ตัวเลขอุณหภูมิเฉลี่ย 33 องศาเซลเซียส บนแอปพลิเคชันสภาพอากาศ พร้อมกับแสงแดดที่ทำหน้าที่อย่างดุดัน (แม้บางวันอาจจะมีฝนบ้างเล็กน้อย) เป็นตัวชี้วัดได้ดีกว่า ‘ซัมเมอร์’ หรือฤดูร้อนสุดที่รักของเมืองไทยกลับมาหาพวกเราอย่างเป็นทางการแล้ว
ท่ามกลางความร้อนที่ระอุมากขึ้นเช่นนี้ คงพูดได้อย่างเต็มปากว่า น่าจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการหาดื่มเครื่องดื่มหวานๆ เย็นๆ มาดับอุณหภูมิเช่นนี้
เมื่อภารกิจต้อนรับหน้าร้อนเริ่มขึ้น The Momentum ไม่รอช้าที่จะค้นหาร้านเป้าหมาย จนได้พบกับร้านสมูทตี้แห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ในซอยสาทร 11 เป็นร้านตึกแถวเล็กๆ ทาด้วยสีเขียวชวนสบายตา พร้อมกับลังผลไม้วางอยู่หน้าร้าน
เมื่อเข้าไปแล้วก็ได้พบกับบรรยากาศร้านที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง มีของตกแต่งเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งร้าน ก่อนที่ในเวลาต่อมาเราได้พบกับ ซันนี่-วีรสรณ์ ลิ้มเจริญ และไอซ์-จักรภัทร มุ่งจิตภิญโญ คู่หูเพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ที่ปัจจุบันกลายเป็น CEO ของ ‘WOOPS’ (วู๊บส์) ร้านผลไม้ปั่นสุดน่ารักแห่งนี้
หลังจากทั้งสองแนะนำตัวกับ The Momentum อย่างเป็นมิตร บทสนทนาจึงเริ่มต้น ก่อนที่เราจะรู้ว่า เดิมทีทั้งคู่เคยทำงานประจำกันมาก่อน โดยซันนี่เป็นเซลส์ขายกระเป๋าเดินทาง ขณะที่ไอซ์ทำงานสายเอเจนซี่โฆษณา ต่อมาซันนี่เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านแห่งนี้ว่า ภายหลังกิจกรรมการตีกอล์ฟในฤดูร้อน เขาได้สั่งน้ำแตงโมปั่นแบบคลาสสิก (เป็นแค่แตงโมกับน้ำแข็ง) มาดื่ม แต่กลับรู้สึกผิดหวังกับรสชาติของมันอย่างสุดๆ เพราะมันจืดสนิท

คุณซันนี่ (ซ้าย) – คุณไอซ์ (ขวา)
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเขาว่า น้ำผลไม้ปั่นสามารถอร่อยและสุขภาพดีไปในเวลาเดียวกันได้หรือไม่ จึงชักชวนไอซ์เข้าร่วมธุรกิจ โดยไอซ์เปิดเผยกับเราว่า “ตอนแรกผมคิดว่าเขาชวนเล่นๆ” เพราะช่วงเวลานั้นเขาออกจากงานประจำมาเปิดแบรนด์เสื้อผ้าก่อน จึงมีเวลาว่างที่จะทำธุรกิจนี้
“จริงๆ ผมมีเวลาอยู่แล้ว เพราะเรามีทีมที่ทำ พอมีเวลา เราก็คิดว่าเป็นการคว้าโอกาส ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเพื่อนจะจริงจังขนาดนี้ ก็ลองทำด้วยกัน เราทดลองสูตรกันเดือนกว่า จนได้สูตรมา ตอนแรกก็เปิดที่ตึกนี้แหละ แต่อยู่ชั้นสอง ไม่มีหน้าร้าน ขายบน Grab ล้วน ช่วงแรกถามว่าขายได้ไหม ก็ขายได้ พอเราทำธุรกิจเพื่อนก็มาอุดหนุน” ไอซ์เล่าให้ฟังถึงวันแรกที่ WOOPS เปิด
