริหารของไทย”, “เป็นคนญี่ปุ่นจริงเหรอ สอบตกมารยาทมาเป็นทูตได้ยังไง” และ “ถ้าแทรกแซงจริง ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศน่ารังเกียจที่สุดในสายตาของคนไทยเกือบ 100%”
ทั้งนี้ ในเพจของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีเนื้อหาเรียกร้องให้ ‘เปิดด่าน’ แต่อย่างใด มีเพียงแถลงการณ์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความเคารพต่อความพยายามทางการทูตของทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (General Border Committee: GBC) โดยเฉพาะมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อความก้าวหน้าของข้อตกลงหยุดยิง
“ความร่วมมือที่ดีระหว่างกัมพูชาและไทยนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพและการพัฒนาของภูมิภาคโดยรวม ญี่ปุ่นคาดหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง และการเจรจาจะสามารถลดความตึงเครียด รวมถึงสร้างสันติภาพขึ้นได้ โดยประเทศญี่ปุ่นจะดำเนินความร่วมมือกับทั้ง 2 ประเทศต่อไปในการบรรเทาความตึงเครียด และดำเนินมาตรการให้มั่นใจได้ว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะถูกปฏิบัติอย่างจริงจัง”
นอกจากโพสต์แถลงการณ์จะเต็มไปด้วยความคิดเห็นของชาวไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการปิดด่านแล้ว ชาวไทยยังตามคอมเมนต์ในเนื้อหาต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่น
ในวันนี้ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์เช่นกันว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นไปตามกรอบการเจรจา และอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลรักษาการ ซึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ และ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากยังไม่ได้ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งนี้หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ก็พร้อมพิจารณาทบทวนทันที เมื่อรัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทย เป็นสำคัญ และไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศที่สามที่มากดดันอย่างแน่นอน
“ขอยืนยันว่า การแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา ไทยต้องไม่เสียประโยชน์ และต้องสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น ตามนโยบายท่านนายกรัฐมนตรี ที่ต้องใช้แนวทางสันติวิธี และไม่ยอมเสียดินแดนแม้ตารางเซนติเมตรเดียว” สิริพงศ์ระบุ
Tags: ญี่ปุ่น, ไทยกัมพูชา, GBC