วันนี้ (17 มีนาคม 2568) ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายเรื่อง ‘ประสบการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน’ ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 มีโอกาสคิดกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ถึงแนวทางที่จะทำให้หนี้สินประชาชนหมดไป โดยได้ ‘คิดดังๆ’ ว่า รัฐบาลจะซื้อหนี้ทั้งหมด เอาหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อนหนี้ โดยอาจไม่ต้องชำระเต็มจำนวน

“เราเริ่มต้นใหม่ ยกหนี้จากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วทำมาหากินใหม่ สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท เพราะผมสามารถให้เอกชนลงทุน วันนี้รัฐเป็นหนี้เยอะ เราเข้ามาหนี้ก็บานตะไท จะขยับอะไรทีก็เป็นหนี้ทั้งหมด ฉะนั้นเราต้องสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด สร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ต้องทำ”

ทักษิณยังระบุด้วยว่า วันนี้โอกาสของคนไทยลดลงไปเยอะ วันนี้ธนาคารพาณิชย์ขี้เกียจแต่กำไรดี เพราะมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นพี่เลี้ยง เมื่อเงินเหลือก็ดูดออก ธนาคารพาณิชย์ก็ได้ดอกเบี้ย ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่ต้องขวนขวายปล่อยกู้เอสเอ็มอีและรายย่อย กลายเป็นว่าสินเชื่อรถและสินเชื่อบ้านก็ไม่ปล่อย แล้วเศรษฐกิจจะอยู่อย่างไร

“วันนี้รัฐบาลต้องหาทางเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล แต่รัฐบาลจำเป็นต้องทำ จำเป็นต้องปลดภาระให้ประชาชนทำมาหากินได้ต่อไป ให้ประชาชนมีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้น เพราะโอกาสมาแล้วก็ไป จะคว้าก็คว้าไม่ได้ เพราะหนี้เต็มหลัง เราต้องเอาหนี้ปล่อยวางไว้ แล้วขึ้นรถไฟโอกาสให้ได้”

ทักษิณยังกล่าวถึงพรรคประชาชนตอนหนึ่งด้วยว่า อาจจะโดนค่อนขอดว่าพูดอะไรหลายอย่าง ทำไป ก็ ‘ไม่ตรงปก’ หรือพูดไปก็ ‘ทำไม่ได้’ ทั้งนี้ขอให้จดไว้ได้เลยว่า ‘ทำได้ทุกอย่าง’ แต่เวลาอาจยืดออกไป เนื่องจากเหตุการณ์เปลี่ยน

“อย่างดิจิทัลวอลเล็ต อีกไม่นานคนจะเข้าใจมากกว่านี้ ตอนแรกที่พูดกันว่าไม่กู้เงิน เพราะเราไปเข้าใจว่าไม่มีใครมายุ่งกับการบริหาร เราก็จะออกเหรียญแล้วให้ประชาชนใช้พร้อมกันที่เดียว ตรงนั้นจะเกิดผลดีมหาศาล แล้วเหรียญจะวนในระบบ แล้วรัฐบาลค่อยๆ ตั้งงบชดใช้ เศรษฐกิจมันก็จะดี เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ เพื่อให้ใช้หนี้ตัวเอง แต่แบงก์ชาติมาถึงเป่านกหวีดปี๊ด บอกต้องมีเงินมาแบ็ก ต้องตั้งงบประมาณมาแบ็ก ผลสุดท้ายมันก็เลยผิดแผน

“แต่เราก็พยายามปรับปรุงแก้จนได้ แล้วต่อไปเทคโนโลยีวอลเล็ต พี่น้องจะจำยิ่งกว่า 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะมันจะเป็นกระเป๋าตังค์ประจำตัวท่าน ท่านจะถูกเติมเงินผ่านกระเป๋านี้ด้วยวิธีการต่างๆ นานา กระเป๋าเงินดิจิทัลตัวนี้จะอยู่กับท่านตลอดชีวิต แล้วท่านจะรู้ว่าเป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆ วันนี้คนยังมองไม่ออกก็ปล่อยให้เขามองไม่ออกต่อไป เรากำลังทำเรื่องทันสมัยและก้าวหน้า เพราะแบบโบราณเอาไม่อยู่จริงๆ”

ทักษิณเปรียบเศรษฐกิจไทยเป็นบ้านหลังหนึ่ง ถือเป็นบ้านที่ฐานรากพังดินทรุด ซ่อมยากกว่าซ่อมหลังคา ตอนวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งนั้นแค่หลังคาพัง ซ่อมง่าย ซ่อมเร็ว แต่ก็ต้องซ่อม ต้องซ่อมจนได้ เพราะไม่สามารถสร้างบ้านใหม่ไม่ได้

“อยากบอกให้คนเสื้อแดงทั้งหลาย ไปบอกพรรคพวกว่า เรื่องปัญหาของประเทศ ผมรับไว้ และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กระบวนการแก้ปัญหานั้นใช้เวลาและยากกว่าเดิม เพราะทหารวางระบบไว้เลอะพอสมควร แย่พอสมควร ปฏิวัติทีก็ถอยไปทีหนึ่ง

“เพราะฉะนั้นกว่าจะฟื้นใหม่ก็ยากหน่อย แต่ไม่เหนือความพยายาม เราต้องสู้ ต้องทำให้ได้ ผมรับทุกข์ของประชาชนมาแบก เพราะพระเจ้าอยู่หัวเราเป็นพระผู้มีเมตตาสูงมาก ท่านทรงห่วงใยประชาชนตลอด ผมถวายงานท่านมา ตั้งแต่ยังไม่เป็นนักการเมือง ผมทราบดีว่าหัวใจท่านทรงเมตตากับประชาชนมาก ฉะนั้นผมจะทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง ท่านจะได้ไม่ต้องทุกข์พระทัย และต้องทำให้เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ให้ได้”

Tags: , , , ,