ทว่าหลังจากกลุ่มเพื่อนหายไป ไอซ์เล่าต่อว่า WOOPS ก็เจอปัญหายอดขายไม่กระเตื้อง ทำให้ต้องทิ้งวัตถุดิบทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้หรือนมไป เพราะหมดอายุ
แต่ในความโชคร้ายครั้งนั้นกลับทำให้เห็น ‘โอกาส’ บางอย่าง เนื่องจากร้านตั้งอยู่บนชั้นสองของตึกแถว จึงทำให้มองเห็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ นั่นคือ ‘คนที่เดินผ่านไปมา’ ไอซ์เล่าให้เราฟังต่อว่า ถ้าร้านยังอยู่ชั้นสองไม่มีทางที่ลูกค้าจะเห็น WOOPS เป็นแน่ จึงตัดสินใจเปิดร้านบริเวณชั้นล่างของอาคาร
“เราก็รู้สึกว่า อย่างน้อยเราอยากให้เขาเห็นเรา เราอยู่ชั้นสองเขาไม่เห็นเราแน่ๆ ประกอบกับช่วงนั้นที่ร้านอาหารชั้นหนึ่งปิดพอดี เราก็เลยขอลงมาหน่อย เปิดเป็นโซนหน้าต่างเล็กๆ และเปิดขายกัน ขายได้มาเดือนนิดๆ จนเริ่มมีฐานลูกค้า ช่วงแรกเราเรียกลูกค้าตลอด สวัสดีครับ อะไรอย่างนี้ จนมีฐานลูกค้า ก็เลยตัดสินใจมาเช่าชั้นนี้ข้างใน ทำเป็นหน้าร้านให้ลูกค้าเข้ามานั่งได้” ไอซ์เล่าอย่างภูมิใจ
แล้ว WOOPS มีที่มาจากอะไร – เราถามต่อด้วยความสงสัย
ซันนี่ให้คำตอบว่า ตอนแรกชื่อร้านคงหนีไม่พ้น Smoothie หรือ Juice แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนร้านผลไม้ปั่นในตลาดแข่งขันทั่วไป จึงพยายามคิดให้ฉีกแนวไปเลย เพราะร้านสมูทตี้ไม่จำเป็นต้องมีชื่อตรงตามประเภทของมันก็ได้
“WOOPS จริงๆ มันเป็นเสียงเวลาเราดูดน้ำแล้วมันเป็นเสียงแก้ว วู๊บส์! คอนเซปต์ของร้านเราคือ Everyday Smoothie ที่กินง่าย ได้ทุกวัน เมนูร้านของเราจะสังเกตว่าเป็นเมนูที่เข้าใจง่ายๆ” ไอซ์เล่าเสริม
ระหว่างนั้นเอง เมนูแรกที่ทางร้านปั่นไปด้วยระหว่างการพูดคุย ก็ยกมาเสิร์ฟให้กับเราถึงโต๊ะกับเมนู ‘Yellow Army’ ซึ่งเป็นการปั่นของผลไม้ทั้งหมด 3 ชนิด คือ มะม่วง กล้วย และเลมอน ทำให้ได้รสชาติหวานจากมะม่วง สัมผัสที่นุ่มจากกล้วย ตัดกับความเปรี้ยวจากเลมอนอย่างลงตัว โดยรวมมีความสดชื่นเหมาะแก่การดับกระหายได้อย่างยอดเยี่ยม
ขณะที่อีกหนึ่งเมนู ซึ่งเป็นเมนูใหม่ของทางร้านอย่าง ‘Watermelon Matcha’ เสิร์ฟมาด้วยความเวอร์ เพราะมาพร้อมชิ้นแตงโมขนาดใหญ่จำนวน 2 ไม้ โดยไอซ์เล่าใหัฟังถึงที่มาของเมนูนี้ว่า ทางร้านต้องการที่จะเกาะไปกับกระแสมัทฉะฟีเวอร์ในช่วงนี้ แต่ปรับสูตรให้เข้ากับสิ่งที่ร้านมีอยู่ จึงได้พัฒนาเป็นการผสมระหว่างมัทฉะกับน้ำแตงโมเข้าไว้ด้วยกัน
ด้านความรู้สึกและสัมผัส Watermelon Matcha ให้ความรู้สึกที่สดชื่นไม่ต่างจาก Yellow Army แต่เนื่องจากเมนูนี้เป็นน้ำผลไม้สกัดจะทำให้มีสัมผัสที่เบากว่า ทั้งนี้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของมัทฉะก็ยังคงมีไม่หายไป นับว่าเป็นเมนูที่สดชื่นมากเช่นเดียวกัน
