ปตท.กวาดกำไรปี 67 รวม 9 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าขุดน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ เผยไม่กังวลการกลับมาของทรัมป์

วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) ที่อาคารสำนักงานใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ปตท.ประจำปี 2567 โดยระบุว่าบริษัทมีรายได้รวมกว่า 3.09 ล้านล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 90,072 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินปันผลที่ 2.10 บาทต่อหุ้น

คงกระพันกล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ชะลอตัวลง ตลอดจนความกังวลต่อนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ทำให้ปีที่ผ่านมา ปตท.กลับมาดำเนินธุรกิจที่เน้นกับกลุ่มธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) เช่น การลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณสู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจ LNG ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.ระบุว่า มีปริมาณการนำเข้าทั้งสัญญาระยะยาว และสัญญาแบบ Spot รวมกว่า 9.6 ล้านตันต่อปีเพื่อรองรับกับความต้องการพลังงานภายในประเทศ

อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ไฮโดรคาร์บอน (Non-Hydrocarbon) ปตท.มีการทบทวนกลยุทธ์การลงทุน เนื่องจากหลายธุรกิจไม่ได้สร้างกำไรให้กับทางกลุ่ม เช่น ร้านไก่ทอด Texus และกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistics)

ทั้งนี้คงกระพันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะหลังจากนี้ 5 ปี กลุ่ม ปตท.จะมีการลงทุนกว่า 5 หมื่นล้าน โดยในปีนี้คาดว่า จะใช้เงินกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทลงทุนกับกลุ่มธุรกิจ Hydrocarbon ที่ทำกำไรให้กับ ปตท.เป็นหลัก รวมทั้งจัดทำโครงการ ‘MissionX’ เพื่อสร้างความเข้มแข็งภายใน ยกระดับความสามารถการแข่งขันและเพิ่มอัตรากำไร EBITDA ได้ที่ 3 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2027

“ปตท.มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงาน สร้างการเติบโตควบคู่ไปกับการลดก๊าซเรือนกระจก ต้องสร้างความเข้มแข็งภายในองค์กร ลดความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพให้กับธุรกิจ พิจารณาการลงทุนอย่างระมัดระวัง” คงกระพันกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการกลับมาของ โดนัล ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ว่าจะมีผลต่อการดำเนินงานของ ปตท.หรือไม่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.ให้คำตอบว่า การกลับมาของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากกลุ่ม ปตท.ดำเนินธุรกิจไม่ได้สุดโต่งจนเกินไป ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านพลังงานสะอาดและไฮโดรคาร์บอนไปพร้อมกัน

ขณะที่ประเด็นที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีความพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ผ่านการแก้ไขระบบ Pool Gas คงกระพันตอบในประเด็นนี้ว่า ปัจจุบันยังไม่มีการพูดคุย หรือส่งสัญญาณใดๆ มาจากกระทรวงพลังงาน