ก่อนที่เมนูสุดท้ายอย่าง ‘Acai Classic Berry’ มาเสิร์ฟด้านหน้าเรา มีส่วนผสมผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ทั้งสตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี กล้วย กาโนลา และเมล็ดเซีย ปิดท้ายราดด้วยนูเทลลา เมนูนี้ให้ความรู้สึกฉ่ำและสดชื่นจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี ถือว่าเป็นเมนูดับร้อนที่ดีเยี่ยมไม่ต่างจาก 2 แก้วก่อนหน้า
ระหว่างเอนจอยกับเมนูหวานเย็นทั้งหลาย คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของผู้เขียนถึงบรรยากาศการจัดร้านที่เห็นว่ามีการขายดอกไม้ จึงชวนทั้ง 2 หนุ่มคุยต่อว่า “ทำไมต้องขายดอกไม้ในร้านผลไม้ปั่นด้วย”
ไอซ์เป็นคนตอบคนแรกว่า “จริงๆ มาจาก Insight ที่พวกเราเป็นผู้ชายโรแมนติก (หัวเราะ)”
ขณะที่ซันนี่อธิบายว่า จริงๆ แล้วขายดอกไม้เป็นส่วนเสริมของทางร้านเท่านั้น เนื่องจากพอตัดสินใจมาเป็นหน้าร้านทำให้มีพื้นที่มากขึ้น จึงเห็นว่าต้องทำอะไรบางอย่าง ซึ่งตนเห็นว่า การขาย ‘ดอกไม้’ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากดอกไม้มีคุณค่าและสวยงาม จึงได้ติดต่อหาพาร์ตเนอร์นำดอกไม้เข้ามาขาย
แล้วหลังจากนี้ WOOPS วางแผนธุรกิจอย่างไรบ้าง – เราถามต่อ
ซันนี่กล่าวว่า แผนในปีนี้หลังจากมี 3 สาขาแล้ว ทั้งที่ซอยสาทร 11, ตึก Empire Tower และศูนย์การค้า EMSPHERE พวกเขากำลังจะเปิดสาขาที่ 4 เพิ่มเติม และหลังจากนั้นก็จะมาโฟกัสกับระบบหลังบ้านเสียมากกว่า
“ตอนนี้ WOOPS ขอทำหลังบ้านให้แข็งแรงก่อน ไม่ว่าจะครัวกลาง หรือผู้จัดการแต่ละสาขา พวกผมจะได้อยู่หลังบ้านได้มากขึ้น และเริ่มขยายต่อไป แต่ก็พยายามค้นหาทำเลกันอยู่ตลอด ถ้ามี Location ตรงไหนดีก็น่าจะเสียบเลย ยอมๆ เหนื่อยกันไปก่อน ตามคอนเสปต์ของมือใหม่อย่างพวกเรา มือใหม่คว้าทุกโอกาส เป็นวัยรุ่นสร้างตัว”
นอกจากนี้ ทั้ง 2 CEO หนุ่มยังเล่ากับ The Momentum ว่าพวกเขากำลังพัฒนาร้านในรูปแบบ Kiosk เพื่อไปวางจำหน่ายในอีเวนต์สำคัญต่างๆ ซึ่งน่าจะได้เห็นกันภายในปีนี้ พร้อมทั้งสปอยล์ถึงแนวคิดการแตกแบรนด์ลูกของ WOOPS ในตลาดอาหารคาวเพิ่มเติมในอนาคตให้ฟังอีกด้วย
ทั้งนี้สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังค้นหาร้านน้ำผลไม้ปั่นดับความร้อน The Momentum ขอแนะนำ WOOPS ให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกในการคลายร้อนในฤดูสุดที่รักของประเทศไทยได้ทั้ง 3 สาขา ไม่ว่าจะเป็นสาทร 11, ตึก Empire และศูนย์การค้า EMSPHERE แล้วมา ‘วู๊บส์’ ให้หมดแก้วไปพร้อมกัน
Tags: เครื่องดื่ม, ผลไม้, Out and About, Smoothie, สมูทตี้, Woops, ผลไม้ปั่น